การ์ดตัวละคร
เจ้าหน้าที่สืบสวนเขตคังหยาง? นี่มันที่ทำงานของพี่ชายผมนี่นา เขามาหาถึงที่นี่มีเรื่องอะไรด่วยหรือเปล่า
จางหยวนชิงรู้สึกตัวสั่นโดยสัญชาตญาณทันที ขณะกำลังจะเดินไปที่ประตูห้องนอนเพื่อแอบฟัง ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเปิดโทรศัพท์ ลบช่องแชทที่ส่งให้อี้ปิง รวมทั้งบันทึกการโทรทั้งหมดออกด้วย จากนั้นก็พับจดหมายที่อี้ปิงเขียนให้เขา เก็บไว้ใต้กระถางต้นไม้ที่วางอยู่บนขอบหน้าต่าง
หลังจากนั้นจางหยวนชิงจึงเปิดช่องเล็กๆ ด้วยความสบายใจ แอบดูสถานการณ์เงียบๆ ภายในห้องคนเดียว
เสียงของยายดังมาจากโถงทางเข้า
"พวกคุณมาหาเขาทำไม"
เธอไม่ได้เชิญเจ้าหน้าที่สืบสวนเข้ามา แต่กลับยืนขวางอยู่ที่ประตู
"เราต้องถามเขาบางเรื่อง นี่คือบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราค่ะ กรุณาหลีกทางด้วย"
คนที่พูดเป็นผู้หญิง เสียงเซ็กซี่
สายตาของคุณยายหยุดอยู่ที่บัตรที่นำออกมาโชว์ชั่วครู่ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว แล้วค่อยๆ หลีกทาง
จางหยวนชิงเปิดประตูห้องตรงเวลาพอดิบพอดี เขาจ้องมองเจ้าหน้าที่ตำรวจในห้องนั่งเล่นด้วยสายตาวิเคราะห์อีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน
เจ้าหน้าที่สืบสวนคนแรกสวมชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว เขาถือไม้เท้าในมือดูกระโดกกระเดก ขณะที่ใบหน้าดูซูบผอม มีหนวดเคราเล็กๆ ไว้ผมแสกข้างแบบเรียบๆ
สไตล์อังกฤษที่เข้มข้นนี้ รวมถึงหนวดเคราเล็กๆ ทำให้จางหยวนชิงนึกถึงสุภาพบุรุษที่เรียนจบจากต่างประเทศในจีนเมื่อสมัยก่อน
ทางด้านซ้ายของสุภาพบุรุษคนนี้คือเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่หน้าตาสะสวย ใบหน้ามีมิติมาก ดูเหมือนเธอจะเป็นลูกครึ่ง มุมปากที่ยิ้มแย้มนั้นเข้ารับกันดีกับดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำระยิบระยับดูมีชีวิตชีวา
เธอสูงประมาณ 175 ซม. มีขาที่ยาวราวกับนางแบบ สวมชุดสูท เสื้อเชิ้ตผู้หญิงสอดไว้ในกางเกง เอวบาง หน้าอกอวบอิ่ม ดูคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงมาก
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจคนสุดท้ายมีสีหน้าเฉยเมย สวมแว่นกรอบดำ ผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดูๆ ไปคล้ายพวกวิศวกรคอมพิวเตอร์
"ผมจางหยวนชิง พวกคุณมาหาผมมีเรื่องอะไรครับ"
ในขณะที่จางหยวนชิงตรวจสอบพวกเขาด้วยสายตาคร่าวๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังสังเกตชายหนุ่มคนนี้อยู่เช่นกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่เป็นลูกครึ่งยิ้มแย้มแจ่มใส
"พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจเขตคังหยาง มีบางเรื่องอยากจะถามสอบถามคุณหน่อยค่ะ กรุณาให้ความร่วมมือด้วยนะคะ"
"ได้ครับ"
จางหยวนชิงพาพวกเขานั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก คุณยายก็รินน้ำให้เจ้าหน้าที่ทั้งสามคน จากนั้นก็จ้องหลานชายด้วยความสงสัย
เธอนึกไม่ออกว่าหลานชายที่ร่าเริงและชอบเข้าสังคมซึ่งนางเลี้ยงดูมาด้วยตัวเอง จะไปมีเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจถึงกับต้องมาสอบถามถึงบ้าน
เจ้าหน้าที่หนุ่มที่ผมยุ่งเหยิง หยิบสมุดบันทึกและปากกาออกมา เปิดฝาปากกา ขณะที่ชายซึ่งหวีผมปาดเรียบนั่งอยู่บนโซฟา มือทั้งสองพาดอยู่บนไม้เท้า พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"คุณรู้จักเหล่ยอี้ปิงไหม"
สุดท้ายก็เป็นเรื่องของอี้ปิงจริงๆ ด้วย... จางหยวนชิงตอบตามความจริง
"พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ อยู่ดีๆ ถึงถามเรื่องนี้"
ในใจเขามีความสงสัยอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา ในเมื่อพี่ชายเขาก็อยู่ในสถานีตำรวจเขตคังหยางเหมือนกัน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนนี้ก็ควรสืบประวัติครอบครัวของเขามาอย่างดีแล้วสิ ตามหลักแล้ว เมื่อรู้ว่าคนที่ถูกสอบถามเป็นญาติของหัวหน้าทีมด้วยกันเอง ทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่ควรจะติดต่อหรือสอบถามกันเป็นการส่วนตัวก่อนเหรอ
แต่พี่ชายของเขากลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย เห็นได้ชัดว่าไม่รู้เรื่องนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นถึงแม้จะไม่มาด้วยกัน ก็ต้องโทรศัพท์มาบอกเขาล่วงหน้าให้เตรียมตัวสักนิดแล้ว
"อ๋อ เพื่อนสนิท..."
ชายคนนั้นแตะรองเท้าหนังที่ขัดเงาเบาๆ พูดอย่างใจเย็น
"เป็นแบบนี้ครับ เรื่องมีอยู่ว่า เหล่ยอี้ปิงหายตัวไป สถานีตำรวจในเมืองหางโจว มณฑลเจียงหนาน ติดต่อมาหาเรา บอกว่าสืบมาได้ว่าช่วงเช้าก่อนที่เหล่ยอี้ปิงจะหายตัวไป เขาได้ส่งพัสดุไปรษณีย์ โดยผู้รับคือคุณ"
สายตาของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของจางหยวนชิงราวกับจะมองทะลุเข้าไปในใจ "มีเรื่องแบบนี้หรือเปล่า"
จางหยวนชิงแสดงสีหน้าตกใจและสับสน "หายตัวไป? เป็นไปได้ยังไง...."
เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่บันทึกปากคำซึ่งดูเป็นเหมือนพวกบ้าคอมพิวเตอร์พูดเตือน
"คุณตอบแค่ว่ามีหรือไม่มีก็พอ"
"มีครับ เพิ่งได้รับเมื่อกี้เลย แต่แค่มันไม่มีชื่อผู้ส่ง ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าใครส่งมาให้" จางหยวนชิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ เพราะสถานีตำรวจสามารถตรวจสอบบริษัทขนส่งและกล้องวงจรปิดในหมู่บ้านได้
ชายผมปาดเรียบพยักหน้า ถามว่า "แล้วในพัสดุมีอะไรอยู่ หวังว่าคุณจะตอบตามความจริงนะ เพราะนี่เป็นเบาะแสที่สำคัญมากสำหรับเรา"
คุณยายที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็อดเป็นห่วงเหล่ยอี้ปิงไม่ได้ เด็กคนนั้นก็เหมือนหลานที่เธอเลี้ยงมาแต่เด็ก แม้ว่าจะย้ายบ้านไปหลายปีแล้วแต่ความคิดถึงห่วยใยก็ยังมีให้กันตลอด
จางหยวนชิงตอบว่า
"ในพัสดุไม่มีอะไรเลยครับ ว่างเปล่า"
"ว่างเปล่า? " ชายผมปาดเรียบหรี่ตาลง สายตาที่จ้องมาราวกับจะมองทะลุเข้าไปในใจของเขา
แม้ว่าฉันจะโกหกพวกนาย แต่การ์ดสีดำก็หายไปแล้วจริงๆ มันไม่มีอะไรอยู่ในนั้นแล้ว เพราะงั้นไม่ต้องกลัวเลยว่าจะถูกพวกคุณจับได้ จางหยวนชิงไม่ได้หลบสายตา เขาสบตากับชายคนนั้นอย่างจริงจังแล้วพูดว่า
"ตอนที่ผมเปิดพัสดุข้างในดู มันก็ว่างเปล่าแล้วครับไม่มีอะไรเลยจริงๆ มีแค่แผ่นโฟมกันกระแทกแค่นั้นเอง อ้อ กล่องพัสดุอันนั้นก็ยังอยู่ในห้องผมนะครับ ไม่เชื่อก็ไปดูได้"
หากการหายตัวไปของอี้ปิงเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ ตอนนี้เขาก็ต้องปิดบังเรื่องนี้ไว้ก่อน รอให้พี่ชายกลับบ้านจากที่ทำงานแล้วค่อยเล่าให้ฟัง เรื่องที่อาจมีความเสี่ยงแบบนี้ ปรึกษากับคนในครอบครัวจะปลอดภัยที่สุด
ชายผมปาดเรียบใช้สายตาสื่อสารกับลูกน้องหญิงที่อยู่ข้างๆ เธอเดินยิ้มๆ เข้าไปในห้อง แล้วก็กลับออกมาที่ห้องรับแขก พยักหน้าให้เพื่อนร่วมงานเล็กน้อย
ชายผมปาดเรียบครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“ถ้าสะดวก เราอยากจะขอตรวจสอบห้องของคุณนิดหน่อย รวมถึงคอมพิวเตอร์ด้วย นอกจากนี้ ขอให้คุณส่งโทรศัพท์มือถือให้เราด้วยครับ”
จะตรวจสอบคอมพิวเตอร์น่ะได้ แต่กรุณาอย่าเปิดประวัติการเข้าชมเว็บไซต์และไฟล์การเรียนในฮาร์ดดิสก์ผมนะ... จางหยวนชิงปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์อย่างใจเย็นแล้วส่งให้เขา
ชายผมปาดเรียบรับโทรศัพท์ ส่วนเจ้าหน้าที่หญิงก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
ขณะที่รับโทรศัพท์มาด้วยมือข้างหนึ่ง นิ้วหัวแม่มือก็เลื่อนไปมาสองสามทีแล้วก็ส่งคืนให้จางหยวนชิง จากนั้นก็รอคอยอย่างอดทน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่หญิงก็เดินออกมาพร้อมกับส่ายหัว
ชายผมปาดเรียบคนนั้นจึงพยักหน้าเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ขอบคุณสำหรับความร่วมมือนะครับ เราไม่รบกวนพวกคุณแล้ว"
ก่อนอีกฝ่ายจะจากไป จางหยวนชิงรีบถามก่อนทันที
"ผมขอถามเรื่องเหล่ยอี้ปิงหน่อยนึงได้ไหมครับ มันเกิดไรขึ้นกันแน่"
เขาถามเพราะความเป็นห่วงจริงๆ และเพื่อให้การ ‘กุเรื่อง’ ดูสมเหตุสมผลมากขึ้น เพราะหากได้ยินว่าเพื่อนสนิทหายตัวไปแล้วไม่ถามไถ่อะไรเลย ก็คงจะน่าสงสัยเกินไป
ชายผมปาดเรียบตอบอย่างอดทน
"ก็เขาหายตัวไปในหอพักน่ะสิ กล้องวงจรปิดในโถงทางเดินก็ไม่ได้บันทึกภาพตอนที่เขาออกไปด้วย ข้อมูลที่ได้จากเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง เขาก็บอกแค่ว่าคืนนั้นเขาตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ก็ยังเห็นเหล่ยอี้ปิงนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย”
"แต่พอตอนเช้าตื่นขึ้นมาอีกที คนก็หายตัวไปแล้ว พอผ่านมา 24 ชั่วโมงก็ยังติดต่อไม่ได้อยู่ดี เพื่อนร่วมห้องเขาก็เลยแจ้งให้มหาวิทยาลัยทราบ มหาวิทยาลัยถึงแจ้งตำรวจอีกที”
"แต่ถ้าอยากรู้ข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้ คุณต้องโทรไปสอบถามทางกับเพื่อนเขาเองแล้วแหละ"
เหมือนกับที่ลุงของเหล่ยอี้ปิงบอกไว้เลย แสดงว่าสถานีตำรวจท้องถิ่นไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เอ๊ะ หรือว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่อยากบอกผม... จางหยวนชิงพยักหน้า
"ผมทราบแล้วครับ"
ชายผมปาดเรียบพาเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเดินไปที่ประตู พอเดินมาถึงครึ่งทางก็หยุดแล้วหันกลับมาพูดว่า
"แต่ถ้าคุณมีเบาะแสอะไรเพิ่มก็แจ้งให้เราทราบด้วยละกันครับ อย่าปิดบังเราเด็ดขาด"
จางหยวนชิงกำลังจะพยักหน้า ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความหมายของอีกฝ่าย
"ไม่งั้น คนต่อไปที่จะหายตัวไปก็อาจจะเป็นคุณ"
คนต่อไปที่จะหายตัวไปก็อาจจะเป็นคุณ?
เขาหมายความว่ายังไง นี่เท่ากับขู่ผมเหรอ ว่าถ้าผมไม่ส่งมอบการ์ดสีดำให้พวกเขา ก็อาจจะหายตัวไปเหมือนอี้ปิงก็ได้
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว การ์ดนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ จู่ๆ ถึงได้หายไปเฉยๆ แบบนั้น... ต่อให้อยากจะส่งคืนตำรวจก็คงทำไม่ได้อยู่ดี
"ขอบคุณสำหรับคำเตือนครับ"
เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความหมาย
ไม่ว่ายังไงก็ต้องรอให้พี่ชายกลับมาจากทำงานก่อน อี้ปิงคงไม่อยากให้การ์ดตกไปอยู่ในมือสถานีตำรวจแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ส่งของมาให้เขาหรอก อีกอย่าง ในฐานะเพื่อนสนิทและเพื่อนรักตั้งแต่วัยเด็ก เขาเชื่อว่าพี่ชายจะไม่หักหลังเขาแน่นอน
คุณยายที่อยู่ข้างๆ หน้าดำคล้ำ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ไม่ต้องเดินไปส่งมัน"
ไอ้ห่าพวกนี้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็มาสาปแช่งหลานชายของเธอเฉยเลย
ชายผมปาดเรียบยิ้มแล้วล้วงนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านซ้าย ยื่นให้ "ถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอด"
หลังจากที่จางหยวนชิงรับไป เขาก็พาเจ้าหน้าที่อีกสองคนที่เหลือเดินออกจากห้องพักไป
"อี้ปิงหายตัวไปได้ยังไงนะ เฮ้อ ฉันต้องหาเวลาไปเยี่ยมแม่ของอี้ปิงแล้วบ้างแล้วล่ะ" หลังจากที่คนเหล่านั้นจากไป คุณยายก็พูดด้วยความกังวล
เมื่อก่อนทั้งสองบ้านเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก เจอกันทุกวันเป็นสิบปี ก็มีความผูกพันกันอยู่
จางหยวนชิงจึงได้แต่พูดด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าว่า "ยายครับ เมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ งั้นขอตัวกลับไปนอนในห้องก่อนนะ ถ้าเที่ยงผมยังไม่ตื่นอีกก็ไม่ต้องปลุกผมล่ะ”
"แล้วถ้าตากลับมาเมื่อไหร่ ยายก็เล่าเรื่องนี้ให้ตาฟังด้วยนะ ให้เขาโทรไปหาลุงเหล่ย"
เมื่อคืนเผลอเล่นเกมกับน้าสาวจนถึงตีสองตีสาม เช้ามาพอตื่นขึ้นมาอาการเก่าก็กำเริบอีก ทั้งที่ร่างกายก็อ่อนเพลียอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังฝืนใช้สมองอย่างหนักเพื่อตามหาร่องรอยของอี้ปิงอย่างหนัก
ตอนนี้สมองของเขาเหนื่อยล้ามากจนมึนไปหมดแล้ว
หลังจากที่คุณยายพยักหน้า จางหยวนชิงก็กลับไปที่ห้องนอนตัวเองทันที
เมื่อปิดประตู ถอดรองเท้าเสร็จ เขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงหลับผล็อยไปอย่างรวดเร็ว
ในรถตู้สีดำ หหลี่ตงเจ๋อซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังนุ่ม พิงไม้เท้าที่ด้ามจับประดับทองไว้ข้างที่นั่ง มือหนึ่งถือแก้วไวน์ทรงสูง เขย่าของเหลวสีแดงเข้ม
"กวนหยา ในห้องมีอะไรผิดปกติไหม" เขาหันไปมองสาวลูกครึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ
กวนหยาเอนตัวพิงเก้าอี้หนังอย่างเกียจคร้าน ขาสองข้างที่ยาวเรียวประกบกันสนิท ใบหน้าที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
"มีอะไรแปลกๆ อยู่อย่างนึงค่ะหัวหน้า"
"เล่ามา" หหลี่ตงเจ๋อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ชายหนุ่มเนิร์ดที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ละสายตาจากโทรศัพท์แล้วหันมามองเช่นกัน
กวนหยาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เด็กคนนั้นน่าจะเป็นพวกชอบสาวผมดำเป็นพิเศษค่ะ แอบจะติดนิสัยหื่นๆ นิดหน่อยด้วย จากที่ดิฉันลองค้นห้องเขาเมื่อกี้ก็เจอแต่พวกคลิปโป๊หรือการ์ตูนโดจินวางกองเต็มไปหมด แต่ถังขยะของเขากลับสะอาดมาก หมายถึงไม่มีขยะอะไรอยู่ในนั้นเลยค่ะ แปลกไหมคะ ซึ่งมันดูขัดแย้งกันยังไงไม่รู้"
"ส่วนการคบเพื่อนของเขาก็ดูรู้จักคนทั่วถึงมาก แต่ในวีแชทกลับเปิดการแจ้งเตือนเฉพาะกลุ่มเกมและก็กลุ่มลับ 18+ เท่านั้น ส่วนกลุ่มอื่นๆ เขาตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนไว้ทั้งหมดเลย ในห้องก็มีแต่เครื่องเล่นเกม ไม่มีของเล่นอื่นๆ เลย เด็กคนนี้มีนิสัยค่อนข้างเก็บตัวนะคะ...ถึงจะรู้จักคนเยอะแยะแต่จริงๆ น่าจะค่อนข้างมีนิสัยเป็นอินโทรเวิร์สนิดหน่อย อ้อ หัวหน้ารู้ไหมคะว่ากลุ่ม 18+ หมายความว่าอะไร"
สาวลูกครึ่งทำท่าทางเหมือนกำลังเล่นเกม
เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนฟังแล้วก็งุนงง หหลี่ตงเจ๋อรีบยกมือขึ้นขัดจังหวะแล้วพูดด้วยความโกรธ
"โอ้ย.... อยากจะใช้รองเท้าบู๊ตถีบก้นเธอจริงๆ นะกวนหยา ฉันกำลังคุยเรื่องจริงจังกับเธออยู่ บอกตั้งไม่รู้กี่รอบแล้วอย่ามาพูดเรื่องหยาบคาย กับทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้แบบนี้ ไม่ได้มีความเป็นกุลสตรีเลย..."
สาวขายาวไม่กลัวเจ้านายที่โกรธสักนิด เธอยิ้มแล้วพูดว่า
"ก็อย่าไปจริงจังขนาดนั้นสิคะ พูดเล่นบ้างชั่วครั้งชั่วคราวจะได้ไม่เครียดเกินไปไง"
เธอค่อยๆ เก็บรอยยิ้มแล้วพูดว่า
"ฉันไม่พบอะไรที่น่าสงสัยในคอมพิวเตอร์ของเขาเลยหัวหน้า แต่พบจดหมายที่เหล่ยอี้ปิงส่งมาให้เขาที่ใต้กระถางต้นไม้ที่วางอยู่บนขอบหน้าต่างนะคะ เหล่ยอี้ปิงส่งของมาให้เขาจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่เป็นการ์ดตัวละคร แต่ไม่รู้ว่าเป็นคลาสอาชีพอะไร"
หหลี่ตงเจ๋อเงียบไปสองสามวินาทีแล้วหลับตาลง
"ถ้าเขาไม่หายตัวไปล่ะก็...พรุ่งนี้คุณช่วยมาที่นี่อีกครั้งทีนะ"