ตอนที่ 502 การครอบครองบัลลังก์(ฟรี)
บทที่ 502 การครอบครองบัลลังก์
อู่ฉีนำทาง ทุกคนยืนอยู่ตรงหน้าผาสีเทาเข้มที่คุ้นเคย ด้านบนของหน้าผาสูงขึ้นไป 20 เมตรเต็มไปด้วยหมอกหนา ไม่สามารถมองเห็นภายในหมอกได้ ที่นี่เป็นทางเข้าและทางออกของหุบเขาลึก บัลลังก์ดำมืดและน่ากลัวยังเอียงและดิ่งลงพื้นที่เดิม
การเดินทางลงหุบเขาลึกที่เริ่มขึ้นโดยบังเอิญนี้จะสิ้นสุดลงที่นี่หรือไม่ ต้องดูผลในครั้งนี้
"ครีส เมื่อนายดึงบัลลังก์ออกจากพื้น มันอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ นายต้องเตรียมพร้อมที่จะตอบสนองตามสถานการณ์" อู่ฉีกำชับครีสเป็นครั้งสุดท้าย
ครีสพยักหน้าเงียบ ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่รุนแรงและบริสุทธิ์
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการครอบครองบัลลังก์และการทำภารกิจให้สำเร็จ แต่ยังเกี่ยวข้องกับเส้นทางการพัฒนาของเขาเอง เขาต้องประสบความสำเร็จ เพื่อนายท่าน เพื่อเขาเอง!
อู่ฉีและพวกถอยห่างไปร้อยเมตรและหาที่หลบซ่อน เหลือเพียงครัสตัวน้อยและเรือบัลลังก์มหึมาไร้ชีวิต
ครีสระดมพลังทั้งหมดของเขา ดวงตาสีดำแวววาวฉายแสงสีทองสองสายออกมา
ลมแรงพัดพาฝุ่นและทรายบนพื้นดำขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นวงแหวนลมรอบตัวเขา สายฟ้าสีทองพุ่งออกมาจากร่างกายของครีส ร่ายรำเชื่อมต่อกันกลายเป็นโซ่พลังงานที่ส่องประกายแสงสีทอง สิ่งเหล่านี้คือสายฟ้าพลังงานที่เกิดจากพลังงานที่ควบแน่น ขณะนี้ สายฟ้าพลังงานสีทองเรืองรองกำลังพุ่งออกจากร่างครีสอย่างต่อเนื่อง ก่อตัวเป็นสนามสายฟ้าสีทอง
ทันใดนั้น ครีสก็อ้าปากกว้าง ร้องตะโกนออกมาเสียงดังกึกก้องไปทั่วโลก ในขณะเดียวกัน เสาสายฟ้าสีทองพุ่งขึ้นไปในอากาศ เสมือนเสาสายฟ้าที่เจาะทะลุท้องฟ้าอันมืดมิด ส่องแสงสว่างส่องรอบท้องฟ้าและพื้นดิน แต่ภายในเสาสายฟ้าไม่มีร่างของครีสแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยยักษ์ที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
โครงกระดูกยักษ์เกิดขึ้นจากอากาศธาตุ เส้นใยกล้ามเนื้อ เส้นเลือด และเส้นประสาทพันรอบกระดูกด้วยความเร็วสูง หลังจากนั้นสองขาที่สูงมกาก็ถูกสร้าง อวัยวะภายในยังสร้างตัวจากช่องท้องที่ว่างเปล่าทันที!
ความร้อนมหาศาลแผ่ออกจากร่างใหญ่ ก่อตัวเป็นเมฆไอน้ำสีทอง ซี่โครง ไหล่ หัว ปรากฏ ท่ามกลางเสาสายฟ้าสีทองที่พุ่งสูงถึงชั้นฟ้า ดวงคู่คู่หนึ่งที่ใหญ่โตราวกับวงล้อมผุดบนใบหน้า ซึ่งยังไม่ได้มีชั้นผิวหนังปกคลุม และจู่ๆก็ลืมขึ้น!
ครีสได้มองโลกจากความสูงของร่างยักษ์อีกครั้ง เขากลับมาเป็น "ยักษ์ครีส" อีกครั้ง!
เมื่อเสาสายฟ้าสีทองหดตัวกลับเข้าสู่ร่างกายของครีส ทุกคนที่อยู่ห่างไป 100 เมตรก็สามารถมองเห็นครีสร่างยักษ์ได้ชัดเจน ร่างกายครีสยืนตระหง่านอยู่ในกลุ่มเมฆไอน้ำที่หนาทึบ จากนั้น ครีสก็ก้าวเดินออกจากกลุ่มเมฆไอน้ำอย่างสง่างามด้วยขามนุษย์
ครีสตรวจสอบร่างยักษ์ใหม่ของเขา ร่างสูงประมาณ 40 เมตร ยังไม่ถึงความสูงและน้ำหนักสูงสุด แต่ขาของมนุษย์นั้นยืดหยุ่นและเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น
เขามองบัลลังก์ขนาดใหญ่ที่มีความสูงพอๆ กับเขา ความรู้สึกมั่นใจและหยิ่งทะนงในความยิ่งใหญ่ของตัวเองกลับมาอีกครั้ง ไม่หลงเหลือความรู้สึกต่ำต้อยแบบเดิมอีก
ครีสเดินไปข้างหน้าสองก้าว ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นจับด้านข้างของเรือบัลลังก์ ตัวเรือด้านข้างของเรือบัลลังก์ไม่มีพลังดูด ดังนั้นครีสจึงใช้กำลังได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร ครีสพยายามยกเรือบัลลังก์ที่ติดอยู่ในดินมืดทีละนิด ผ่านไปสักพัก ส่วนล่างสุดของเรือบัลลังก์ก็หลุดออกจากพื้นของเหลวลึก
ครีสจับส่วนหน้าของเรือบัลลังก์ ค่อยๆถอยช้าๆ ออกแรงจากขา ส่งไปยังเอว ไหล่ และแขน ดึงครึ่งหลังของเรือบัลลังก์ที่ติดฝังในหน้าผาเหลวออกมา ครีสไม่ได้เบาแรงเลย และเรือบัลลังก์ทั้งลำก็หลุดออกมา ครึ่งหลังของเรือที่ติดอยู่บนหน้าผาตกลงกระแทกก้นผา และส่งเสียงดังจากการกระแทก แต่ไม่นาน พื้นดินดำที่สัมผัสกับเรือบัลลังก์ก็กลายเป็นของเหลวไป
ครีสลองปล่อยมือจากบัลลังก์ และส่วนหน้ามันก็กระแทกกับพื้นทันที ทั้งหน้าและท้ายเรือตอนนี้เป็นเส้นแนวนอนแล้ว และแนวน้ำก็ทรงตัวหลังจากที่เรือลอยถึงระดับหนึ่ง
ตอนนี้เรือบัลลังก์ได้รับอิสรภาพกลับคืนมาแล้ว ครีสไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นบัลลังก์มืดหรือนิ่งเฉย แต่ทว่า สิ่งที่เรือบัลลังก์เลือกทำคือเคลื่อนไหว จู่ๆมันก็เคลื่อนที่ เร่งความเร็วเข้าหาครีส! ครีสตอบสนอง มือยักษ์คู่หนึ่งตบใส่ด้านข้างของเรือ ป้องกันไม่ให้มันเคลื่อนมาข้างหน้า
แต่พลังของเรือบัลลังก์นั้นมหาศาลเกินไป ครีสไม่สามารถดันสู้ได้ เท้าอันมหึมาของครีสลากและถอยไปกับพื้น เขาถูกผลักถอยไปสามสิบเมตรในไม่กี่อึดใจ ครีสออกแรงเต็มที่ กล้ามเนื้อแขนกระตุกอย่างแรง ท่ามกลางเส้นใยกล้ามเนื้อนับไม่ถ้วนยังส่งเสียงเบาๆ
ทันใดนั้น ครีสตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เขาพูดด้วยความโกรธ "เจ้าบัลลังก์ทรยศที่ลืมบุญคุณ วันนี้ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!"
ครีสปล่อยมือ ฉีกตัวหลบ และเรือบัลลังก์ที่เสียการผลักดันก็เร่งความเร็วขึ้นทันใด ส่วนหน้าเรือที่คมราวกับดาบฉีกผ่าแขนซ้ายของครีสออกเป็นสองท่อน เลือดร้อนปะทุออกมาพร้อมไอหมอกขาว ครีสคว้าแขนที่ขาด และรีบวิ่งตรงไปตีนหน้าผาซึ่งห่างไป 30 เมตร
ในขณะเดียวกัน บัลลังก์ก็ถูกดึงดูดด้วยพลังชีวิตอุดมสมบูรณ์ของครีสที่พุ่งออกจากแขนขาด มันเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าหาครีสที่ยืนพิงหน้าผาอยู่
"มาเลย!"
ครีสจ้องมองเรือบัลลังก์ โบกแขนที่ขาดแล้วคำราม เตรียมพร้อมสำหรับการปะทะที่รุนแรง!