ตอนที่แล้วจุดเริ่มต้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปการ์ดตัวละคร

หายตัวไป


“อี้ปิงส่งมาเหรอ?”

จางหยวนชิงอ่านเนื้อหาในจดหมายจบก็ขมวดคิ้ว

ไอ้บ้าเอ้ย พูดไม่ได้ชัดเจนเลย... เขาหันกลับไปมองการ์ดสีดำอีกครั้ง พิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ยืนยันได้ว่ามันเป็นแค่การ์ดธรรมดาๆ ใบหนึ่ง ถ้าจะให้พูดว่าแปลกก็คือมันให้ความรู้สึกดี วัสดุก็ดูแปลกใหม่

หรือว่ามันจะเป็นการ์ดสมาชิกของคลับสุดหรูระดับพรีเมี่ยม

อย่างว่าแหละ สาวๆ นมบึ้มๆ ก็คงมีแค่ชายหนุ่มอย่างเขาเท่านั้นแหละที่จะเอาอยู่หมัด

เหล่ยอี้ปิงเป็นเพื่อนสนิทที่เขาเล่นด้วยมาตั้งแต่เด็ก เรียกสั้นๆ ว่าอาปิง อายุมากกว่าเขา 2 ปี ตอนที่ตากับยายของเขายังไม่ได้ซื้อบ้านใหม่ ครอบครัวพวกเราทั้งคู่ก็อาศัยอยู่ในซอยเดียวกัน

เหล่ยอี้ปิงมีความแข็งแกร่งและความว่องไวค่อนข้างสูง แต่เรื่องสติปัญญานั้นกลับเชื่องช้าอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เด็กมาแต่ไหนแต่ไรก็ต้องคอยปกป้องเขาอยู่เสมอ เวลามีเรื่องชกต่อยกันทีไรก็จะพุ่งเข้าไปข้างหน้าตลอด ตรงกันข้ามเวลาเขาโดนไล่ตีก็จะคอยอยู่ข้างหลังเพื่อนคนนี้เสมอเช่นกัน ดังนั้น ทุกครั้งที่ใครก็ตามล้อเลียนจางหยวนชิงว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ เหล่ยอี้ปิงก็จะออกมาปกป้องอยู่เสมอ

ดังนั้นจางหยวนชิงจึงเรียกเขาว่า พ่อนักกล้าม

ตอนที่อี้ปิงเรียนมัธยมปลาย ผลการเรียนไม่ค่อยดีนัก จึงไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในมณฑลเจียงหนาน หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มติดต่อกันน้อยลงเพราะอยู่คนละที่

จางหยวนชิงใส่การ์ดสีดำลงไปในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาพ่อนักกล้ามเพื่อแซวว่า

“การ์ดสมาชิกของคลับไหนอ่ะ อย่างน้อยก็บอกที่อยู่หรือวิธีติดต่อมาให้ฉันหน่อยก็ได้นะ”

เขาส่งข้อความไปแล้ว แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีการตอบกลับ เขาจึงยกโทรศัพท์กดเบอร์โทรหาเหล่ยอี้ปิง

หลังจากโทรออกไป 2 ครั้ง สายก็ถูกตัด จนในที่สุดสายที่ 3 ก็มีเสียงผู้ชายทุ้มต่ำดังออกมาจากลำโพง

“ฮัลโหล ผมพ่อเหล่ยอี้ปิงนะ”

“ลุงเหล่ยเหรอครับ?” จางหยวนชิงตกใจ แล้วก็ดีใจขึ้นมาทันที

“อี้ปิงกลับมาจากเจียงหนานแล้วเหรอครับ? ให้เขารับโทรศัพท์ผมหน่อยได้ไหม ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

ปลายสายเงียบไปสักครู่ แล้วก็มีเสียงเศร้าโศกตามออกมา

“หยวนชิง ตอนนี้ลุงอยู่มณฑลเจียงหนานต่างหาก แต่มันไม่สำคัญหรอก สำคัญที่สุดตอนนี้คืออี้ปิงหายตัวไปแล้ว...”

ห๊า เหล่ยอี้ปิงหายตัวไปเหรอ?! จางหยวนชิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สักครู่ก็ถามด้วยความสับสนและกังวล

“เกิดอะไรขึ้นครับลุงเหล่ย”

อี้ปิงตัวไปได้ยังไง เขาเพิ่งจะส่งของมาให้ผมเองนะ

“หายตัวไปตั้งแต่วันก่อนแล้ว เมื่อวานลุงกับภรรยาเพิ่งรับสายโทรศัพท์จากมหาวิทยาลัยเอง รู้เรื่องปุ๊บก็รีบไปที่นั่นเลย” ลุงเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง

“แล้วลุงแจ้งตำรวจหรือยังครับ? เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาว่าไงบ้าง” จางหยวนชิงถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ลุงเหล่ยเงียบไปนาน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงลังเล

“จะให้พูดตรงๆ ก็ลำบาก อี้ปิงหายตัวไปแบบแปลกๆ...”

แปลกๆ เหรอ หมายความว่ายังไงกัน... จางหยวนชิงชะงักไปชั่วครู่

ลุงเหล่ยเล่าว่า “อี้ปิงหายตัวไปจากหอพักตั้งแต่คืนก่อนแล้วหยวนชิง ตำรวจก็เปิดกล้องวงจรปิดตรวจสอบจนหมดแล้วแต่ก็ไม่เจอเบาะแสอะไรเลย ที่สำคัญ ไม่มีร่องรอยว่าอี้ปิงเดินออกไปจากหอพักแม้แต่สักก้าวเลยด้วยซ้ำ แต่พอตอนเช้าเขาก็หายตัวไปแล้ว

“เพื่อนที่เป็นรูมเมทห้องเดียวกับเขา ก็บอกว่าก่อนนอนยังเห็นเขานอนที่เตียงๆ ข้างอยู่เลย แต่พอตื่นมาอีกทีก็ไม่เห็นแล้ว ทีแรกยังคิดว่าเขาแค่ออกไปข้างนอกเฉยๆ”

จางหยวนชิงพอได้ยินก็เผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว “มันเป็นไปได้ยังไง...”

คนเราจะหายตัวไปเฉยๆ ได้ยังไง เรื่องแบบนี้เล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อหรอก ขนาดเด็กสามขวบยังหลอกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

จางหยวนชิงกลั้นความกังวลในใจไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง

“ลุงเหล่ยครับ หรืออี้ปิงเคยไปมีเรื่องกับใครในมหาวิทยาลัยเข้าหรือเปล่า”

สิ่งแรกที่เขาคิดคือ เหล่ยอี้ปิงอาจจะดันไปมีเรื่องกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเข้า แล้วอีกฝ่ายก็อาจจะมีอำนาจในท้องถิ่นอยู่บ้าง ถึงทำให้กล้องวงจรปิดตรวจสอบอะไรไม่ได้ ข้อมูลหายไปหมด นั่นจึงมีโอกาสที่มหาวิทยาลัยจะมีส่วนในการช่วยปกปิดเรื่องนี้

ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารเปรียบเสมือนระเบิดลูกโตๆ ใครก็คงเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้าง

“ทางมหาวิทยาลัยบอกว่าจะให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ ส่วนตำรวจก็บอกให้เรากลับไปรอข่าวที่บ้านก่อน พวกเขาจะสืบสวนเอง... ลุงกับภรรยานอนไม่หลับกันทั้งคืน เฮ้อ..”

ลุงเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและกังวล

นี่คือคำตอบที่ได้จากตำรวจจริงๆ สินะ... บ้าเอ้ย... จางหยวนชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วปลอบใจลุงเหล่ยว่า

“อย่าเพิ่งกังวลไปเลยครับ คุณตากับพี่ชายของผมก็ทำงานที่สถานีตำรวจเหมือนกันลุงก็รู้ เดี๋ยวผมจะไปถามพวกเขาเพิ่มว่าเราควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี ถ้าลุงมีอะไรก็โทรมาหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”

“แต่ลุงก็ต้องโทรไปถามเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยเขาเหมือนกันนะ ถ้าอี้ปิงไปมีเรื่องกับใครไว้ ก็น่าจะสืบเบาะแสจากเพื่อนๆ ได้บ้าง”

ลุงเหล่ยรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะหยวนชิง ถ้ามีข่าวอะไร ลุงจะบอกเป็นคนแรกเลย”

หลังจากวางสาย จางหยวนชิงก็รู้สึกกระวนกระวายใจจนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง กังวลเรื่องความปลอดภัยของอี้ปิงจนอยู่ไม่สุข

คนเราจะหายตัวไปเฉยๆ ได้ยังไง กล้องวงจรปิดก็ถ่ายไม่ติด แสดงว่ากล้องต้องโดนใครปิดไว้แน่ๆ แต่ปัญหาอยู่ที่เขาไม่รู้ว่าอี้ปิงไปมีเรื่องกับใครเข้าน่ะสิ

แต่ลำพังแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยปี 3 จะมีไปมีปัญญาหาเรื่องกับใครได้

เอ้ะ! แต่เดี๋ยวก่อน หายตัวไปตั้งแต่หลายวันก่อนเหรอ...

หลายวันก่อน?!

จางหยวนชิงสะดุ้งตกใจจนทำตัวไม่ถูก ของที่ส่งมาจากมณฑลเจียงหนานจะถึงซงไห่ใน 2-3 วันตามเวลาที่คำนวณ แต่อี้ปิงหายตัวไปตั้งนานแล้วนะ ก่อนที่จะส่งของมาให้เขาอีก...

มันเกิดไรขึ้นกันแน่

ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องบังเอิญแน่เหรอ หรือจริงๆ แล้วสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกัน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เอื้อมมือไปล้วงหาการ์ดสีดำในกระเป๋าเสื้อโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อยื่นมือเข้าไปในกระเป๋า เขาก็ต้องตกใจจนพูดไม่ออก

บ้าน่า!! เฮ้ย ไอ้การ์ดนั่นหายไปไหนแล้ว

หล่นลงพื้นไปหรือเปล่า? จางหยวนชิงรีบก้มลงมอง แล้วก็รีบมองไปรอบๆ ห้องทันที

ไม่มี!

เขาหมอบลงไปดูใต้เตียงและค้นหาท่ามกลางเศษฝุ่น เศษเหรียญ เศษปากกา เศษกระดุม และเศษของอื่นๆ อีกมากมาย แต่ก็ยังไม่มีการ์ดสีดำอยู่ดี

การ์ดใบนั้นหายไปแล้ว แต่เขาจำได้แม่นยำมากว่าตัวเองใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วนี่นา

มันหายไปได้ยังไงวะเนี่ย…

เมื่อนึกถึงเรื่องที่อี้ปิงหายตัวไปอย่างลึกลับ ยังเรื่องจดหมายที่มีเนื้อหาแปลกประหลาดนั่นอีก และการ์ดสีดำที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย จางหยวนชิงก็รู้สึกหวาดกลัวและสับสนอย่างบอกไม่ถูก

“การ์ดสีดำมันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่อี้ปิงหายตัวไปหรือเปล่าวะเนี่ย หรือจริงๆ มันอาจจะเป็นเบาะแสสำคัญอะไรบางอย่าง”

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจใช้โรคประหลาดเก่าๆ นั่นเพื่อกระตุ้นความทรงจำอย่างไม่ลังเลทันที

ก่อนอื่นเขาเทน้ำเย็นลงในแก้ว จากนั้นก็หยิบขวดยาประจำตัวมาจากหัวเตียง บิดฝาออก แล้วถอดรองเท้าทิ้งตัวนอนลงบนเตียง หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็หลับตาลง นอนนิ่งๆ แล้วนึกถึงใบหน้าของพ่อในใจ

โรคเก่าที่เขาเรียกเอาเองว่าสมองล้ำยุค จะทำงานก็ต่อเมื่อเขาตั้งใจนึกถึงภาพๆ หนึ่ง ซึ่งภาพนั้นควรจะเป็นภาพที่เคยเห็นมาก่อน แต่จำได้แค่เลือนลาง วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นวอร์มสมองให้ค่อยๆ อุ่นขึ้น จนในที่สุดสมองก็จะทำงานได้อย่างเต็มที่

เวลาผ่านไปหลายปี ใบหน้าของพ่อก็เลือนลางไปมากแล้ว จึงเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับเขาที่สุดในตอนนี้

เวลาผ่านไปทีละนาที ใบหน้าของพ่อก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น จากที่เคยเลือนลาง จนในที่สุดก็เห็นได้ชัดทุกกระเบียดนิ้ว ขณะเดียวกันหัวใจของจางหยวนชิงก็เต้นแรงราวกับเครื่องยนต์ที่ทำงานหนักเกินไป

ในขณะนี้ เวลาดูเหมือนจะเริ่มถอยหลังย้อนกลับไป ภาพเหตุการณ์เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนก็ปรากฏขึ้นทีละเฟรมเหมือนในภาพยนตร์

เขาเห็นตัวเองแกะกล่องพัสดุ อ่านจดหมาย แล้วใส่การ์ดสีดำลงในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต จากนั้นก็ส่งข้อความหาอี้ปิง หลังจากนั้น ครึ่งชั่วโมงก่อน เขานั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ขยับตัวใดๆ ดูวิดีโอสั้นๆ เป็นเวลาหลายนาที แล้วก็ส่งภาพลามกให้กับ เพื่อนๆ ในกลุ่มเกมของเขา

จากนั้นก็อ่านนิยายไปอีกหลายนาที แต่เพราะคิดถึงเรื่องการ์ดสีดำอยู่ตลอดเวลา จึงโทรหาอี้ปิง

หลังจากวางสาย ช่วงเวลาสำคัญก็มาถึง เขาเดินไปมาในห้องด้วยความใจร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ง่ายที่สุดที่การ์ดน่าจะหล่นหาย

ในภาพความทรงจำ เขาเห็นตัวเองเดินไปมาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จากนั้นก็เอื้อมมือไปล้วงหาการ์ดสีดำ แต่ก็พบว่าการ์ดหายไปแล้ว

จางหยวนชิงลืมตาขึ้นทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

หายไปแล้วเหรอ?!

การ์ดสีดำหายไปเฉยๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้เนี่ยนะ!

เหล่ยอี้ปิงส่งอะไรมาให้กันแน่...

ในเสี้ยววินาทีนั้น เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ เสียงดังอื้ออึงก็ดังขึ้นข้างหูราวกับเสียงของผู้คนมากมายที่พูดพร้อมกัน ความทรงจำที่ขาดหายไปก็เริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ภาพหลายๆ ภาพเรียงซ้อนกันถี่ยิบถาโถมราวกับภูเขาไฟระเบิดในหัวของเขา

จางหยวนชิงรู้สึกมีของเหลวอุ่นๆ ไหลออกมาจากจมูก ราวกับมีตะปูตอกเข้าไปในหัวอย่างทุกข์ทรมาน เขาคลานไปยังหัวเตียงด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว หยิบยาเม็ดสีฟ้าห้าเม็ดออกมาจากขวดด้วยมือสั่นๆ แล้วโยนเข้าปาก ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มกลืนยาทั้งหมดลงท้องไปในคราวเดียว

ครู่ต่อมา จางหยวนชิงนั่งหายใจหอบอยู่ที่หัวเตียงด้วยสีหน้าซีดขาว

จนถึงตอนนี้ เขาก็แทบจะมั่นใจแล้วว่าการหายตัวไปของอี้ปิงต้องมีความเกี่ยวข้องกับการ์ดสีดำใบนั้นอย่างแน่นอน

“อี้ปิงหายตัวไปหลังจากส่งการ์ดสีดำมาให้ แถมไอ้การ์ดดำใบนั้นก็ยังดูแปลกๆ อีก มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ๆ”

เรื่องนี้ทำให้ต้องนึกถึงความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะถูกข่มขู่คุกคามเป็นรายต่อไปก็ได้ อาจจะถึงขั้นต้องขนของย้ายบ้านหนีเลยด้วยซ้ำ

“แต่ทำไมเขาถึงไม่ส่งให้สถานีตำรวจล่ะ ส่งมันมาให้ฉันทำไม”

หรือว่าเขาที่ไม่เคยแม้แต่ฆ่าไก่สักตัว ไม่เคยมีอะไรกับใครเลย เป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง จะมีความน่าเชื่อถือกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกงั้นเหรอ?

จู่ๆ จางหยวนชิงก็นึกถึงรายละเอียดบางอย่าง

“ขนาดกล้องวงจรปิดก็ยังบันทึกภาพไม่ได้ คนที่อยู่ในห้องนอนเดียวกันยังไม่รู้สึกผิดปกติอะไรเลย”

คนที่ทำได้ขนาดนี้มันต้องมีอำนาจในระดับหนึ่งเลยนะ บางทีการที่อี้ปิงไม่ได้ส่งมอบการ์ดสีดำอันนั้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจเพราะว่า......กรมตำรวจก็ไม่น่าเชื่อถือแน่ๆ

หรืออาจจะพูดได้ว่าคนที่ทำให้เขาหายตัวไปหรือกลุ่มคนที่ทำให้เขาหายตัวไป ต้องมีอิทธิพลแผ่ไปถึงกรมตำรวจท้องถิ่นแน่นอน

“เขาส่งการ์ดสีดำมาให้ฉันเพราะรู้ว่าคุณตาฉันเคยเป็นสารวัตรตำรวจที่พอจะมีบารมีสินะ ส่วนลูกพี่ลูกน้องของฉันก็ยังเป็นหัวหน้ากรมตำรวจในท้องถิ่นอีก มีเส้นสายในเมืองซงไห่ก็ค่อนข้างกว้างขวาง คนจากมณฑลเจียงหนานคงมาทำอะไรฉันไม่ได้ พี่ทหารถึงวางใจกล้าส่งมาให้ฉัน”

ไม่ได้การละ เขาต้องรีบเล่าเรื่องนี้ให้ลูกพี่ลูกน้องฟังโดยเร็วที่สุด

“กริ๊งก่อง~”

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูจากทางเข้าหน้าห้อง

เสียงฝีเท้าของยายดังขึ้นทันที เดินผ่านห้องนั่งเล่นไปยังประตูแล้วเปิดออก

“มาหาใครคะ?”

“สวัสดีครับ พวกเราเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนจากกรมตำรวจเขตคังหยางครับ ขอถามหน่อยว่าจางหยวนชิงอยู่บ้านไหมครับ”

คนนอกประตูถาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด