ตอนที่ 192 วิธีที่ดีกว่า
“ขอบคุณพี่เขยคะ”
เย่เฉิน เพิ่งรับสายก็ได้ยินเสียงของ ซู หลิงเอ๋อร์
ขอบคุณฉันเหรอ?
ซู หลิงเอ๋อร์ กำลังขอบคุณฉัน?
และฟังเสียงของเธอแล้วก็ไม่ได้ฟังดูเหมือน..พูดประชดด้วย?
ซู หลิงเอ๋อร์ เป็นอะไรไป หรือว่าสมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือนหรือเปล่า?...
เย่เฉิน แปลกใจ และกำลังจะถาม แต่จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงวัยกลางคนที่ไม่คุ้นเคยแทรกเข้ามา :
“นี่ เสี่ยวเฉิน เหรอ ฉันแม่ของ หลิงเอ๋อร์ เอง ขอบคุณที่เตรียมของขวัญดีๆ ให้กับ หลิงเอ๋อร์ นะ”
เสียงแม่ของ ซู หลิงเอ๋อร์ ดังขึ้น
“เดิมทีฉันก็ตั้งใจจะซื้อให้ หลิงเอ๋อร์ อยู่แล้ว..”
“ไม่เป็นไรครับคุณน้า”
เย่เฉิน ตอบอย่างสุภาพ
ในที่สุด เย่เฉิน ก็เข้าใจแล้วว่าทำไม ซู หลิงเอ๋อร์ ถึงเชื่อง…เอ่อ น่ารักแบบนี้ ไม่โกรธขึ้นมาทันที
ที่แท้แม่ของเธอก็ยืนอยู่ข้างๆ นี่เอง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า.. โทรศัพท์สายนี้ต้องเป็นแม่ของ ซู หลิงเอ๋อร์ ที่บังคับให้เธอโทรมาหาเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณน้าอยู่ข้างๆ ตอนนี้ ซู หลิงเอ๋อร์ คง ‘ซักไซ้เอาความ’ หาเรื่องเขาแน่ๆ แล้วในตอนนี้
“เสี่ยวเฉิน ถ้าหากมีเวลา มาเยี่ยมที่บ้านเราบ้างนะ”
แม่ของ ซู หลิงเอ๋อร์ กล่าวเชิญชวน
“ครับ คุณน้า ถ้ามีเวลา ผมจะไปแน่นอนครับ และจะนำของช่วยในการเรียนไปให้ หลิงเอ๋อร์ ด้วย”
เย่เฉิน ตอบรับทันที
ครั้งนี้เขาไม่ได้ตอบอย่างขอไปที แต่รับปากอย่างจริงใจ
คราวหน้า เขาตั้งใจจะเตรียมเซอร์ไพรส์ครั้งยิ่งใหญ่กว่าเดิมให้แก่ ซู หลิงเอ๋อร์..
หลังจากฟังคุณแม่ กับเย่เฉิน พูดกันเสร็จ ข้างๆ ซู หลิงเอ๋อร์ แทบจะพ่นเลือดออกมาเต็มปาก
แม่ดันเชิญชวนให้ พี่เขย มาที่บ้าน?
แบบนี้ไม่ได้การ ใครจะรู้ว่าพี่เขยจะเอาหนังสือ ‘ห้าปีสอบเข้ามหาวิทยาลัย สามปีแบบจำลองข้อสอบ’ มาให้อีกหรือเปล่า เธอต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้
พี่เขยคอยดูเถอะ
ฉัน ซู หลิงเอ๋อร์ ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
เธอต้องการจะดูว่าใครจะเหนือกว่าใคร ระหว่างพี่เขย ..กับเธอ
ซู หลิงเอ๋อร์ คิดอย่างโมโห
…......
หลังจากพูดคุยกันไม่กี่คำเขาก็วางสายไป
วันรุ่งขึ้น เย่เฉิน ไปเรียนตามปกติ
วันนี้มีเรียนค่อนข้างน้อย พอหลังจากบ่ายสามโมงกว่าๆ ก็เลิกเรียนแล้ว
หลังจากเลิกเรียน เย่เฉิน ก็ตรงไปที่บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ทันที
เช้านี้ เย่เฉิน ได้รับข่าว
ผู้จัดการหยางของ อี้หลิน บอก เย่เฉิน ว่า เรื่องที่เตรียมคอนเสิร์ตให้ ไป๋ ฮันเยียน มีความคืบหน้าแล้ว
ตามแผนการพัฒนา ไป๋ ฮันเยียน คอนเสิร์ตนี้มีความสำคัญอย่างมาก
ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ไป๋ ฮันเยียน อาจจะไม่ดังเปรี้ยงปร้างเป็นนักร้องระดับแนวหน้าได้ในทันที แต่ก็ไม่ยากที่จะมีชื่อเสียงขึ้นมาในระดับหนึ่ง
ยิ่งฝึกฝนพัฒนา ไป๋ ฮันเยียน สำเร็จเร็วเท่าไร รางวัลประมาณ 15,000 ล้านที่รอเขาอยู่ก็จะได้รับเร็วขึ้นเท่านั้น
โชคดีที่ไม่มีอะไรให้ทำ ดังนั้น เย่เฉิน จึงไปที่ บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ เพื่อดู
ดูเหมือนว่า ไป๋ ฮันเยียน จะอยู่ที่นั่นด้วยวันนี้
เมื่อ เย่เฉิน ไปถึง ไป๋ ฮันเยียน ก็กำลังซ้อมอยู่จริงๆ
การซ้อมครั้งนี้สำคัญมาก นอกจากสถานที่แล้ว ทุกอย่างก็พยายามทำตามขั้นตอนของคอนเสิร์ตให้มากที่สุด
พนักงานบางคนของ อี้หลิน เอเจนซี่ ทำหน้าที่เป็นผู้ชมชั่วคราว และมีผู้บริหารบางคนมาเข้าร่วมด้วย
“แย่แล้ว ฉันลืมนำชุดนั้นมา”
เพื่อคอนเสิร์ต ไป๋ ฮันเยียน เตรียมชุดกระโปรงที่สวยมากไว้ชุดหนึ่งโดยเฉพาะ
วันนี้เธอตั้งใจจะนำมาลองใส่ให้สไตลิสต์(Stylist)ของบริษัทดูว่าเป็นยังไงบ้าง
แต่เพราะออกจากบ้านมาอย่างเร่งรีบ เธอเลยลืมเอามา
ไป๋ ฮันเยียน จึงโทรหาเพื่อนสนิทที่เป็นรูมเมทเพื่อขอให้ช่วยนำมาให้เธอ
แต่ปรากฎว่าเพื่อนสนิทของเธอไม่อยู่ที่บ้าน
“ท่านประธานเย่ ฉันขอกลับไปเอาชุดที่บ้านได้ไหมคะ?”
ไป๋ ฮันเยียน พูดขึ้นอย่างไม่สบายใจ ..ทั้งหมดเป็นเพราะความสะเพร่าของเธอเอง
“ได้สิ”
เย่เฉิน พยักหน้า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“งั้นเอาอย่างนี้ ผมจะไปส่งคุณเอง รถผมเร็วกว่าน่าจะประหยัดเวลาได้”
เย่เฉิน พูดขึ้น
รถของเขาคือ Lykan HyperSport ที่เอาชนะรถซุปเปอร์คาร์หลายๆ คันได้นับไม่ถ้วนในด้านความเร็ว
การซ้อมครั้งนี้สำคัญมาก ถ้าเขาไปส่ง ไป๋ ฮันเยียน จะประหยัดเวลาได้มาก และหลีกเลี่ยงการล่าช้าในหลายๆ เรื่อง
“ได้ค่ะ ขอบคุณท่านประธาน”
ไป๋ ฮันเยียน กล่าวอย่างดีใจเมื่อได้ยิน เย่เฉิน พูดแบบนี้
“ไปกันเถอะ”
เขาพา ไป๋ ฮันเยียน ลงไปที่ชั้นล่าง และขึ้นรถ Lykan HyperSport และมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของ ไป๋ ฮันเยียน
ประมาณสิบกว่านาที เย่เฉิน ขับรถมาถึงลานจอดรถใต้ดินของชุมชน
บ้านของ ไป๋ ฮันเยียน เช่าอยู่กับ เย่เฉิน เนื่องจากซื้อรถยนต์แล้ว เธอเลยเช่าที่จอดรถด้วย
“ทางนี้ค่ะ......”
ไป๋ ฮันเยียน บอกทางให้ เย่เฉิน
เมื่อ เย่เฉิน ขับรถมาถึงที่จอดรถที่ ไป๋ ฮันเยียน ได้เช่าไว้ กลับพบว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่แล้ว
และมันเป็นรถ Maserati คันใหม่เอี่ยมด้วย..
เห็นดังนี้ ไป๋ ฮันเยียน รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เธอไม่รู้จักรถคันนี้ ดังนั้นจึงน่าจะมีคนมาจอดโดยพลการในที่จอดรถของเธอ
เมื่อเธอลงจากรถไปดูก็พบว่ามีหมายเลขโทรศัพท์ติดไว้ที่หน้ากระจก
“ท่านประธานเย่ รอสักครู่คะ ฉันจะโทรให้คนนี้มาขยับรถ”
ไป๋ ฮันเยียน อธิบายให้ เย่เฉิน ฟัง
นี่คือที่จอดรถที่เธอเช่าไว้ ตอนนี้ถ้าจะจอดรถก็ต้องให้คนอื่นมาย้ายรถออกไป
ไป๋ ฮันเยียน กดหมายเลขโทรออกไป
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที......
สายเรียกเข้าดังอยู่นานเกือบนาที ก็ไม่มีคนรับสาย
ไป๋ ฮันเยียน ไม่ยอมแพ้ กดโทรออกไปอีกครั้ง
ครั้งที่สอง ก็ยังไม่มีคนรับสาย
ครั้งที่สาม.....ครั้งที่สี่......จนถึงครั้งที่ห้า อีกฝ่ายถึงจะรับสาย
“เฮ้ย แกเป็นใครวะโทรมาทำไม?”
พออีกฝ่ายรับสายก็มีเสียงไม่พอใจดังขึ้นทันที
“สวัสดีคะ ฉันเป็นเจ้าของที่จอดรถใต้ดินในชุมชนเชี่ยนไต้ฮัวหยวน รถคุณจอดในที่จอดรถของฉัน กรุณามาย้ายรถออกไปด้วยค่ะ”
ไป๋ ฮันเยียน พูดอย่างสุภาพ
“ฮ่าฮ่าๆ ย้ายรถ?”
แต่อีกฝ่ายกลับพูดอย่างไม่สุภาพเลย
“ไม่มีทางหรอก ฉันจะจอดตรงนั้น ฉันไม่มีเวลาลงไป บอกแกไว้เลยนะว่ารถ Maserati ของฉันเพิ่งซื้อมาในราคาสามล้านกว่าหยวน”
“ถ้าแกกล้าขยับมัน แกก็รอชดใช้ค่าเสียหายได้เลย”
อีกฝ่ายหัวเราะเย็นชา ท่าทางหยิ่งผยองมาก
หลังจากพูดจบเขาก็ไม่ได้รอให้ ไป๋ ฮันเยียน ได้พูด ผู้ชายคนนี้ก็วางสายไปทันที
ไป๋ ฮันเยียน อยากโทรไปอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายปิดเครื่องไปแล้ว
อีกฝ่ายไม่มีความคิดจะลงมาขยับรถเลย
มายึดที่จอดรถในที่ของเธอแล้วยังจะมาทำแบบนี้อีก?
ไป๋ ฮันเยียน โกรธมาก โลกนี้ทำไมถึงมีคนที่ไร้เหตุผลแบบนี้อยู่อีก?
จอดรถในที่ของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ว่าแย่แล้ว อาจจะมีธุระด่วนก็พอเข้าใจได้ ถ้าอีกฝ่ายสุภาพแล้วลงมาขยับรถเธอก็ใช่ ..จะว่าอะไร
แต่นี่เธอโทรไปตั้งห้าครั้ง อีกฝ่ายทนไม่ไหวถึงรับสาย และยังทำตัวหยิ่งผยองแบบนี้อีก
สุดท้าย ไม่เพียงแต่ไม่ย้ายรถ อีกฝ่ายยังข่มขู่เธอด้วยรถ Maserati ที่มีมูลค่าสามล้านกว่าหยวนด้วย
น่าโมโหจริงๆ…
“เป็นอะไรไป?”
เย่เฉิน ก้าวลงจากรถมาถามอย่างไม่เข้าใจ
เมื่อตอนที่ ไป๋ ฮันเยียน โทรศัพท์ เย่เฉิน เองก็สังเกตเห็นแล้วว่าเธอมีสีหน้าไม่ค่อยดี
ไป๋ ฮันเยียน ก็ได้บอกเล่าเรื่องราวเมื่อครู่นี้ให้ เย่เฉิน ฟัง
“อย่างนี้นี่เอง งั้นง่ายมาก ปล่อยให้ผมจัดการเอง”
เย่เฉิน คิดแผนไว้ในใจแล้ว
“ก็แค่รถ Maserati สามล้านกว่า มันแพงมากเหรอ?”
“อ๊ะ ท่านประธานเย่ จะทุบรถหรือคะ?”
ไป๋ ฮันเยียน ถามอย่างประหลาดใจ หลังจากได้ยิน เย่เฉิน พูดแบบนี้
“การทุบรถเป็นเรื่องเด็กๆ น่ะ อีกอย่างมันธรรมดาเกินไป ..ผมมีวิธีที่ดีกว่านี้”
เย่เฉิน ตอบอย่างมีเลศนัย