ตอนที่แล้วบทที่่ 5 ข้าควรเรียกเก็บเงินจากเขาเท่าใด? (II)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 จงลงชื่อในสัญญา (I)

บทที่่ 6 ข้าควรเรียกเก็บเงินจากเขาเท่าใด? (III)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่่ 6  ข้าควรเรียกเก็บเงินจากเขาเท่าใด? (III)

เมื่อครั้งที่ก่อตั้งหุบเขาชิงเฟิง สถานที่ที่ถูกเลือกให้เป็นที่ตั้งของสำนักก็คือบ่อน้ำเหมันต์แห่งนี้ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา

ก่อนที่เหมิงฉีจะเข้าใกล้ นางก็รู้สึกหนาวเหน็บแล้ว เหมือนเข็มเล็ก ๆ ที่แฝงปราณเหมันต์แทรกซึมเข้าไปในกระดูกของนาง

ตัวนางก็เป็นแค่ผู้ฝึกตนขั้นกลั่นพลังลมปราณ บ่อน้ำเหมันต์นี้เป็นสถานที่ที่หัวหน้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสคนอื่น ๆ มาบำเพ็ญเพียรตน แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็จะมาที่นี่แค่เดือนละครั้งเท่านั้น

เหมิงฉีหยุดก้าว นางหยิบเม็ดโอสถสีแดงเข้มเม็ดเล็ก ๆ ออกมาจากที่เก็บของรูปกำไลแล้วค่อย ๆ ใส่เข้าปาก

เจ้านี้เดิมเป็นเม็ดยาชั้นหนึ่งที่พบได้ทั่วไป เรียกว่า "ไออุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิ" ทว่ายาที่นางกินเมื่อครู่นี้เป็นขั้นที่ได้รับการปรับปรุงเล็กน้อย ช่วยให้ผู้ฝึกตนขั้นกลั่นพลังลมปราณและขั้นสร้างรากฐานสามารถต้านทานความเยือกเย็นของสถานที่แห่งนี้ไปได้

เหมิงฉีอมยาไว้ใต้ลิ้นและก้าวต่อไปอีกสองก้าว ทันใดนั้นนางก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันกลับไปมองฉู่เทียนเฟิงที่เดินตามหลังนางมาสองก้าว

"ท่านรู้สึกหนาวไหม?" เหมิงฉีจำได้ว่าหลังจากที่เขาได้รับพิษและบาดเจ็บ การบำเพ็ญเพียรของฉู่เทียนเฟิงก็ถูกระงับจนเหลือเพียงขั้นควบคุมพลังลมปราณ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถต้านทานความหนาวเย็นจากบ่อแห่งนี้ได้

ใบหน้าซีดเซียวของฉู่เทียนเฟิงแดงก่ำเมื่อถูกเหมิงฉีถาม แน่นอนว่าเขารู้สึกหนาว แต่เขาไม่อยากยอมรับ ท่ายชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าหญิงสาวหน้าเงินผู้นี้

"นี่สำหรับท่าน" เหมิงฉีสัมผัสที่เก็บของรูปกำไล หยิบเม็ดโอสถอีกหนึ่งเม็ดแล้วยื่นให้ฉู่เทียนเฟิง

"ไม่จำเป็น" ทันทีที่ฉู่เทียนเฟิงพูด ฟันของเขาก็กระทบกันเบา ๆ ในทันที ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ถ้าระดับการบำเพ็ญเพียรของเขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขาจะไม่มีวันตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้

"บ่อน้ำเหมันต์ของสำนักเราเต็มไปด้วยพลังปราณที่หนาแน่น ความเย็นของมันซึมเข้าไปในกระดูกและสามารถบรรเทาผลกระทบจากพิษของท่านได้" เหมิงฉีถือเม็ดโอสถไว้ในมือข้างหนึ่ง "มันยังสามารถบังคับให้พิษหยุดไหลเวียนได้ เพื่อที่มันจะได้ไม่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายของท่านและทำให้ง่ายต่อการดึงพิษออก"

ในเวลานี้ ห่างไกลจากห้องโถงใหญ่ของหุบเขาชิงเฟิง ทั้งสองยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของยอดเขา ไม่มีผู้ใดอยู่โดยรอบ เขาได้ยินเพียงเสียงของเหมิงฉีพร้อมกับสายลมหนาว เสียงของนางไพเราะมาก น้ำเสียงของนางจะไม่แข็งกระด้างมากเกินไป เรียกได้ว่าอ่อนหวานและไพเราะเหมือนน้ำพุ ฟังแล้วดูสบายใจยิ่ง

หลังจากฟังคำอธิบายของนาง สีหน้าของฉู่เทียนเฟิงก็ดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาเกือบสงสัยว่านางตั้งใจจะทำให้เขาอับอายหรือไม่

"ข้าลืมไปว่าระดับบำเพ็ญเพียรของท่านถูกพิษอสูรมารปิดกั้นไว้ ในสำนักของเรา ผู้ฝึกตนในขั้นควบคุมพลังลมปราณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้บ่อเหมันต์แห่งนี้" เหมิงฉีกล่าวเสริม

สีหน้าของฉู่เทียนเฟิงเริ่มผ่อนคลายลงยิ่งขึ้น

"ยาเม็ดไออุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลินี้จะช่วยไม่ให้ท่านเจ็บปวดจากปราณเหมันต์ในบ่อแห่งนี้ ไม่ต้องกังวลไป..." เหมิงฉีอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

สีหน้าของฉู่เทียนเฟิงค่อย ๆ ดีขึ้น แขนของเขาขยับเล็กน้อย สตรีผู้นี้มีเจตนาดีจริง ๆ การปฏิเสธเมื่อครู่ของเขาอาจทำให้เหมิงฉีเข้าใจผิด คิดว่าเขาสงสัยในเจตนาของนางกับเม็ดโอสถ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นางอธิบายเช่นนี้สินะ

"ข้าไม่ได้..." ฉู่เทียนเฟิงแค่อยากจะอธิบายว่าเขาไม่ได้สงสัยในโอสถของเหมิงฉี ราวกับจะพิสูจน์ตัวเอง เขาก็ยื่นมือออกไปและหยิบโอสถจากฝ่ามือของนาง

เขามองดูโอสถสีแดงเข้มในมือของเขา มันเริ่มปล่อยความอบอุ่นออกมา ซึ่งมันทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย เขาเคยเห็นโอสถระดับต่ำที่คล้ายกันมาก่อน แต่โอสถเม็ดนี้...

ฉู่เทียนเฟิงเลียนแบบเหมิงฉีและอมยาไว้ใต้ลิ้น ทันใดนั้น ความรู้สึกอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วแขนขาของเขา ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดที่เขารู้สึกตลอดเวลาหลังจากการโจมตีด้วยพิษครั้งก่อนจะลดลง ยานี้ดูแตกต่างจากยาไออุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิธรรมดาเล็กน้อย

"ข้ากลั่นโอสถเม็ดนี้เอง นอกจากส่วนผสมหลักของหญ้าเปลวไฟแล้ว ข้ายังใส่เมล็ดของมันระหว่างการปรุงอีกด้วย" เหมิงฉีอธิบายอีกครั้ง

ความรู้สึกหนาวเย็นลดลง และแม้แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากพิษก็ดูเหมือนจะบรรเทาลงมาก แม้ว่าฉู่เทียนเฟิงจะเป็นอัจฉริยะ แต่เขาก็ยังเป็นชายหนุ่ม เมื่อครู่นี้เขาโกรธเหมิงฉีมากจนสาบานว่าจะเป็นศัตรูกับนาง แต่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าน้ำเสียงที่สงบและชัดเจนของอีกฝ่ายท่ามกลางสายลมหนาวดูเหมือนจะไม่ได้น่ารังเกียจเหมือนก่อนหน้านี้เลย

เหมิงฉีอธิบายต่อว่า "ยาไออุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิธรรมดา ราคาหินวิญญาณขั้นหนึ่งสิบห้าก้อน"

แล้วเขาก็ได้ยินหญิงสาวพูดออกมาอีกว่า "ดังนั้นยานี้จะคิดเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คิดเป็น หินวิญญาณขั้นหนึ่งสองร้อยก้อน"

ฉู่เทียนเฟิง: "..."

สีหน้าที่เพิ่งผ่อนคลายลงแปรเปลี่ยนกลายเป็นบูดบึ้งอีกครั้ง

ดีมาก!

ข้าจะจำเรื่องนี้เอาไว้!

ในฐานะท่ายชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียน ฉู่เทียนเฟิงไม่เคยสนใจเรื่องเล็กน้อย เช่น หินวิญญาณขั้นต่ำหนึ่งหรือสองร้อยก้อนเลย

เพียงแค่….

เดิมทีฉู่เทียนเฟิงตามเหมิงฉีไปเพื่อดูว่านางวางแผนจะทำอะไร แต่ในขณะนี้เขากลับเงียบลงไป นอกจากเรื่องที่เขาโกรธนางและนางเอาแต่พูดเรื่องเงินกับเขาแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้สื่อสารกันอย่างอื่นเลย

เขาจ้องมองหญิงสาวร่างเล็กในอาภรณ์คลุมสีฟ้าด้วยสายตาที่ซับซับซ้อน นางดูเหมือนจะแตกต่างออกไปจริง ๆ บางทีนางอาจจะมีวิธีรักษาอยู่...

ฉู่เทียนเฟิงกัดฟันแน่นแล้วมองไปรอบ ๆ บ่อเหมันต์อยู่ไม่ไกลนัก และระดับการบำเพ็ญเพียรของเขาก็ลดลงอย่างมาก หากไม่มีเม็ดโอสถนี้ เขาอาจจะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว เมื่อนึกถึงความดูถูกและเหยียดหยามที่เหมิงฉีกระทำต่อเขา เขาก็กำเม็ดโอสถแน่นและก้าวไปข้างหน้า

บ่อเหมันต์ของหุบเขาชิงเฟิงเป็นสถานที่ที่มีปราณหนาแน่นที่สุดแล้ว ฉู่เทียนเฟิงยืนอยู่ข้างบ่อด้วยยาไออุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิที่กลั่นขึ้นมาโดยเหมิงฉี เขารู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว พอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและร่างกายเบาขึ้นมาก

"ถอดอาภรณ์ของท่านออกสิ" เหมิงฉีสั่งเบา ๆ

ชายหนุ่มที่ประหลาดใจรีบหันหลังกลับ จนพบกับดวงตาที่สดใสของหญิงสาวผู้ซึ่งไม่กระพริบตาเลย ใบหน้าด้านข้างของนางดูบอบบางและงดงาม ผิวสีนวลของนางขาวราวกับหยก ไม่มีวี่แววของความเขินอายแม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น เหมิงฉียังหันมามองและตอนนี้ยืนอยู่ข้างก้อนหินก้อนใหญ่

นางหยิบสมุนไพรมากมายออกมาจากกำไลเก็บของอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกิดใหม่ นางก็รวบรวมมันทีละเล็กทีละน้อย แม้ว่าจะไม่มีของหายากหรือมีค่ามากนัก แต่เหมิงฉีก็ยังใช้ความพยายามอย่างมากในการได้มาซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ เพื่อให้ได้สิ่งเหล่านี้มาบางส่วน นางเกือบได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง

แต่มันก็ยังไม่พอ

หลังจากหยิบทุกอย่างที่นางใช้ได้แล้ว เหมิงฉีก็หันกลับไปมองฉู่เทียนเฟิง ชายหนุ่มในอาภรณ์สีดำยืนอยู่ข้างหลังนางอย่างสง่างาม สูงสง่า รูปร่างหน้าตาที่งดงามและไร้ที่ติของเขาดูเหมือนจะเย็นชากว่าบ่อเหมันต์เสียอีก และไม่เห็นแม้แต่ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยในดวงตาของเขาเลย

ฉู่เทียนเฟิงแสยะยิ้มเมื่อเห็นเหมิงฉีหันกลับมา นิ้วเรียวของเขาสัมผัสปกอาภรณ์ สายตาของเขามองตรงไปที่ดวงตาของเหมิงฉี จากนั้นเขาก็ถอดอาภรณ์คลุมออก

อาภรณ์สีดำถูกโยนทิ้งไป จากนั้นก็เป็นอาภรณ์ชั้นในสีขาว ผิวสีข้าวสาลีของชายหนุ่มค่อย ๆ โดนเผยออกมาในอากาศที่เยือกเย็น

ฉู่เทียนเฟิงเป็นผู้ฝึกตน ยิ่งไปกว่านั้น เขาเกิดมาเป็นท่ายชายแห่งสำนักใหญ่อย่างวังสวรรค์เฟินเทียน ไม่เพียงแต่จะมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ทว่าร่างกายของเขาก็ยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยม

เขายังดูเด็กมาก หลังของเขาตรงราวกับไม้บรรทัด คอเรียว ไหล่กว้าง และเอวแคบ ไม่มีไขมันส่วนเกินบนตัวเขาเลย รูปร่างหน้าตาของเขาทั้งหมดนั้นเรียกได้ว่าหล่อเหลาและสง่างามมาก

ฉู่เทียนเฟิงแสยะยิ้ม ตอนนี้เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองมากนัก แต่กลับสงสัยว่าเหมิงฉีคนนี้จะทำอะไร เขาไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่บอบบางและสวยงามเช่นนางจะยังคงสงบนิ่งเมื่อได้เห็นร่างกายของเขาเปลือยครึ่งท่อน นางจะต้อง…

ดวงตาที่ใสกระจ่างของเหมิงฉีมองไปที่ไหล่ของฉู่เทียนเฟิง แม้ว่าการบาดเจ็บจะได้รับการรักษาเบื้องต้นบ้างแล้ว แต่นางก็ยังมองเห็นรูเล็ก ๆ สีดำสามรูบนนั้น นั่นคือบาดแผลที่อสูรมารขั้นห้าทิ้งไว้ แม้ตอนนี้นางยังคงเห็นหมอกดำลอยขึ้นมาจากรูเป็นครั้งคราว และกระทั่งบาดแผลรอบ ๆ ไหล่ของฉู่เทียนเฟิงก็กำลังกลายเป็นสีดำสนิท

เหมิงฉีขมวดคิ้ว นางชี้ไปที่บ่อเหมันต์ข้าง ๆ พวกเขา: "ลงไป"

ฉู่เทียนเฟิง: "..."

เขาไม่พูดอะไรสักคำ กระโดดลงไปในบ่อเหมันต์ แม้จะมีไออุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิที่เหมิงฉีมอบให้ แต่เขาก็ยังหนาวสั่นเมื่อน้ำเย็นไหลผ่านไหล่ เมื่อเห็นดังนั้น เหมิงฉีก็หยิบยาไออุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิอีกเม็ดหนึ่งออกมาจากกำไลมิติ

"หินวิญญาณขั้นหนึ่งสองร้อยก้อน" นางพูดพร้อมกับถือยาไว้หน้าฉู่เทียนเฟิง

ท่ายชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนกำลังจะอ้าปากพูดขณะที่คว้ายาสีแดงเข้มมาอย่างเงียบ ๆ แต่ร่างกายของเขากลับแข็งทื่อขึ้นมาทันที

ความเจ็บปวดรุนแรงแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจากไหล่ของเขา

อีกแล้ว!

ฉู่เทียนเฟิงกัดฟันแน่นเพื่อจะต่อสู้กับความเจ็บปวดของเข็มนับพันที่ทิ่มแทงกระดูกของเขา

ถ้าเป็นแค่ความเจ็บปวดรุนแรง เขาคงพอจะทนได้ แต่นี่เป็นความเจ็บปวดที่ราวกับเข็มแหลมนับไม่ถ้วนแทงไปตามกระดูกและผิวหนังส่วนที่อ่อนแอที่สุดของเขาทีละเข็ม มันเป็นความเจ็บปวดที่แย่ยิ่งกว่าความตายจริง ๆ

นอกจากนี้ ระดับการบำเพ็ญเพียรในปัจจุบันถูกลดขั้นลงเหลือเพียงขั้นกลั่นลมปราณ ทำให้เขาไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดอันท่วมท้นจากการโจมตีของพิษร้ายแรงได้ ฉู่เทียนเฟิงใช้เพียงความภาคภูมิใจและความมุ่งมั่นของเขาเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้ ไม่อยากแสดงความอ่อนแอแม้แต่น้อยต่อหน้าเหมิงฉี

ในภวังค์ ฉู่เทียนเฟิงรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงถอนหายใจของใครบางคน เสียงถอนหายใจนั้นอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย แต่ดูเหมือนจะอยู่ใกล้เขา เขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว และหญิงสาวตรงหน้าเขาก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีสีหน้าอารมณ์ใดบนใบหน้าเล็ก ๆ ของนาง มีเพียงดวงตาที่แจ่มใสเท่านั้นที่ดูเหมือนจะมีประกายตื่นเต้น

เขาคิดไปเองกระมัง

ฉู่เทียนเฟิงหลับตา

นางผู้นี้จะถอนหายใจเช่นนั้นได้ยังไง?

แล้วในวินาทีต่อมา นิ้วที่เย็นเล็กน้อยและเรียวยาวของหญิงสาว พร้อมกับกลิ่นหอมของยาอ่อน ๆ ก็ค่อย ๆ กดลงบนไหล่ของฉู่เทียนเฟิง มันรู้สึกเหมือนสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ร่างกายของเขาถึงกับแข็งทื่ออีกครั้ง

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด