ตอนที่แล้วบทที่ 11 – ข่าวลือ (III)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 - การเปลี่ยนแปลงของเขา (II)

บทที่ 12 – การเปลี่ยนแปลงของเขา (I)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 12 – การเปลี่ยนแปลงของเขา (I)

เอ๊? เหมิงฉีกระพริบตาและมองฉู่เทียนเฟิงด้วยความประหลาดใจ เขากล้าปกป้องนางจริงหรือ?!

เหมิงฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็กลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดออกจากปากและเงียบ คำพูดคำเดียวจากท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียน นั้นดีกว่าคำอธิบายร้อยคำของนาง

เหมิงฉีจำได้ว่านางถูกคุมขังในคุกใต้ดินเป็นเวลาสามเดือนในชีวิตก่อน ในท้ายที่สุดหัวหน้าสำนักก็ให้คนไปสืบสวนก่อน จึงจะพิสูจน์ได้ว่านางบริสุทธิ์

ความจริงแล้ว เรื่องนี้สืบสวนได้ง่ายดายนัก เมื่อฉู่เทียนเฟิงและลู่ชิงหรันได้รับบาดเจ็บ นางอยู่ที่หุบเขาชิงเฟิง ในเวลานั้นผู้ฝึกตนจากวังเฟินเทียนได้ตรวจสอบด้วยตนเอง และไม่พบร่องรอยของปราณมารในกายของเหมิงฉี

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ขั้นการบำเพ็ญเพียรของนางไม่ใช่ของปลอม ไม่ว่าจะเป็นการแอบออกจากหุบเขาชิงเฟิงหรือการซ่อนปราณมารไว้ในกาย เหมิงฉีก็ไม่มีทางที่จะหลอกผู้ฝึกตนเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นหากไม่ใช่เพราะการรุกรานของดินแดนมารในเวลานั้น เหมิงฉีคงไม่ถูกคุมขังนานถึงสามเดือน นางไม่โกรธหุบเขาชิงเฟิงหรือหัวหน้าสำนักหรอก แต่หลังจากเริ่มต้นชีวิตใหม่ นางก็แค่ไม่อยากเสียสามเดือนนั้นไปอีก

คำพูดของฉู่เทียนเฟิงไม่เพียงแต่ทำให้เหมิงฉีสงบลงเท่านั้น แต่ยังทำให้ลู่ชิงหรันตกใจ นางดูเหมือนจะไม่คาดคิดเลยว่าฉู่เทียนเฟิงจะพูดแทนเหมิงฉี

นางพูดตะกุกตะกักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำว่า: "แต่..."

"ไม่ใช่นาง" ฉู่เทียนเฟิงส่ายหัวอย่างหนักแน่น จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเหมิงฉี ซึ่งกำลังยังคงครุ่นคิดอยู่

ทันใดนั้น เหมิงฉีก็ก้มศีรษะลงและสบตากับฉู่เทียนเฟิง ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงเย็นชาเหมือนเช่นเคย แม้จะถูกพิษโจมตีอย่างกะทันหัน แต่ร่างในอาภรณ์สีดำของเขาก็ยังคงตรงและมั่นคง ทว่าเมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของเหมิงฉี อารมณ์ที่ไม่รู้จักก็ฉายผ่านดวงตาของเขา เขาหลบสายตาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนจะรู้สึกอึดอัดและลังเลที่จะจ้องมองนาง

ลู่ชิงหรันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดอีกครั้งว่า "แต่เทียนเฟิง พิษของท่าน..."

ลู่ชิงหรันเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของหุบเขาชิงเฟิง เมื่อฉู่เทียนเฟิงได้รับบาดเจ็บหลังจากปกป้องนาง นางก็พยายามรักษาบาดแผลของเขา เนื่องจากอาภรณ์สีดำของเขาทำหน้าที่เป็นเกราะเสริม อาการบาดเจ็บจึงไม่ได้แย่นัก แต่ปัญหาคือพิษ ลู่ชิงหรันรู้ว่าพิษนี้เกินความสามารถของนาง

เหมิงฉีเข้าสำนักได้เพียงครึ่งปี แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ แต่ก็ไม่มีทางที่นางจะรักษาพิษที่สูงกว่าระดับการบำเพ็ญเพียรของนางเองหลายขั้น แม้แต่อาจารย์ของลู่ชิงหรันก็อาจจะไม่สามารถรักษาได้...

"คนที่อยู่กับอสูรมารวันนั้นอย่างน้อยก็อยู่ในขั้นแก่นทองคำ นางจะเป็นศิษย์น้องของเจ้าไม่ได้"

"แต่..." ลู่ชิงหรันยังคงต้องการที่จะขัดแย้ง

"นางไม่สามารถซ่อนระดับการบำเพ็ญเพียรของนางจากข้าได้" ฉู่เทียนเฟิงตอบข้อสงสัยของลู่ชิงหรันและอธิบายสั้น ๆ เสียงของเขายังคงเย็นชา แม้ว่าเขาจะปกป้องเหมิงฉี แต่เขาก็ไม่เคยเหลือบมองนางเลย

"เข้าใจแล้ว" หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่ชิงหรันก็เข้าใจและพยักหน้า ฉู่เทียนเฟิงยังคงพูดแก้ต่างให้เหมิงฉีต่อไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการปกป้องนาง

การที่ฉู่เทียนเฟิงไว้ใจเหมิงฉีมาก นั่นแสดงว่าศิษย์น้องคนนี้บริสุทธิ์จริง ๆ ลู่ชิงหรันเชื่อในชายผู้ทรงพลังคนนี้ที่ซึ่งเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องนาง

นางหันไปมองเหมิงฉี รู้สึกละอายใจเล็กน้อย

"ศิษย์น้องเหมิง ขอโทษด้วย" ลู่ชิงหรันขอโทษอย่างจริงใจ: "ข้าแค่เป็นห่วงเทียนเฟิงมากเกินไป เขาบาดเจ็บเพราะปกป้องข้า อสูรมารตัวนั้นแข็งแกร่งเกินไป ข้ากังวลมากเกินไป..."

"ไม่เป็นไร" เหมิงฉีโบกมือและตัดบทพูดของลู่ชิงหรัน "ตอนนี้ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว"

พูดตามตรงนะ นางระแวงเกี่ยวกับเรื่อง 'บุตรีแห่งโชค' ในตำนานของลู่ชิงหรันมาก

ในชีวิตก่อนของเหมิงฉี มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นางตายทางอ้อมอีกด้วย ในชาตินี้ เหมิงฉีจึงตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะบำเพ็ญเพียรให้มากที่สุด หลังจากผ่านพ้นอันตรายและนางมีพลังมากพอ นางจะออกจากหุบเขาชิงเฟิงและจากไปจากแดนบูรพา

เหมิงฉีจำได้ว่าอาจารย์ของนางบอกนางว่า เขามาจากสำนักที่ซ่อนเร้นอยู่ในแดนบูรพา สามภพกว้างใหญ่มาก แม้ว่าความแตกต่างระหว่างแดนบูรพาและแดนประจิมจะสามารถย่นระยะได้ด้วยแผนที่

แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาอย่างเหมิงฉี มันยากและอันตรายอย่างยิ่งที่จะตามหาผู้คนในดินแดนต่าง ๆ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก นางสามารถค่อย ๆ เดินทางไปทางทิศประจิมในขณะที่พัฒนาระดับการบำเพ็ญเพียรของนางทีละเล็กทีละน้อยได้

เหมิงฉีได้ยินจากอาจารย์ลึกลับของนางว่า แดนประจิมมีสำนักแพทย์ที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก ในสำนักนั้นมีผู้บำเพ็ญเพียรวิชาแพทย์ระดับสูงมากที่บรรลุจุดสูงสุดถึงขั้นแปดแล้ว ทั้งยังมีผู้บำเพ็ญเพียรฝ่ายแพทย์ที่ยังคงฝึกฝนวิชาการปรุงโอสถ ซึ่งมีคติประจำใจว่า 'ทุกสิ่งในโลกนี้สามารถใช้เป็นโอสถได้' ยังมีผู้บำเพ็ญเพียรอีกนับไม่ถ้วนที่มีใจเดียวกันอุทิศตนเพื่อรักษาผู้คนทั่วโลก

ตั้งแต่นั้นมา เหมิงฉีก็ใฝ่ฝันที่จะไปยังแดนประจิม ในตอนนั้นการบำเพ็ญเพียรของนางใกล้จะถึงขั้นแก่นทองคำแล้ว อาจารย์ของนางยังสัญญาว่าหลังจากที่นางประสบความสำเร็จในการสร้างแก่นทองคำ เขาจะพานางไปยังแดนประจิมและช่วยให้นางเข้าสำนักแพทย์ได้

ช่างน่าเสียดาย...

นางส่ายหัว

สำหรับเหมิงฉี ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้านางในตอนนี้ช่างไม่เที่ยงแท้และหายวับไปราวกับเมฆที่ลอยผ่านไป เมื่อข้อสงสัยได้รับการอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว นางก็ไม่ต้องเสียเวลาอีกสามเดือนไปกับการถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินอีก และ 'บุตรีแห่งโชค' ผู้นี้?

แน่นอนอยู่แล้ว นางอยากจะลดการติดต่อกับนางให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

"ศิษย์น้องเหมิง ข้า..."

"ไม่เป็นไร" เหมิงฉีโบกมือ ปัดคำพูดของลู่ชิงหรันอีกครั้ง จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนและพูดกับฉู่เทียนเฟิงว่า "ไปที่บ่อเหตุมันต์กันเถอะ"

หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบ่อเหมันต์ เหมิงฉีก็ไม่แน่ใจว่านางจะสามารถกำจัดพิษได้อย่างสมบูรณ์

ฉู่เทียนเฟิงพยักหน้า เขาลุกขึ้นยืนอย่างเงียบ ๆ เดินตามหลังเหมิงฉีและเดินตามนางออกไปนอกประตู

"เทียนเฟิง" ลู่ชิงหรันไม่สนใจว่าร่างกายของนางยังคงอ่อนแอหลังจากไม่ได้สติไปหลายวันและลุกขึ้นยืน "มีอะไรให้ข้าช่วยไหม?"

ลู่ชิงหรันนั้นงดงามจริง ๆ แม้ในหมู่สาวงามนับไม่ถ้วนในสามภพ นางก็ยังคงโดดเด่น คิ้วเรียวสวย ริมฝีปากสีชมพูคล้ายกลีบดอกเหมย ดั้งจมูกงดงาม ดวงตาโตของนางสดใสราวดวงดาวที่ส่องแสง ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางบอบบางและสง่าเหมือนสตรีตามตำนานในภาพวาดโบราณ

โดยรวมแล้วนางเหมือนเทพธิดา เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าซีดและบอบบางของนาง มันก็เพียงพอที่จะเปล่งรัศมีเหมือนเทพธิดาที่มนุษย์ไม่มีแล้ว

เหมิงฉีก้าวผ่านลู่ชิงหรันไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง ตามมาด้วยฉู่เทียนเฟิงอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาค่อนข้างซับซ้อน ท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนผู้ภาคภูมิและแน่วแน่ผู้นี้ จนกระทั่งเมื่อครู่ยังเป็นชายหนุ่มผู้หลงใหลที่เฝ้าดูแลลู่ชิงหรันอยู่หลายวัน แต่ตอนนี้ ราวกับว่าเขาลืมนางไปโดยสิ้นเชิง เขาเดินผ่านนางไปโดยไม่แม้แต่จะมองอีกแม้แต่น้อย

แม้เมื่อนางเรียกชื่อเขา เขาก็ไม่สนใจและรีบตามเหมิงฉีไป ทิ้งลานเล็ก ๆ แห่งนี้ไว้เบื้องหลัง

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด