ตอนที่แล้วบทที่ 10 ข่าวลือ (II)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 – การเปลี่ยนแปลงของเขา (I)

บทที่ 11 – ข่าวลือ (III)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 11 – ข่าวลือ (III)

“ข้าเอาโอสถชำระจิตใจมาด้วยสองสามเม็ด” เหมิงฉีอธิบาย “ศิษย์พี่หญิงยังไม่ได้สติหลังจากผ่านไปหลายวัน นางต้องได้รับผลกระทบจากปราณอสูรมารแน่นอน”

“ยาชำระจิตใจ?” ฉู่เทียนเฟิงตกตะลึง “หุบเขาชิงเฟิงก็มียาเม็ดนี้เหมือนกัน”

“ใช่” เหมิงฉีพยักหน้า “แต่ยามที่ข้าปรุงโอสถนี้ ข้าใส่สมุนไพรเพิ่มเข้าไปอีกสองชนิด ทำให้สรรพคุณทางยามันเพิ่มขึ้น 80 เท่า”

นี่เป็นวิธีที่นางเรียนรู้มาจากผู้เชี่ยวชาญ

ผู้บำเพ็ญเพียรในสามภพส่วนใหญ่แบ่งออกเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่ใช้เคล็ดวิชาและผู้บำเพ็ญเพียรกระบี่ นอกเหนือจากสองอย่างนี้ ก็มีเพียงการฝึกวิชาแพทย์และการกลั่นโอสถเท่านั้นที่ถือว่าเป็นวิถีหลัก ส่วนที่เหลือมักถือว่าเป็นระดับรองลงไป

ในชาติที่แล้ว เหมิงฉีได้พบกับผู้ฝึกตนที่เชี่ยวชาญด้านการปรุงโอสถมาก เขาเหมือนกับเหมิงฉี ชายผู้นี้ทุ่มเทให้กับวิชาของตนอย่างยิ่งยวด ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว

เพราะอิทธิพลของเขา นางจึงเริ่มใช้เคล็ดวิชาในการปรุงวัตถุวิเศษมาใช้ในการปรุงโอสถ

เมื่อสร้างวัตถุวิเศษ ผู้ปรุงโอสถสามารถใส่คาถาอาคมลงในวัตถุได้ เช่นเดียวกัน เหมิงฉีและชายที่นางเรียกว่าอาจารย์จึงคิดค้นวิธีการใส่คาถาอาคมลงในเม็ดโอสถได้

แต่เหมิงฉีตายเร็วและกะทันหันเกินไป แม้ว่านางจะเข้าใจหลักการ แต่นางก็ทำได้แค่ใช้กับเม็ดโอสถขั้นต่ำระดับหนึ่งเท่านั้น

เมื่อนึกถึงอดีต นี่อาจเป็นสิ่งที่นางเสียใจมากที่สุดในชาติก่อน แน่นอน นางไม่อาจบอกสิ่งเหล่านี้กับฉู่เทียนเฟิงได้ เหมิงฉีเองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรด้านวิชาแพทย์ ดังนั้นนางจึงรู้ดีว่าวิธีนี้จะนำมาซึ่งความตกตะลึงแก่สังคมผู้รักษาทั้งหมดมากเพียงใด

"ให้ข้าดูหน่อย" หัวหน้าสำนักรีบเข้ามาและหยิบเม็ดยาจากฝ่ามือของเหมิงฉี นางเอียงศีรษะและดมยา ไม่พบปัญหาใด ๆ ส่วนเรื่องสรรพคุณ...

"งั้นลองดูเถิด" นางถอนหายใจเบาๆ

นางเป็นเพียงหัวหน้าสำนักของสำนักเล็กๆ ความสามารถของนางมีจำกัด ในสามภพนี้ พูดตรงๆ นางเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ หลายสิ่งหลายอย่างทำให้นางจนปัญญา ตัวอย่างเช่นตอนนี้ ศิษย์ของนางยังไม่ฟื้น แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้

โอสถนั้นถูกป้อนให้ลู่ชิงหรันอย่างรวดเร็ว

เหมิงฉีหันไปหาฉู่เทียนเฟิง: "หลังจากศิษย์พี่หญิงตื่นขึ้น พวกเราจะรักษาท่านต่อ"

"เจ้า..." ในที่สุดหัวหน้าสำนักก็ถามได้ "เหมิงฉี พิษของสหายเต๋าทางฉู่เป็นเช่นไรบ้าง?"

"ยังไม่หาย" เหมิงฉีตอบอย่างตรงไปตรงมา

ฉู่เทียนเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ชอบที่เหมิงฉีรักเงินตรา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางบรรเทาพิษของเขาไปครึ่งหนึ่งแล้วจริง ๆ

"แต่หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว" ฉู่เทียนเฟิงตอบอย่างเย็นชา

"จริงหรือ?" หัวหน้าสำนักรู้สึกทึ่ง นางเพียงตกลงที่จะให้เหมิงฉีลองดู ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว นางก็แค่เต็มใจที่จะยอมรับทุกอย่างเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะทั่วทั้งหุบเขาชิงเฟิงหมดหนทางแล้ว มีเพียงเหมิงฉีเท่านั้นที่กล้าก้าวออกมาข้างหน้า

หลังจากฉู่เทียนเฟิงพูดออกไป เขาก็นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ เหมิงฉีก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ขั้นตอนการรักษาต่อไปเป็นขั้นตอนที่อันตรายที่สุด ดังนั้นนางจึงหาเก้าอี้มานั่งลงและเริ่มหลับตาลง

ห้องตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ลู่ชิงหรันที่ไม่ได้สติไปหลายวันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

ฉู่เทียนเฟิงซึ่งนั่งอยู่ไกลที่สุด เคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เขากระโดดและก้าวอย่างรวดเร็วไปที่เตียง

"ชิงหรัน!" เขายื่นตัวไปที่เตียง

ดวงตาคล้ายผลลูกแพร์ของหญิงสาวยังคงมึนงง แต่เบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่ม "เทียนเฟิง?"

ลู่ชิงหรันลุกขึ้นทันที: "ท่านไม่เป็นไรสินะ!"

นางโผเข้าไปในอ้อมแขนของฉู่เทียนเฟิงทันที กอดเอวเขาแน่น "ข้าคิดว่า... ข้าคิดว่าพวกเราจะตายแล้วเสียอีก..."

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” ฉู่เทียนเฟิงก้มศีรษะและลูบไหล่นางเบา ๆ เขากำลังจะปลอบหญิงงามในอ้อมแขน แต่แล้วความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็โจมตี

“อึก...” ฉู่เทียนเฟิงเอื้อมมือไปกดหน้าผาก ตัวของเขาเซถอยหลัง

"เทียนเฟิง?!" ลู่ชิงหรันไม่สนใจร่างกายที่ยังง่วงซึมของตัวเองและรีบเอื้อมมือไปพยุงเขา "เจ้าเป็นอะไรไป?"

เหมิงฉีก้าวไปข้างหน้า: "เขาโดนพิษ! เร็วเข้า! ช่วยเขาลงนั่ง"

เหมิงฉีร่ายคาถาด้วยมือขวาอย่างรวดเร็วและแตะที่ศีรษะของฉู่เทียนเฟิง ดวงตาของลู่ชิงหรันเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ นางมองดูการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นและใบหน้าที่สงบนิ่งของศิษย์น้องผู้นี้ซึ่งดูไม่คุ้นเคย

"ชิงหรัน..." หัวหน้าสำนักเรียกนาง

"อาจารย์" ลู่ชิงหรันหันศีรษะอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางแดงก่ำทันทีเมื่อเห็นหัวหน้าสำนัก โผเข้าสู่อ้อมแขนของอาจารย์ ลู่ชิงหรันร้องไห้อย่างขมขื่น "ศิษย์...ศิษย์คิดว่าจะไม่ได้พบอาจารย์อีกแล้ว"

"ไม่เป็นไร" หัวหน้าสำนักถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตบไหล่นาง

"นี่... ศิษย์น้องเหมิงฉี..." หลังจากกอดหัวหน้าสำนักครู่หนึ่ง ลู่ชิงหรันก็เอียงศีรษะเพื่อมองเหมิงฉี "นาง..."

"นางกำลังรักษาพิษของสหายเต๋าฉู่" หัวหน้าสำนักปลอบลู่ชิงหรัน "ดีแล้วที่เจ้าไม่เป็นอะไร"

"แต่ศิษย์น้องเหมิงยังอยู่ในขั้นกลั่นพลังลมปราณไม่ใช่หรือ?" ลู่ชิงหรันยิ่งประหลาดใจหนักเข้าไปอีก

นางเบิกตากว้างทันที: "อาจารย์ ข้าจำได้ว่าตอนที่พวกเราเจออสูรมาร ศิษย์เหมือนจะเห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมเครื่องแบบหุบเขาชิงเฟิงอยู่กับอสูรตัวนั้น ศิษย์ไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวหาศิษย์น้อง แต่...แต่นาง..."

ลู่ชิงหรันสับสน: "อสูรมารตัวนั้นระดับห้า และศิษย์น้องยังอยู่ในขั้นกลั่นพลังลมปราณ แล้วนางจะสามารถล้างพิษได้เช่นไร...ศิษย์ไม่ได้สงสัยในตัวนาง แต่อาการของเทียนเฟิง... หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา..."

เป็นไปตามคาด!

แม้ว่าเหมิงฉียังคงยุ่งอยู่กับการรักษาฉู่เทียนเฟิง แต่นางก็ได้ยินอย่างชัดเจน โชคดีที่นางเตรียมตัวไว้แล้ว นางจึงปล่อยให้ลู่ชิงหรันตื่นเองก่อนหน้านี้ มิฉะนั้นนางอาจจะถูกขังโดยไม่เป็นธรรมอีกสามเดือน เหมิงฉีถอนหายใจและเอามือออกจากไหล่ของฉู่เทียนเฟิง แต่ก่อนที่นางจะมีโอกาสพูด ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

"ไม่ใช่นาง!"

เอ๊?

เหมิงฉีชะงัก นางมองไปที่ฉู่เทียนเฟิงโดยไม่รู้ตัว

ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มลืมตาตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้ว่าเขาจะดูสงบกว่าเมื่อก่อน แต่สายตาของเขาก็ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปที่เหมิงฉี

เมื่อเผชิญกับสายตาของเหมิงฉี ฉู่เทียนเฟิงก็รีบหันศีรษะไปทางอื่น เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดอย่างหนักแน่นว่า "ม...เหมิงฉีไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน!"

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด