ตอนที่แล้วดาบที่รอการลับคม (ุ7)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปดาบที่รอการลับคม (ุ9)

ดาบที่รอการลับคม (ุ8)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel  แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

<เรื่องราวของอารอน  ตอนที่  10>

2. ดาบที่รอการลับคม (ุ8)

**************

เวลาผ่านไปอีกครั้ง

เขาต่อสู้หลายครั้งต่อหลายครั้ง และรอดชีวิตมาได้อีกครั้งและรักษาสถานะของเขาในฐานะกลาดิเอเตอร์อาวุโส

แต่งานอดิเรกเดียวของเขาคือการอ่านหนังสือ

เขาหมดความสนใจในวรรณกรรมเรื่องอัศวิน แต่หนังสือเกี่ยวกับการสิ้นสุดของยุคสมัยของมนุษย์ช่วยให้เขาฆ่าเวลาได้

'นั่นมันโง่เขลามากจริงๆ'

เมื่อเขาได้เรียนรู้สิ้่งต่างๆในหนังสือ เขาก็ได้เรียนรู้ด้วยว่าเหตุใดยุคสมัยของมนุษย์จึงสิ้นสุดลง

โดยพื้นฐานแล้ว มนุษย์ไม่สามารถเทียบได้กับขุนนางผิวขาวพวกนั้นได้เลย

ขุนนางผิวขาวพวกนั้นดูคล้ายกับมนุษย์ แต่แข็งแรงเหมือนหมี ว่องไวเหมือนเสือดาว

มีฟันที่แหลมคมและขากรรไกรที่แข็งแรงเหมือนจระเข้

เล็บยาวๆของพวกมันสามารถตัดไม้เนื้อแข็งได้เหมือนกับตัดหัวไชเท้า

นอกจากนี้การสืบพันธุ์และการเติบโตของพวกมันยังรวดเร็วมาก และจำนวนขุนนางคนผิวขาว 200 คนก็เพิ่มขึ้นเป็น 30 เท่าภายใน 50 ปี

ในอดีตแม้ในยุคของมนุษย์ก็มีตระกูลขุนนางผิดขาวเกิดขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่มนุษย์สูญเสียเกียรติและกลายเป็นสัตว์เลี้ยงนั้นไม่ใช่เพราะพวกเขาแพ้สงครามกับขุนนางผิวขาว

มันเป็นความขัดแย้งภายใน

ขุนนางมากมายลุกหือขึ้นมาอ้างว่าเป็นกษัตริย์ และทำสงครามกันเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำลายอารยธรรมที่พวกเขาสร้างขึ้น

ขุนนางนับร้อยแทรกซึมเข้าไปในดินแดนที่ถูกทำลายล้างนั้น และด้วยเหตุนี้ ยุคของมนุษย์จึงมาถึงจุดสิ้นสุดโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว

มันเป็นตอนจบที่น่าสมเพช

ยุคของเผ่าพันธ์ุมนุษย์

ขุนนางขาวได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์

เมื่อมองแวบแรก รูปร่างหน้าตาและบุคลิกภาพของพวกมันดูคล้ายกับมนุษย์ แต่พวกมันมีความดุร้ายและกระหายเลือด ชอบกินเนื้อเป็นอาหาร

เหนือสิ่งอื่นใด เหตุผลที่พวกมันไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ตลอดเวลานี้ก็เพราะพวกมันไม่มีความสามารถในการสร้างอารยธรรม

เมืองที่มนุษย์อาศัยอยู่นี้งดงามมาก

ตรงกลางเมืองมีพระราชวังที่งดงาม และมีคฤหาสน์สูงสำหรับชนชั้นสูงอยู่โดยรอบ นอกเขตนั้นมีบ้านเรือนและถนนจำนวนมากทอดยาวออกไปเหมือนใยแมงมุม

รอบเมืองมีกำแพงสีเงินเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก

อย่างไรก็ตาม เมืองนี้ไม่ได้เป็นของขุนนางทั้งหมด

พวกเขาแค่ฆ่าและแย่งชิงกันไปเรื่อยๆ

ขุนนางผิวขาวซึ่งมีความสามารถในการฆ่าและทำลายสิ่งต่าง ๆ แต่ไม่มีความสามารถในการสร้างอรยธรรมใดๆ มันมีชีวิตอยู่เหมือนปรสิตในอารยธรรมของมนุษย์ที่ล่มสลาย

และพวกมันก็ปฏิบัติต่อมนุษย์เสมือนเป็นปศุสัตว์และเป็นทาส

พึ่บ

เขาก็ปิดหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับอดีตขุนนางร้อยคนที่เคยยิ่งใหญ่

เหตุผลที่มนุษย์ถูกทำลายก็เนื่องมาจากความผิดของพวกเขาเอง

ไม่จำเป็นต้องรู้สึกเสียใจ

“.....”

สายตาของเขาจ้องมองตรงไปที่ข้างหน้า

คืนเดือนหงายที่แสงจันทร์ส่องแสง

ชายชรากำลังมองมาที่เขา

“อ่านหนังสือจบแล้วเหรอ?”

“มีธุระอะไรหรือเปล่า?”

“ถ้าอ่านมาถึงขนาดนี้ นายคงรู้ประวัติศาสตร์ของเราแล้ว”

สีหน้าของชายชราที่มักจะยิ้มเยาะเย้ยนั้นจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาของชายคนนั้นเย็นชา

“ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไปให้พ้น”

“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

“...”

“ที่ผ่านมา ฉันวิ่งวุ่นหาหนังสือให้นายมาตลอดกเลยนะ โปรดตอบแทนฉันสักหน่อยสิ”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า

“เอาเถอะมีอะไรก็ว่ามา”

“ขอบคุณมาก”

ชายชรากระแอมในลำคอเเละถามขึ้นว่า

“ทำไมไม่ฝึกฝนวิชาดาบล่ะ?”

“...”

“ฉันเฝ้ามองนายต่อสู้มาตลอด มันน่าทึ่งมาก และฉันเองก็อิจฉามากเช่นกันด้วย ถ้าฉันมีพรสวรรค์แบบนั้น…..”

ชายชราเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาซึ่งซ่อนเร้นมานานหลายสิบปี

“ในขณะเดียวกัน ฉันก็ขอบคุณเทพธิดาฝาแฝด ที่พวกท่านยังไม่ละทิ้งมนุษย์”

“หมายความว่าไง?”

"ฉันเชื่อ การได้เห็นนายมันทำให้ฉันเชื่อ หากเป็นพลังของนาย...มันสามารถยุติยุคของปีศาจได้”

ชายชรากล่าว

“ฝึกฝนวิชาดาบเถอะ ขอร้องล่ะ”

“...”

“ฉันจะไม่ขอให้นายใช้มันเพื่อคนอื่น คิดซะว่าเพื่อชื่อเสียงของนายเองก็ได้ เพื่อความมั่งคั่งก็ได้ แต่อย่ารอความตายแบบนี้”

“รอความตาย? ฉันเนี่ยนะ?”

“นายรู้ใช่ไหม? จุดจบของกลาดิเอเตอร์คืออะไร?”

ชีวิตของกลาดิเอเตอร์ในเมืองนี้

ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไร ยิ่งได้รับชัยชนะมากเท่าไร อายุขัยของก็จะยาวนานขึ้น

แต่ทุกอย่างมีข้อจำกัด

เมื่อถูกตัดสินว่าแข็งแกร่งเกินความจำเป็น พวกเขาก็จะถูกกำจัด

สำหรับขุนนางผิวขาว กลาดิเอเตอร์เป็นเพียงเครื่องมือแห่งความบันเทิงเท่านั้น

“แม้ว่านายจะซ่อนพลังของนายไว้ มันก็จะต้องถูกเปิดเผยออกมา แล้วมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ นายไม่รู้ข้อนี้เหรอ?”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย? ความเป็นความตายของฉันเป็นการตัดสินใจของฉันเอง ไม่ใช่เรื่องที่นายจะเข้าไปยุ่ง”

“ถ้านายฝึกฝนวิชาดาบ! ถ้านายฝึกฝนและแข็งแกร่งขึ้น! นายจะอยู่รอดได้ และนายจะได้รับอิสรภาพ! นายไม่ต้องการมันเหรอ?”

ชายชราตะโกนด้วยความสิ้นหวัง

“นายจะทิ้งชีวิตนั้นไปอย่างไร้ค่าจริงๆ หรือ?”

“...”

"ฉันรู้ถึงพลังของนาย!”

“ไร้สาระ”

"ฉันเห็นมัน ฉันดูนายทุกครั้งที่ขึ้นสู้! การต่อสู้ของนายไม่ได้มีไว้เพื่อฆ่าคู่ต่อสู้ แต่เพื่อช่วยชีวิตคู่ต่อสู้...!”

ชายชราเงียบไป

ใบมีดคมๆสัมผัสที่คอของเขา

เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

“ต่อไปอย่าพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นอีก”

แหมะ

เลือดหยดหนึ่งไหลลงมาที่คอของชายชรา

“ฉันทำให้ดาบเล่มนี้เปื้อนเลือดมามากแล้ว เพื่อที่ฉันจะได้มีชีวิตอยู่ อย่ามาแนะแนวเรื่องการฆ่าของฉันด้วยคำพูดไร้สาระนั้น”

“นาย..”

“ยุคมนุษย์ที่นายอาศัยอยู่นั้นสูงส่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ทุกคนหัวเราะและพูดคุยด้วยความตื่นเต้นหรือเปล่า?”

“.....”

“ไม่ใช่เรื่องของฉัน แม้ว่าตาแก่แบบคุณจะติดอยู่ในอดีตหรือมีความฝันอะไรก็ตาม อย่าเอาภาพลวงตาสกปรกเหล่านั้นมาให้ฉัน”

เขาเก็บดาบที่ดึงออกมาเข้าไปในฝัก

ชายชราจับคอของเขาเบาๆ

เลือดหยดจากผิวที่เหี่ยวย่นของเขา

“...เข้าใจแล้ว”

ชายชราพึมพำ

“ต่อไปอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ฉันเบื่อที่จะอ่านหนังสือพวกนั้นแล้ว”

“ฉันจะทำตามที่นายบอก”

"ดี"

ชายชราหลังงอเดินเข้าไปในเงามืด

เขาไม่เห็นหันกลับไปมอง

“ยังไปไหนเหรอ?”

“นายกำลังเข้าใจผิด”

“...?”

“นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา มันคือศรัทธา”

เขาหันนกลับมามองชายชรา

แต่เขามองไม่เห็นชายชราในเงามืด

“ดาบอยู่ที่นี่ แต่กษัตริย์อยู่ที่ไหน...”

เสียงคร่ำครวญของชายชราดังก้องในคืนเดือนหงาย

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด