ตอนที่แล้วตอนที่ 25 : มีคนมาที่นี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 : ฝีมือของเจ้างั้นเหรอ?

ตอนที่ 26 : ล้อม


ตอนที่ 26 : ล้อม

มันมีคนเข้าไปในห้องของเขา และเจ้าของบ้านก็เห็นคนขายหนังสัตว์มาหาเขา

สองสิ่งนี้ทำให้เขาเชื่อมโยงเรื่องราวเข้าด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หรือว่าคนขายหนังสัตว์จะรู้ที่อยู่ของเขา?

มันอาจจะไม่ใช่โจร และไม่ใช่คนขายหนังสัตว์ด้วย

มันมีแค่อาชญากรที่หลบหนีไปได้เท่านั้นที่รู้ที่อยู่ของเขา

คนร้ายกล้าออกมาตอนกลางวัน มันช่างอุกอาจจริงๆ

ความตื่นเต้นและความวิตกกังวลเอ่อล้นขึ้นในใจของหวู่เหิงทันที

ความวิตกกังวลมาจากการที่เขาตกเป็นเป้าอีกครั้ง ส่วนความตื่นเต้นก็มาจากการที่อีกฝ่ายเลือกลงมือในตอนนี้ ทำให้เขาสังเกตเห็นเจตนาของอีกฝ่ายได้

เขาสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อแก้ไขปัญหาและกำจัดภัยคุกคามได้

หวู่เหิงจับกระเป๋าและกล่าวกับเจ้าของบ้าน “ข้ามีเรื่องต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะ”

“อืม อย่าเอาหนังสัตว์พวกนั้นเข้ามาในห้องล่ะ เดี๋ยวมันจะเลอะเทอะบ้านเอา” เจ้าของร้านตอบ

“ข้าแค่จะไปหาคนเฉยๆ”

เขาเดินออกมาจากย่านที่อยู่อาศัย และมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ศูนย์กลาง

มันเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอาชญากรหมายหัว ดังนั้นเขาจึงต้องแจ้งให้สมาคมทราบ

ตอนนี้เขามีพวกพ้องแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องแบกรับเรื่องแบบนี้คนเดียวอีกต่อไป

...

ณ สมาคมนักผจญภัย

นักผจญภัยหลายๆ คนต่างก็มารวมตัวกันอยู่ภายในโถงใหญ่

บ้างก็มาส่งภารกิจ บ้างก็กำลังพูดคุยกันในพื้นที่พักผ่อน และบ้างก็กำลังป้อนอาหารสัตว์

จากเสื้อผ้าและสัตว์เลี้ยงของพวกเขา พวกเขาน่าจะเป็นเรนเจอร์นั่นเอง

คาวิน่าเล่าว่าพวกเรนเจอร์มักจะฝึกฝนสัตว์เลี้ยงให้เชื่อง ทำให้พวกเขาสามารถแบ่งปันภาพและประสาทสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงของตนได้ในระยะเวลาสั้นๆ

มันเป็นวิธีการสำคัญในการเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูล

เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็ไม่รอช้า และเดินตรงไปยังห้องพักประจำหน่วยของเขาทันที

หลังจากเปิดประตูเข้าไป เขาก็ไม่พบกับใครเลย

แม้ว่าจะไปตรวจสอบที่ห้องฝึกซ้อมแล้ว แต่ออทรัคและคาวิน่าก็ไม่อยู่เลย

ไม่อยู่เหรอ?

พวกเขาออกไปทำภารกิจหรือไม่ได้อยู่ที่สมาคมกัน?

พวกเขาน่าจะพาตนไปด้วยถ้ามันเป็นภารกิจ ดังนั้นพวกเขาน่าจะไม่อยู่ภายในสมาคมเฉยๆ

เหมือนอย่างหวู่เหิง หลังจากจบภารกิจแรกแล้ว เขาก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย

เขากลับไปยังโถงใหญ่ และถามเจ้าหน้าที่ว่าวันนี้ออทรัคได้เข้ามาไหม

นอกจากคนแบบเขาที่ทำงานภาคสนามแล้ว มันก็ยังมีเจ้าหน้าที่ภายในสมาคมอยู่หลายคนที่ต้องรับผิดชอบงานด้านอื่นๆ

พวกเขาคือพนักงานหน้าโต๊ะนั่นเอง

เจ้าหน้าที่มองมาที่เขาและตอบ “เมื่อตอนบ่ายกัปตันออทรัคและท่านคาวิน่าได้จากไปพร้อมกับหน่วยสองเจ้าค่ะ”

บ้าเอ้ย พวกเขาไม่อยู่นี่เอง

หน่วยสี่มีสมาชิกด้วยกันสามคน และเขาก็ไม่ได้ไปด้วย

พวกเขาไปไหนกัน?

“พวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ?”

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าหน่วยสองพาพวกเขาไปไหน?”

“มันน่าจะเกี่ยวข้องกับภารกิจนะเจ้าคะ”

หวู่เหิงพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาเดินไปยังกระดานข่าวสารและเหลือบมองแผ่นประกาศค่าหัวจำนวนมากมายที่ถูกแปะเอาไว้

จำนวนอาชญากรหมายหัวเพิ่มขึ้น

ในบรรดาหมายจับเหล่านี้ เขาก็ไม่เห็นใบหน้าที่คุ้นตาเลย

เขากลับไปยังห้องพักประจำหน่วยและนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไป

ถ้ามันเป็นอาชญากรหมายหัว พวกเขาคงไม่กล้าลงมือแบบเปิดเผย

พวกเขาน่าจะลงมือในตอนกลางคืนที่ไม่ค่อยมีคน

หากออทรัคและคาวิน่าไม่อยู่ มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีทางเลือก

และหากทั้งสองคนนี้เข้ามาเกี่ยวด้วยในเรื่องนี้ เขาก็อาจจะไม่สามารถใช้กองทัพโครงกระดูกของเขาได้

“คืนนี้พวกมันจะลงมือไหม?”

หากคนพวกนี้ไม่ลงมือในคืนนี้แต่เลือกเฝ้ามองเขาจากในเงามืด มันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ

และเขาก็อาจจะจำเป็นต้องแจ้งข้อมูลให้สมาคมทราบก่อน

ถ้าหากคนพวกนี้ยังไม่ลงมือ มันก็คงเป็นการดีถ้าสมาคมจะแจ้งให้เมืองหินดำทราบเพื่อเพิ่มกำลังในการค้นหา

แต่ถ้าคนพวกนี้ลงมือในคืนนี้ เขาก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ในทันทีแม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง

เมื่อเขาจัดลำดับความคิดของเขาแล้ว เขาก็ทิ้งโน๊ตไว้บนโต๊ะ หยิบกระเป๋าขึ้นมา และจากไป

...

ณ เวลากลางคืน.

ภายใต้แสงจันทร์ราวกับหมอกสลัว นกฮูกขนสีเทาตัวหนึ่งกำลังเฝ้าดูทหารลาดตระเวนที่ค่อยๆ จากไป

ในขณะเดียวกัน ภายในซอยแคบที่อยู่ใกล้ๆ มันก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “พวกทหารไปแล้ว”

ทันใดนั้นเอง ร่างอีกสองร่างก็ลุกขึ้น

พวกเขาเหลือบมองหน้ากัน สื่อสารกันโดยไม่ต้องพูด ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางภายใต้แสงจันทร์สลัว

พวกเขาเดินข้ามซอย

หนึ่งในนั้นสั่งให้นกฮูกเกาะที่ทางเข้าซอยที่อยู่ไกลออกไป ในขณะที่อีกสามคนพุ่งตรงมาที่ประตูเพื่อเตรียมจะลงมือ

ล็อคประตูที่ถูกปลดล็อคอย่างง่ายดายพร้อมด้วยเสียงดัง ‘แกร๊ก’

ภายในห้องมืดสลัวและเงียบสงบ

พวกเขาเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวังและปิดประตูตามหลัง

พวกเขาไม่ได้ค้นไปทั่ว แต่ตรงไปยังห้องนอนในทันที

จับคน ถามที่อยู่ของ จากนั้นก็สังหาร

มันเรียบง่ายมาก พวกเขาต้องทำสำเร็จก่อนที่หน่วยลาดตระเวนชุดต่อไปจะมาถึง

เมื่อเข้าไปในห้องนอน พวกเขาก็มองไปยังร่างบนเตียงและจับมีดสั้นในมือไว้แน่น

ในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือนั้น…

ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมา

ประสบการณ์หลายปีทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาทันที

พวกเขากลิ้งไปกับพื้นโดยไม่ลังเล

เคร้ง!

ลูกศรหน้าไม้สองดอกพุ่งเข้าใส่ตำแหน่งที่พวกเขาเคยยืนอยู่

โดยไม่รอให้ร่างกายทรงตัวได้ พวกเขาเหวี่ยงมีดสั้นไปด้านหลังทันที และมีดสั้นนั้นก็วาดเป็นเส้นโค้งสีเงินท่ามกลางแสงสลัว

พวกมันปะทะเข้ากับดาบเหล็กที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง ก่อให้เกิดประกายไฟขึ้นมา

ภายในห้องสลัว

พวกเขามองเห็นร่างหลายสิบคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างคลุมเครือ และขวางทางเข้าเอาไว้

แสงจันทร์อันเย็นยะเยือกส่องผ่านจากหน้าต่าง และตกกระทบลงบนร่างเหล่านั้น เผยให้เห็นเงาของโครงกระดูก

“อันเดด!”

ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ

ยกเว้นเพียงโครงกระดูกไม่กี่ตัวที่สวมชุดเกราะ โครงกระดูกที่เหลือต่างก็เป็นโครงกระดูกเปลือยเปล่า

พวกเขามาผิดที่เหรอ?

ทำไมมันถึงได้มีอันเดดอยู่มากมายในห้องนี้?

พวกมันยังตระหนักได้ถึงการมาถึงของพวกเขาตั้งแต่ต้น

พวกมันแค่รอให้พวกเขาเข้ามายังบริเวณนี้

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังคงสงบนิ่ง

อาชญากรคนไหนบ้างที่ไม่เคยลิ้มรสความขมขื่นของชีวิต? ในยามสิ้นหวัง การยอมแพ้มีแต่จะเร่งให้ความตายมาถึงเร็วขึ้นเท่านั้น

การต่อสู้จนตัวตายยังจะมีความหวังมากกว่าอีก

“ตีฝ่าออกไป!” หนึ่งในนั้นตะโกนออกมา

เมื่อได้ยินคำสั่งของอีกคน อีกสองคนก็ยกอาวุธขึ้นมาและพุ่งออกไปข้างหน้า

เมื่อได้เห็นการตอบโต้ของอีกฝ่าย หวู่เหิงก็ถอยออกมาและสั่งการว่า “โจมตี”

หวือ~!

โครงกระดูกเท็ดดี้กระโดดจากพื้น ทะยานออกไป 3-4 เมตร และกระโจนเข้าหาร่างที่อยู่ในแนวหลัง

ในเวลาเดียวกัน เจียนอี้และเจียนเอ๋อร์ก็นำกลุ่มนักรบโครงกระดูกบุกเข้าหาอีกฝ่าย

ทันใดนั้น ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงการต่อสู้

ตู้ม~!

หัวหน้าของพวกคนร้ายเตะโครงกระดูกที่อยู่ด้านหน้า

สายตาของเขากวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะไปจับจ้องร่างที่ไม่ได้ต่อสู้ตรงมุมห้อง

เขาเปล่งเสียงออกมาด้วยความเย็นยะเยือก “ตาย!”

การจัดการกับอันเดดอาจเป็นเรื่องยาก แต่วิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก นั่นคือการสังหารเนโครแมนเซอร์ซะ และอันเดดที่ถูกอัญเชิญออกมาก็จะหายไปเอง

หลังจากระบุตัวเป้าหมายได้แล้ว เขาก็กวัดแกว่งดาบและพุ่งเข้าใส่หวู่เหิงทันที

หวู่เหิงมองไปยังอีกฝ่ายและร่ายทักษะสาดกรดใส่คนผู้นั้น

คนร้ายตวัดดาบเข้าใส่ลูกบอลน้ำ แต่ก็ถูกกรดสาดกระเซ็นเข้าใส่ใบหน้าแทน

การเคลื่อนไหวไปข้างหน้าของเขาหยุดลงเมื่อโดนฤทธิ์ของกรด

ฟู่ว~!

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านออกมาจากหน้าอกของเขา

สายตาของเขาพร่ามัวจากกรด และร่างๆ หนึ่งก็แทงหอกสั้นเข้าใส่หน้าอกของเขา

“บ้าเอ้ย!”

คนร้ายสบถออกมา

ในเวลาเดียวกัน มันก็มีเสียงแหลมดังก้องข้างหูของเขา เขาพยายามที่จะหลบ แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็เชื่องช้าเกินไป

ฉึก~!

เสียงดาบเฉือนผ่านเนื้อดังขึ้นอีกครั้ง

ดาบอันคมกริบแทงเข้าใส่คอของเขา ทำให้เลือดของเขาสาดกระเซ็นออกมาราวกับน้ำพุ

ร่างของคนผู้นั้นค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้น ในขณะที่เจี้ยนอี้ดึงดาบกลับมา จากนั้นมันก็หันไปโจมตีศัตรูตัวอื่นต่อ

การต่อสู้ใกล้เข้าสู่บทสรุปแล้ว

มันเหลือคนร้ายแค่คนเดียวที่อาบไปด้วยเลือดและถูกลากเข้ามา

“พวกเจ้าบุกมาที่ห้องของข้าทำไม?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด