ตอนที่199 บัตรคิว
ตอนที่199 บัตรคิว
สองพ่อลูกเดินผ่านเหรินจิตังระหว่างทางกลับบ้านและทั้งสองคนไม่รู้ว่าจะทักทายนางนางจางดีหรือไม่ในเวลานี้ พวกเขามองหานางจางอย่างเขินอายที่ทางเข้าห้องโถงการแพทย์ แต่ต้าจิ้นที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เฝ้าทางเข้าในห้องพยาบาลเห็นเข้าเสียก่อน มันพุ่งเข้ามาหาพวกเขาและเห่าใส่ชุนหยา
ตอนนี้แม้แต่ต้าจิ้น สุนัขตัวนี้ก็ยุ่งมากเช่นกัน ทุกวันหลังจากส่งเถี่ยโถวและจางเจียหวางไปโรงเรียนแล้ว เจ้าต้าจิ้นก็มาที่ นี่เพื่อรอนางจางและเพื่อปฏิบัติหน้าที่ หลังอาหารค่ำในตอนเย็นมันก็จะออกไปเดทกับสุนัขตัวเมียตัว ชุนหยาอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าลูกหมาที่เกิดเขตนี้จะมีขนสีเหลืองทองกันหมด...
นางจางเรียกต้าจิน และมองออกไปนอกประตูเห็นพ่อและลูกสาวยิ้มให้เธอเหมือนมีอะไรผิดปกติบางอย่างที่ประตูนั้น ตอนนี้เห็นสามีและลูกสาวอยู่ด้วยกันและพวกเขาดูเป็นแบบนี้ เธอรู้ทันทีว่าสองคนนี้ต้องทำอะไรที่ผิดไปอีกแล้ว
แต่ตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในมือ แม้ว่าเธอจะวินิจฉัยชีพจรไม่เก่ง แต่หมอจินจำเป็นต้องให้เธอวินิจฉัยชีพจรอีกครั้ง แล้วจึงอธิบายความจริงให้เธอฟังโดยละเอียด
แต่สำหรับการทำแผล สูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา และกุมารเวชศาสตร์ นางจาง มีเกณฑ์การวินิจฉัยเฉพาะของเธอเอง ซึ่ง หมอจินก็ชื่นชมเช่นกัน มันเหมาะสมกว่าที่จะบอกว่า นางจาง มาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนวิชาแพทย์กับหมอจินมากกว่าเพื่อศึกษาเพียงอย่างเดียว
ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่เก่งเรื่องการจับชีพจรไม่มากพอ แต่เมื่อมีผู้ป่วยหญิงหรือเด็ก เธอต้องตรวจพวกเขาก่อนถ้าหากเธอไม่แน่ใจเธอจึงจะขอให้หมอจินตรวจอีกครั้ง และทั้งสองมักจะหารือเกี่ยวกับวิธีการรักษาเพื่อความมั่นใจ
ทุกวันนี้มีคนมาที่ เหรินจิตังมากขึ้นเพื่อรับการรักษา ผู้คนได้ยินมาว่า ที่เหรินจิตังแห่งนี้สามารถรับยาไปก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินภายหลังได้ แต่คนที่ไม่มีเงินจริงๆหรือคนจนที่มาขอยาให้ลูกค่อนข้างน้อย ดังนั้นเวลานี้นางจางที่กำลังยุ่งเพราะมีคนรอการรักษามากมายเธอมีหลายสิ่งที่ต้องทำในขณะนี้ เธอจึงไม่มีจังหวะที่จะโกรธสองพอลูกในตอนนี้
“เจ้าทั้งสองคนกลับไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ ข้ายังไม่ว่างในตอนนี้ ถ้ามีมีอะไรจะพูด รอข้ากลับบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ดวงตาของนางจางมองไปที่พ่อและลูกสาวที่ยืนอยู่หน้าประตู ทำให้ชุนหยาหดคอของเธอและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังซือต๋า
ทั้งสองคนยังไม่กลับไปในทันที ชุนหยาพูดกับซือต๋า เบา ๆ ว่า: "ท่านพ่อ ถ้าเราสารภาพกับท่านแม่ ต่อหน้าคนนอกมากมายตอนนี้เลยท่านพ่อคิดว่าท่านแม่จะเมตตาเราไหม?"
"อืม...ก็ฟังดูเข้าท่านะ...เราจะลองสารภาพเลยดีไหม?" นอกจากชุนหยาที่ต้องการสารภาพเรื่องที่เธอใช่เงิน700ตำลึงหมดไปแล้ว ซือต๋าก็ยังมีเรื่องที่เราไม่ได้ไปเรียนเตรียมความพร้อมเพื่อสอบเป็นข้าราชการที่ต้องสารภาพต่อนางจางเช่นกัน
เมื่อพวกเขาทั้งสองมารวมกันเห็นว่ามีคนจำนวนมากอยู่ในร้านในขณะนี้และพวกเขาก็เดินเข้าผ่านผู้คนที่แออัดรอบ ๆ หมอจินและหมอหลินที่อยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน
ซือต๋ากล่าวสวัสดีและบอกว่าเขาจะช่วย รักษาความสงบเรียบร้อยของผู้คนที่รอการรักษามากมายตอนนี้
"มา มา มา ผู้หญิงและเด็กเข้าแถวทางนี้ คนไข้ชายเข้าแถวตรงนั้น มา มา เข้าแถวให้เป็นระเบียบ"
ชุนหยาริเริ่มความคิดดี ๆ และขอพู่กันพร้อมหมึกกับเซียวเอ๋อที่อยู่ตรงนั้น หยิบกระดาษแผ่นหนึ่ง จัดการลงทะเบียนให้ทุกคนในคิว หลังจากลงทะเบียนแล้ว : “หากใครที่ลงทะเบียนจะได้บัตรคิวแบบนี้ให้นั่งรอนะคะจะได้ไม่รบกวนการรักษาของท่านหมอ..ทุกคนจะได้รับการรักษาแน่นอนค่ะ”
เมื่อมองที่เด็กหญิงชุนหยาคนนี้ คนหลายรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอช่างดูคล่องแคล่วในการเขียนอ่านมากกว่าผู้ใหญ่บางคนเสียอีก มากกว่านั้นเธอยังพูดว่า บัตรคิว! ทุกคนก้มมองดูกระดาษในมือของพวกเขาพร้อมกัน
“สิ่งนี้เหรอ?”ใครบางคนถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ค่ะ..มันมีตัวเลขเรียงลำดับก่อนหลังเริ่มจากหนึ่งไปเรื่อย ๆ ค่ะ ที่ข้าบอกแบบนี้ท่านอาเข้าใจหรือไม่?”ชุนหยา ยิ้มและอธิบายช้า ๆ เนื่องจากพวกเขาเคยชินกับการรวมกลุ่มเมื่อซื้อของหรือรับบริการต่าง ๆ มาโดยตลอด และโชคดีที่พวกเขาเข้าใจลำดับของการใช้บัตรคิวอย่างง่ายดาย
หลังจากจัดระเบียบผู้คนแล้วเมื่อผู้ป่วยรายใหม่เข้ามาพวกเขาก็ไปที่ชุนหยาเพื่อลงทะเบียนก่อน เจ้าของร้านอู๋กล่าวว่าวิธีนี้ค่อนข้างดี เมื่อก่อนผู้ป่วยเดินไปหาหมอได้โดยตรงทำให้วุ่นวายมาก แต่ตอนนี้เพราะการจัดการของชุนหยาและซือต๋าทำให้เขาพอใจมาก
ในความเป็นจริงนางจาง ได้เสนอต่อเจ้าของร้านอู่ ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงของของร้านยาเหรินจิตัง เกี่ยวกับลำดับการตรวจรักษา แต่เนื่องจากกำลังคนที่จำกัดของที่นี่ นางจาง จึงเหนื่อยมากกว่าหมออีกสองคน ดังนั้นทุกเช้าที่หน้าร้านยาแห่งนี้จึงมีเสียงดังและวุ่นวายมาก ดังนั้นเธอจึงได้แต่รีบรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน เธอพยายามจัดการกับผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าก่อน แต่โดยปกติจะใช้เวลาทั้งวันในการจัดการกับพวกเขา ไม่กล้าแม้แต่จะดื่มน้ำ เพราะกลัวที่จะเข้าห้องน้ำ เธอไม่มีเวลามาสนใจสิ่งเหล่านี้ .
“เฒ่าแก่อู๋ ก่อนที่ท่านจะเปิดประตูร้านในทุกวัน ให้ผู้ป่วยเข้าแถวรอที่ประตู เพื่อลงทะเบียนก่อนที่จะเข้ามา จากนั้นท่านค่อยเปิดประตู และเรียกชื่อพวกเขา ท่านอาจจะเตรียมม้านั่งสองสามตัวสำหรับผู้ที่นั่งรอ แค่นั้นแหละ วิธีนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงความยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบได้” ซือต๋า รู้สึกว่าต้องทำความเข้าใจกับเจ้าของร้านยาจึงสามารถจัดลำดับได้
"นี่เป็นความคิดที่ดี เสี่ยวเอ๋อ! เจ้าได้ยินไหม? ข้าจะทำตามที่เฒ่าแก่ซือบอก เริ่มในวันพรุ่งนี้……สามีของหมอจางมีความคิดที่ดีจริงๆ!" หลังจากที่เจ้าของร้านอู๋ พูดจบ เขาก็เริ่มพูดคุยกับทุกคน
แม้จะรู้ว่านางจางเป็นภรรยาของซือต๋าและต้องมีแซ่ซือ แต่เธอรู้สึกเคอะเขินเมื่อได้ยินคนเรียกเช่นนั้น ดังนั้นเธอจึงขอให้ทุกคนเรียกเธอว่านางจางหรือจางหลาน และตอนนี้ทุกคนในเหรินจิตังจึงเรียกเธอว่าหมอจาง
ชุนหยาเอาแต่หัวเราะกับตัวเองใจใน ทุกคนชื่นชมพ่อและแม่ของเธอ..นั่นเพราะทุกคนยังไม่เห็นความฉลาดที่แท้จริงของเธอมาก่อน!
นางจางเหลือบมองพ่อและลูกสาว แล้วพูดกับคนไข้ที่อยู่ข้างหลังว่า: "เดี๋ยวก่อน ข้าจะเอาผงยามาให้ ข้าต้องใช้ทีหลัง"
พ่อและลูกสาวเชิดคางขึ้น พ่อและลูกสาวรีบตามนางจางไปที่สวนหลังบ้าน
"บอกข้ามา เจ้าสองคนก่อปัญหาอะไรอีก" นางจางเลือกมุมที่จะพูด กลัวว่าสิ่งที่พวกเขาสองคนจะพูดจะตื่นเต้นเกินไปและเธอจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้