ตอนที่ 26 : ล้อม
ตอนที่ 26 : ล้อม
มันมีคนเข้าไปในห้องของเขา และเจ้าของบ้านก็เห็นคนขายหนังสัตว์มาหาเขา
สองสิ่งนี้ทำให้เขาเชื่อมโยงเรื่องราวเข้าด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หรือว่าคนขายหนังสัตว์จะรู้ที่อยู่ของเขา?
มันอาจจะไม่ใช่โจร และไม่ใช่คนขายหนังสัตว์ด้วย
มันมีแค่อาชญากรที่หลบหนีไปได้เท่านั้นที่รู้ที่อยู่ของเขา
คนร้ายกล้าออกมาตอนกลางวัน มันช่างอุกอาจจริงๆ
ความตื่นเต้นและความวิตกกังวลเอ่อล้นขึ้นในใจของหวู่เหิงทันที
ความวิตกกังวลมาจากการที่เขาตกเป็นเป้าอีกครั้ง ส่วนความตื่นเต้นก็มาจากการที่อีกฝ่ายเลือกลงมือในตอนนี้ ทำให้เขาสังเกตเห็นเจตนาของอีกฝ่ายได้
เขาสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อแก้ไขปัญหาและกำจัดภัยคุกคามได้
หวู่เหิงจับกระเป๋าและกล่าวกับเจ้าของบ้าน “ข้ามีเรื่องต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะ”
“อืม อย่าเอาหนังสัตว์พวกนั้นเข้ามาในห้องล่ะ เดี๋ยวมันจะเลอะเทอะบ้านเอา” เจ้าของร้านตอบ
“ข้าแค่จะไปหาคนเฉยๆ”
เขาเดินออกมาจากย่านที่อยู่อาศัย และมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ศูนย์กลาง
มันเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอาชญากรหมายหัว ดังนั้นเขาจึงต้องแจ้งให้สมาคมทราบ
ตอนนี้เขามีพวกพ้องแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องแบกรับเรื่องแบบนี้คนเดียวอีกต่อไป
...
ณ สมาคมนักผจญภัย
นักผจญภัยหลายๆ คนต่างก็มารวมตัวกันอยู่ภายในโถงใหญ่
บ้างก็มาส่งภารกิจ บ้างก็กำลังพูดคุยกันในพื้นที่พักผ่อน และบ้างก็กำลังป้อนอาหารสัตว์
จากเสื้อผ้าและสัตว์เลี้ยงของพวกเขา พวกเขาน่าจะเป็นเรนเจอร์นั่นเอง
คาวิน่าเล่าว่าพวกเรนเจอร์มักจะฝึกฝนสัตว์เลี้ยงให้เชื่อง ทำให้พวกเขาสามารถแบ่งปันภาพและประสาทสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงของตนได้ในระยะเวลาสั้นๆ
มันเป็นวิธีการสำคัญในการเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูล
เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็ไม่รอช้า และเดินตรงไปยังห้องพักประจำหน่วยของเขาทันที
หลังจากเปิดประตูเข้าไป เขาก็ไม่พบกับใครเลย
แม้ว่าจะไปตรวจสอบที่ห้องฝึกซ้อมแล้ว แต่ออทรัคและคาวิน่าก็ไม่อยู่เลย
ไม่อยู่เหรอ?
พวกเขาออกไปทำภารกิจหรือไม่ได้อยู่ที่สมาคมกัน?
พวกเขาน่าจะพาตนไปด้วยถ้ามันเป็นภารกิจ ดังนั้นพวกเขาน่าจะไม่อยู่ภายในสมาคมเฉยๆ
เหมือนอย่างหวู่เหิง หลังจากจบภารกิจแรกแล้ว เขาก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย
เขากลับไปยังโถงใหญ่ และถามเจ้าหน้าที่ว่าวันนี้ออทรัคได้เข้ามาไหม
นอกจากคนแบบเขาที่ทำงานภาคสนามแล้ว มันก็ยังมีเจ้าหน้าที่ภายในสมาคมอยู่หลายคนที่ต้องรับผิดชอบงานด้านอื่นๆ
พวกเขาคือพนักงานหน้าโต๊ะนั่นเอง
เจ้าหน้าที่มองมาที่เขาและตอบ “เมื่อตอนบ่ายกัปตันออทรัคและท่านคาวิน่าได้จากไปพร้อมกับหน่วยสองเจ้าค่ะ”
บ้าเอ้ย พวกเขาไม่อยู่นี่เอง
หน่วยสี่มีสมาชิกด้วยกันสามคน และเขาก็ไม่ได้ไปด้วย
พวกเขาไปไหนกัน?
“พวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าหน่วยสองพาพวกเขาไปไหน?”
“มันน่าจะเกี่ยวข้องกับภารกิจนะเจ้าคะ”
หวู่เหิงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาเดินไปยังกระดานข่าวสารและเหลือบมองแผ่นประกาศค่าหัวจำนวนมากมายที่ถูกแปะเอาไว้
จำนวนอาชญากรหมายหัวเพิ่มขึ้น
ในบรรดาหมายจับเหล่านี้ เขาก็ไม่เห็นใบหน้าที่คุ้นตาเลย
เขากลับไปยังห้องพักประจำหน่วยและนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไป
ถ้ามันเป็นอาชญากรหมายหัว พวกเขาคงไม่กล้าลงมือแบบเปิดเผย
พวกเขาน่าจะลงมือในตอนกลางคืนที่ไม่ค่อยมีคน
หากออทรัคและคาวิน่าไม่อยู่ มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีทางเลือก
และหากทั้งสองคนนี้เข้ามาเกี่ยวด้วยในเรื่องนี้ เขาก็อาจจะไม่สามารถใช้กองทัพโครงกระดูกของเขาได้
“คืนนี้พวกมันจะลงมือไหม?”
หากคนพวกนี้ไม่ลงมือในคืนนี้แต่เลือกเฝ้ามองเขาจากในเงามืด มันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ
และเขาก็อาจจะจำเป็นต้องแจ้งข้อมูลให้สมาคมทราบก่อน
ถ้าหากคนพวกนี้ยังไม่ลงมือ มันก็คงเป็นการดีถ้าสมาคมจะแจ้งให้เมืองหินดำทราบเพื่อเพิ่มกำลังในการค้นหา
แต่ถ้าคนพวกนี้ลงมือในคืนนี้ เขาก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ในทันทีแม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง
เมื่อเขาจัดลำดับความคิดของเขาแล้ว เขาก็ทิ้งโน๊ตไว้บนโต๊ะ หยิบกระเป๋าขึ้นมา และจากไป
...
ณ เวลากลางคืน.
ภายใต้แสงจันทร์ราวกับหมอกสลัว นกฮูกขนสีเทาตัวหนึ่งกำลังเฝ้าดูทหารลาดตระเวนที่ค่อยๆ จากไป
ในขณะเดียวกัน ภายในซอยแคบที่อยู่ใกล้ๆ มันก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “พวกทหารไปแล้ว”
ทันใดนั้นเอง ร่างอีกสองร่างก็ลุกขึ้น
พวกเขาเหลือบมองหน้ากัน สื่อสารกันโดยไม่ต้องพูด ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางภายใต้แสงจันทร์สลัว
พวกเขาเดินข้ามซอย
หนึ่งในนั้นสั่งให้นกฮูกเกาะที่ทางเข้าซอยที่อยู่ไกลออกไป ในขณะที่อีกสามคนพุ่งตรงมาที่ประตูเพื่อเตรียมจะลงมือ
ล็อคประตูที่ถูกปลดล็อคอย่างง่ายดายพร้อมด้วยเสียงดัง ‘แกร๊ก’
ภายในห้องมืดสลัวและเงียบสงบ
พวกเขาเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวังและปิดประตูตามหลัง
พวกเขาไม่ได้ค้นไปทั่ว แต่ตรงไปยังห้องนอนในทันที
จับคน ถามที่อยู่ของ จากนั้นก็สังหาร
มันเรียบง่ายมาก พวกเขาต้องทำสำเร็จก่อนที่หน่วยลาดตระเวนชุดต่อไปจะมาถึง
เมื่อเข้าไปในห้องนอน พวกเขาก็มองไปยังร่างบนเตียงและจับมีดสั้นในมือไว้แน่น
ในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือนั้น…
ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมา
ประสบการณ์หลายปีทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาทันที
พวกเขากลิ้งไปกับพื้นโดยไม่ลังเล
เคร้ง!
ลูกศรหน้าไม้สองดอกพุ่งเข้าใส่ตำแหน่งที่พวกเขาเคยยืนอยู่
โดยไม่รอให้ร่างกายทรงตัวได้ พวกเขาเหวี่ยงมีดสั้นไปด้านหลังทันที และมีดสั้นนั้นก็วาดเป็นเส้นโค้งสีเงินท่ามกลางแสงสลัว
พวกมันปะทะเข้ากับดาบเหล็กที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง ก่อให้เกิดประกายไฟขึ้นมา
ภายในห้องสลัว
พวกเขามองเห็นร่างหลายสิบคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างคลุมเครือ และขวางทางเข้าเอาไว้
แสงจันทร์อันเย็นยะเยือกส่องผ่านจากหน้าต่าง และตกกระทบลงบนร่างเหล่านั้น เผยให้เห็นเงาของโครงกระดูก
“อันเดด!”
ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ
ยกเว้นเพียงโครงกระดูกไม่กี่ตัวที่สวมชุดเกราะ โครงกระดูกที่เหลือต่างก็เป็นโครงกระดูกเปลือยเปล่า
พวกเขามาผิดที่เหรอ?
ทำไมมันถึงได้มีอันเดดอยู่มากมายในห้องนี้?
พวกมันยังตระหนักได้ถึงการมาถึงของพวกเขาตั้งแต่ต้น
พวกมันแค่รอให้พวกเขาเข้ามายังบริเวณนี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงสงบนิ่ง
อาชญากรคนไหนบ้างที่ไม่เคยลิ้มรสความขมขื่นของชีวิต? ในยามสิ้นหวัง การยอมแพ้มีแต่จะเร่งให้ความตายมาถึงเร็วขึ้นเท่านั้น
การต่อสู้จนตัวตายยังจะมีความหวังมากกว่าอีก
“ตีฝ่าออกไป!” หนึ่งในนั้นตะโกนออกมา
เมื่อได้ยินคำสั่งของอีกคน อีกสองคนก็ยกอาวุธขึ้นมาและพุ่งออกไปข้างหน้า
เมื่อได้เห็นการตอบโต้ของอีกฝ่าย หวู่เหิงก็ถอยออกมาและสั่งการว่า “โจมตี”
หวือ~!
โครงกระดูกเท็ดดี้กระโดดจากพื้น ทะยานออกไป 3-4 เมตร และกระโจนเข้าหาร่างที่อยู่ในแนวหลัง
ในเวลาเดียวกัน เจียนอี้และเจียนเอ๋อร์ก็นำกลุ่มนักรบโครงกระดูกบุกเข้าหาอีกฝ่าย
ทันใดนั้น ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงการต่อสู้
ตู้ม~!
หัวหน้าของพวกคนร้ายเตะโครงกระดูกที่อยู่ด้านหน้า
สายตาของเขากวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะไปจับจ้องร่างที่ไม่ได้ต่อสู้ตรงมุมห้อง
เขาเปล่งเสียงออกมาด้วยความเย็นยะเยือก “ตาย!”
การจัดการกับอันเดดอาจเป็นเรื่องยาก แต่วิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก นั่นคือการสังหารเนโครแมนเซอร์ซะ และอันเดดที่ถูกอัญเชิญออกมาก็จะหายไปเอง
หลังจากระบุตัวเป้าหมายได้แล้ว เขาก็กวัดแกว่งดาบและพุ่งเข้าใส่หวู่เหิงทันที
หวู่เหิงมองไปยังอีกฝ่ายและร่ายทักษะสาดกรดใส่คนผู้นั้น
คนร้ายตวัดดาบเข้าใส่ลูกบอลน้ำ แต่ก็ถูกกรดสาดกระเซ็นเข้าใส่ใบหน้าแทน
การเคลื่อนไหวไปข้างหน้าของเขาหยุดลงเมื่อโดนฤทธิ์ของกรด
ฟู่ว~!
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านออกมาจากหน้าอกของเขา
สายตาของเขาพร่ามัวจากกรด และร่างๆ หนึ่งก็แทงหอกสั้นเข้าใส่หน้าอกของเขา
“บ้าเอ้ย!”
คนร้ายสบถออกมา
ในเวลาเดียวกัน มันก็มีเสียงแหลมดังก้องข้างหูของเขา เขาพยายามที่จะหลบ แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็เชื่องช้าเกินไป
ฉึก~!
เสียงดาบเฉือนผ่านเนื้อดังขึ้นอีกครั้ง
ดาบอันคมกริบแทงเข้าใส่คอของเขา ทำให้เลือดของเขาสาดกระเซ็นออกมาราวกับน้ำพุ
ร่างของคนผู้นั้นค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้น ในขณะที่เจี้ยนอี้ดึงดาบกลับมา จากนั้นมันก็หันไปโจมตีศัตรูตัวอื่นต่อ
การต่อสู้ใกล้เข้าสู่บทสรุปแล้ว
มันเหลือคนร้ายแค่คนเดียวที่อาบไปด้วยเลือดและถูกลากเข้ามา
“พวกเจ้าบุกมาที่ห้องของข้าทำไม?”