บทที่ 77: การขยายตัว (6)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 77: การขยายตัว (6)
รถน้ำที่อยู่ในฉากของ 'พ่อค้ายาเสพติด' ฉีดน้ำไม่หยุดราวกับว่ามันแทบจะพังได้แล้ว
– ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง!
นอกจากเสียงฝนตกหนักแล้ว ไม่มีเสียงของผู้คนในที่นี่ให้ได้ยินเลย มันแปลกมาก เสียงไม่ได้ถูกกลบด้วยเสียงฝนดังเท่านั้น แม้จะมีคนมารวมตัวกันมากกว่า 60 คน แต่กลับไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
“……”
“……”
นักแสดงสมทบที่เพิ่งถามคำถามออกไป ก็มองไปรอบๆ ในไม่ช้าเขาจึงตระหนักได้
อ่า ไม่มีใครตอบคำถามของฉันได้สินะ
นักแสดงหลักและนักแสดงสมทบ ทีมงาน ตัวแทนบริษัทผลิตและจัดจำหน่าย และทุกคน พวกเขาทั้งหมดปิดปากเงียบ เพียงแค่มองไปในทิศทางเดียว สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยังจุดที่นักแสดงหน้าใหม่ที่มารับบทคามิโอ่สั้นๆ
ท่าทางของพวกเขาทั้งหมดเป็นเดียวกันหมด
รูม่านตาขยาย ปากเปิดเล็กน้อย ขมวดคิ้ว และรูจมูกบานเล็กน้อย มันเป็นลักษณะคนเหมือนถูกตีจากด้านหลัง เหมือนว่าพวกเขาจะโดนอะไรหนัก ๆ ทุบเข้าใส่หัว
พวกเขาทุกคนเป็นเช่นนี้…แค่หลังจากดูการแสดงแค่ฉากเดียว
– ตึก
คนกลุ่มแรกที่เคลื่อนไหวท่ามกลางฝูงชนที่แข็งค้างคือ นักแสดง
'...เขาเก่ง ไม่สิ แต่เขาจะเก่งขนาดนั้นได้ยังไง? เขาแค่เหลือบมองบทละครคร่าวๆ ไม่ใช่เหรอ? เขาจะแสดงราวกับว่าเขาซ้อมมามากกว่าหนึ่งเดือนได้ยังไงกัน?'
นักแสดงเริ่มประมวลสิ่งที่พวกเขาเห็น พยายามนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
'มันเป็นฉากแรกของเขาเลยนะ แถมยังเป็นฉากที่เพิ่งแก้ไขแล้วด้วย ฉันเข้าใจได้แหละถ้าไม่มีข้อผิดพลาด แต่เขาสามารถศึกษาบทโดยไม่มีการสร้างอารมณ์ได้ยังไง ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนจริงขนาดนี้?'
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็นมันด้วยตาของพวกเขาเอง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถย่อยมันได้ง่ายๆ ความรู้สึกไม่เชื่อได้พลุ่งพล่านในใจพวกเขา
'พูดตามตรง... เพราะได้ยินว่าเขาเป็นมือใหม่ เลยนึกว่าเขาจะเป็นเหมือนมือสมัครเล่นทั่วไป แต่ฉันไม่เจอข้อบกพร่องอะไรเลยนะ แถมยังเก่งอะไรขนาดนี้ ถึงขั้นสามารถแสดงได้เข้าถึงบทบาทขนาดนี้เชียวเหรอ? เพียงสามสัปดาห์หลังจากได้รับบทละครเนี่ยนะ?’
มีนักแสดงมากประสบการณ์มากมายในกองถ่าย 'พ่อค้ายาเสพติด' ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกงุนงงมากขึ้นไปอีก มันเกินความเข้าใจของพวกเขาไปแล้ว
ในใจพวกเขายามนี้ มันไม่มีทั้งความชื่นชมและความประหลาดใจแล้ว
นักแสดงแต่ละคนพยายามทำความเข้าใจกับการแสดงที่พวกเขาเพิ่งเห็น ไม่มีใครพูดคุยกัน
'คุณภาพการแสดงของเขาเหมือนเป็นของนักแสดงมากประสบการณ์ เป็นเรื่องที่น่าสับสนมากว่าทำไมเขาถึงเป็นได้แค่ตัวประกอบ แต่ปัญหาคือ วิธีแสดงของเขามันไม่เหมือนการแสดงเลย เทคนิคหรือวิธีการพูดก็ไม่เหมือนมือใหม่เลยสักนิด'
นักแสดงโดยรอบต่างครุ่นคิดอย่างเงียบๆ พวกเขารู้ดีว่าถึงถามไปก็จะไม่ได้คำตอบกลับมาอยู่ดี
อีกด้านหนึ่ง
"ว้าว"
ไม่เหมือนกับนักแสดงที่เงียบ ผู้บริหารจากบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายต่างก็เริ่มรู้สึกตัวกันแล้ว
"ฉากเมื่อกี้ต้องเป็นตำนานแน่"
พวกเขาเริ่มพึมพำกันเอง
"เขาแสดงจากตัวบทที่แก้ไขแล้วใช่ไหม?"
"ใช่ครับ เขาแสดงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่พลาดจุดไหนเลย"
"แล้วคุณภาพการแสดงของเขาในบทบาทของ 'อีซังมัน' ล่ะ? ว้าว น่าตกใจจริงๆ"
เนื่องจากทั้งฝ่ายผลิตและจัดจำหน่ายต่างกำลังเครียดกับปัญหา 'อีซังมัน' ผลกระทบในจิตใจของพวกเขาจึงรุนแรงยิ่งกว่าทุกคน
"น้ำเสียง สีหน้า อารมณ์ และนิสัยของ 'อีซังมัน' ราวกับออกมาจากบทเลย แต่ว่า... มันเป็นไปได้เหรอที่หน้าใหม่จะแสดงได้ขนาดนี้?"
ณ จุดนี้ ผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตรายหนึ่งได้พูดอย่างเคร่งขรึมพลางกอดอก
"หาก 'อีซังมัน' ปรากฏตัวบนหน้าจอขนาดใหญ่ เขาจะต้องดึงดูดผู้ชมทุกคนอย่างแน่นอน"
อีกด้านหนึ่ง
คังวูจิน ผู้ซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงกล้องขนาดใหญ่
“……”
ผ่านไปหลายนาทีแล้วที่วูจินมองดูบันไดตรงหน้า ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
'ฉันทำผิดพลาดหรือเปล่าเนี่ย?'
ทั้งฉากเงียบเกินไป ตามความต่อเนื่องของบท ฉากควรจะจบลงตรงนี้แล้วสิ มันควรจะเรียกคัทหรือสั่งถ่ายใหม่สิ แต่ไหงเงียบสนิท
'ไม่นะ ฉันไม่ได้ทำผิดสักหน่อย ถึงจะฉันรู้สึกประหม่ากับผู้คนรอบข้างก็เถอะ แต่ฉันแน่ใจว่าฉันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องทุกจุดเลยนะ ถ้าอย่างนั้นการแสดงของฉันก็ต้องใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบสิ ไม่รู้แล้ว งั้นรอดูต่อไปแล้วกัน'
วูจินเลือกที่จะรอ โดยยังคงทำหน้าตาย แต่ว่าความชื้นเร่มเพิ่มขึ้นจนรู้สึกเย็นเล็กน้อย ทว่าเขาก็พอทนได้อยู่
'ที่สำคัญกว่านั้น เขากังวลมากเรื่องนักแสดงสมทบคนนั้นเมื่อสักครู่นี้ คอเขาคงจะโอเคใช่ไหม?'
ขณะที่วูจินกำลังคิดถึงนักแสดงสมทบที่ยัดบุหรี่เข้าไปในลำคออีกฝ่าย ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็กำลังมองวูจินด้วยความตกตะลึง
'ผู้ชายคนนี้ เขาบ้าไปแล้วจริงๆ'
คนผู้นี้คืออิมซังโฮ ตากล้องหลัก คนที่สังเกตการแสดงของวูจินตั้งแต่ต้นจนจบในระยะใกล้ที่สุด ตั้งแต่วินาทีที่วูจินก้าวออกจากรถในฐานะ 'อีซังมัน' อิมซังโฮก็รู้สึกแปลกๆ มาโดยตลอด
'การแสดงของเขาสมบทบาทมาก แต่ทำไม…เขาถึงแสดงได้โดยไม่ต้องเตรียมตัวเลย ทั้งยังทำมันให้เสร็จในครั้งเดียวจนจบอีก?'
คังวูจินแสดงได้อย่างราบรื่นจนไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกของเขาในการถ่ายทำในฉากที่กว้างใหญ่เช่นนี้กับทีมงานและนักแสดง แต่เขากลับไม่รู้สึกหวั่นไหวเลย ความสามารถในการปรับตัวของเขาราวกับว่าเขาเคยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด
'เขารู้สึกกดดันไหม? ในฐานะมือใหม่มันเป็นยังไง? เขาต้องมารับบทบาทต่อจากคนอื่น จนบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายต่างก็คอยมาดูด้วยความกังวลไม่ใช่เหรอ?’
มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ...? ในอดีตของอิมซังโฮ เขาไม่เคยเจอนักแสดงแบบนี้เลย
อิมซังโฮ เป็นช่างภาพที่มีประสบการณ์ 20 ปี
สำหรับอิมซังโฮ คังวูจินดูเหมือนคนละโลก ทำไมถึงนิ่งได้ขนาดนี้? มีสายตาหลายร้อยคู่กำลังจับจ้องเขาและวิพากษ์วิจารณ์ แต่วูจินกลับไม่สะทกสะท้านเลย เขาถ่ายทอดการแสดงที่เข้มข้นของเขาโดยไม่มีความประหม่าแม้แต่น้อย
‘ไม่สิ เขาดูผ่อนคลายเกินไปด้วยซ้ำ’
ทันใดนั้น วูจินที่ดูไม่สะทกสะท้านก็ตัวสั่นเล็กน้อยขณะมองขึ้นไปบนบันได เขาถูแขนของเขาอย่างเงียบๆ ไม่นานหลังจากนั้น อิมซังโฮก็หรี่ตาลง
‘หรือว่า… เขากำลังดึงอารมณ์สำหรับฉากฉีดยาฉากต่อไปงั้นเหรอ? ไม่ใช่แล้ว เขาอินไป มันเหมือนเขากำลังเห็นภาพมันอยู่เลย’
คังวูจินบ่นพึมพำขณะที่แอบมองขึ้นไปบนบันได
‘บ้าเอ๊ย พวกเขาเปิดพัดลมข้างบนด้วยหรือเปล่าเนี่ย? หนาวจนแข็งไปหมด ฉันคงจะเป็นหวัดแน่เลย ต้องรอนานแค่ไหนกัน?’
แล้วในตอนนั้นเอง
“………คัท!!”
ในที่สุดก็มีเสียงตะโกนมาจากข้างนอกอาคารผ่านโทรโข่ง มันเป็นสัญญาณของผู้กำกับคิมโดฮี ต้องขอบคุณสิ่งนั้นเลย วูจินจึงหันกลับมาอย่างใจเย็น และสายตาของเขาก็สบตากับตากล้อง อิมซังโฮเป็นคนพูดออกมาก่อน
“กำลังจับอารมณ์และโทนสำหรับฉากต่อไปอยู่หรือเปล่า?”
วูจินที่ดูเคร่งขรึมได้แต่คิดในใจ
‘ตาแก่ตาตี่คนนี้พูดเรื่องอะไรของเขากันเนี่ย?’
มันเป็นวิธีส่งสัญญาณพูดคุยกันแบบมืออาชีพหรือเปล่า? วูจินคิดและก็ตัดสินใจตามน้ำไป
“ครับ แค่คร่าวๆ”
“ฮ่าฮ่า ไม่แปลกใจเลยที่ทีมงานจากนิติจิตวิทยาเสเพลจะชมคุณมาก ผมค่อนข้างสนิทกับผู้กำกับฝ่ายศิลป์จากนิติจิตวิทยาเสเพลเลยนะ ผมเลยถามเกี่ยวกับคุณมาด้วย เขาบอกว่าตอนถ่ายทำกับคุณ ทุกคนต่างจับจ้องไปที่คุณ เหมือนกับว่าตัวละครได้กระโดดออกมาจากบทสู่ความเป็นจริงยังไงยังงั้น”
“จริงเหรอครับ?”
“ฉันคิดว่ามันเป็นการพูดเกินจริง แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เลยสินะ”
ตากล้องหยุดพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“คุณวูจิน ต่อให้พวกเขาจะพูดเวอร์มากกว่านี้อีกสิบเท่า มันก็ยังจริงเลย”
วูจินไม่รู้จะตอบสนองอย่างไรเมื่อได้รับคำชมอย่างกะทันหันเช่นนี้ ในขณะนั้น ผู้กำกับคิมโดฮีที่ผมบางได้รีบวิ่งเข้าไปในอาคาร
“คุณวูจิน!”
เธอคว้ามือของวูจิน พร้อมกับนำผู้ช่วยผู้กำกับและทีมงานสองสามคน วูจินรู้สึกประหลาดใจมาก พยายามรักษาความสงบเอาไว้ เพราะตัวเขาต้องรักษาอุปนิสัยของ ‘คังวูจิน’ ผู้แสนเย็นชา
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”
“เหี้ย… เอ่อ คือว่า ขอโทษที ฉันตื่นเต้นจนเกือบสบถ โอ้พระเจ้า คุณวูจิน คุณสุดยอดมาก! ถึงฉันจะเห็นแล้ว แต่ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลย?! ทำได้ยังไง? คุณแทบจะไม่ได้ดูบทละครเลยนะ”
ฉันทำอะไร? ฉันก็แค่ปล่อยไปตามอารมณ์ แต่เขาพูดแบบนั้นออกไปไม่ได้ ดังนั้นวูจินจึงตอบด้วยความอวดดีพอประมาณ
“ผมก็แค่ทำตามบทครับ”
“ฮ่าฮ่า แต่มันเหลือเชื่อมากเลยนะที่คุณทำตามมันได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างนี้”
ผู้กำกับคิมโดฮีดีใจมาก เธอหลงลืมไปแล้วว่านักแสดงโอจุนอูได้ถูกแทนที่โดยเขาเพราะเรื่องอุบัติเหตุ
‘นี่เป็นโชคจากสวรรค์โดยแท้ เป็นครั้งแรกในอาชีพผู้กำกับของฉันเลยที่ฉันรู้สึกประทับใจกับการแสดงของนักแสดง’
เธอเห็น ‘คิมรยูจิน’ และ ‘รองหัวหน้าพัค’ นับครั้งไม่ถ้วนระหว่างคัดตัวเขาเป็นนักแสดง แต่ ‘อีซังมัน’ ที่วูจินแสดงกลับไม่มีเค้าโครงของพวกเขาหลงเหลือเลย
มันเหมือน ‘อีซังมัน’ ที่ผู้กำกับคิมโดฮีจินตนาการไว้กำลังอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
มันไม่ใช่สิ่งที่ธรรมดาหรือเคยเห็นมาก่อน มันเป็นภาพของอีซังมันที่สดใหม่แต่คุ้นเคย เมื่อมองไปที่คังวูจินที่สงบนิ่ง ผู้กำกับคิมโดฮีก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก ทว่า อารมณ์นั้นมันกำลังเกิดจากความเข้าใจผิดอยู่
‘อัจฉริยะที่ขยันงั้นเหรอ? ถึงมันจะลำบาก แต่เขากลับวิเคราะห์บทและตัวละครอีซังมันของฉันอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่เช่นนั้นก็แทบไม่มีทางเลยที่เขาจะเล่นได้ในระดับนี้’
เธอรู้สึกว่าวิธีเดียวที่จะตอบแทนเขาได้ คือการให้โอกาสเขาอีกครั้ง
“คุณวูจิน มาถ่ายฉากเดิมกันอีกครั้ง เอาแบบตามสตอรี่บอร์ด คราวนี้เราจะหรี่ไฟลงหน่อยแล้วเน้นมุมกล้องด้านหน้ามากขึ้น”
“เข้าใจแล้วครับ”
สัตว์ประหลาดที่สงบนิ่งตรงหน้านี้ได้วาดฉากที่ ‘สมบูรณ์แบบ’ ออกมา ดังนั้นเธอจึงตั้งใจที่จะจับภาพตัวละคร ‘อีซังมัน’ ให้สมจริงยิ่งขึ้น ผู้กำกับคิมโดฮีวิ่งออกไปข้างนอก ตะโกนไปทางรถน้ำ
“ทำให้ฝนตกหนักกว่านี้!”
พร้อมๆ กันนั้น ตากล้องก็ตบไหล่คังวูจิน พร้อมให้สัญญาว่า
“ถ้าภาพออกมาไม่สมบูรณ์แบบ นั่นเป็นความผิดของผมเอง เชื่อมือผมได้เลย ผมจะถ่ายภาพที่ดีที่สุดออกมาให้เอง”
ขวัญกำลังใจของทีมงานดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเอง
“ครับ”
ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธสักหน่อย อืม ว่าแต่ถ้าแรงใจเพิ่มขึ้นกันขนาดนี้ เราจะเลิกงานดึกไหมนะ? คังวูจินรู้สึกถึงอารมณ์แปลกๆ ขณะก้าวออกไปนอกอาคาร นักแสดงสมทบและทีมงานต่างเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำใหม่อย่างเต็มที่
ในหมู่พวกเขา นักแสดงสมทบและนักแสดงประกอบพึมพำเมื่อเห็นวูจิน
“การแสดงของเขามันเหลือเชื่อมาก”
“ฉันเห็นเขาใกล้ๆ สายตาของเขาโคตรจะ… ว้าว บอกตรงๆ โอจุนอูทำไม่ได้แบบนั้นแน่ๆ”
“ชู่ว ทีมงานได้ยินนะ สมแล้วที่คังวูจินไม่ได้ดังแบบไม่มีเหตุผล การแสดงของเขาสุดยอดมาก”
ไม่ว่าจะมีเสียงกระซิบมากขนาดไหน คังวูจินก็เข้าหานักแสดงประกอบคนหนึ่งที่เพิ่งจะ ‘ถูกทุบตี’ ในฉากก่อนหน้านี้
“ขอโทษนะครับ-”
นักแสดงประกอบร่างกายเปียกโชก มีรอยบาดเจ็บที่ใบหน้าชัดเจน เขาสะดุ้งทันทีเมื่อเห็นวูจิน
“ครับ?!”
“คุณเป็นอะไรไหมครับ?”
“หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“ผมสงสัยว่าคอของคุณโอเคไหม คือว่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
“อ่า… ไม่ครับ! ผมสบายดี!”
“ผมขอโทษนะครับ พอดีผมอยากรีบพยายามแสดงให้เร็วที่สุดโดยไม่มี NG น่ะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ! ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย”
“ครับ คือผมรู้สึกเป็นห่วงน่ะครับ”
คังวูจินพึมพำเบา ๆ ทักทายนักแสดงประกอบสั้น ๆ จากนั้นเดินไปที่รถที่จอดอยู่ นักแสดงประกอบที่มองดูร่างของวูจินที่กำลังถอยกลับไปก็กล่าวกับตัวเองว่า
"ถึงฉันจะคิดว่าเขาดูเย็นชาสักหน่อย แต่ทำไมเขาถึงดูใจดีและเท่ขนาดนี้กันนะ?"
พวกเขาเริ่มชื่นชมคังวูจินทีละคน
"เขาไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงที่เก่งกาจ แต่ยังเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย"
ไม่กี่นาทีต่อมา
การเตรียมการสำหรับการถ่ายทำฉากเดิมใหม่ได้เสร็จสมบูรณ์ การจัดฉากไม่ต่างจากเดิมนัก
"คุณคิดยังไง? เทคที่สองนี้จะแตกต่างออกไปหรือเปล่า?"
"ด้วยคุณภาพนั้น ถ้ามีอะไรใหม่เพิ่มเข้ามาได้อีก มันคงจะบ้ามากไปแล้ว"
"คุณคิดว่าฉากถัดไป เราจะถ่ายโดยไม่มี NG ได้หรือเปล่า?"
"ใครจะไปรู้เล่า"
ผู้ชมกว่า 60 คนยังคงอยู่ที่นั่น ไม่มีใครจากไป นักแสดงนั่งใกล้ฉากมากขึ้น ทีมงานรวมตัวกันรอบผู้กำกับคิมโดฮี ส่วนผู้บริหารฝ่ายผลิตและผู้จัดจำหน่ายก็ทำเช่นเดียวกัน ความเหนียวแน่นของประชาชีในขอบเขตวงกลมตรงโซนถ่ายทำนั้นเริ่มแน่นหนาขึ้น
ชเวซองกุนมองดูจากระยะไกลด้วยสีหน้าแปลก ๆ พลางหัวเราะคิกคัก
"นี่มันสวนสัตว์หรืออะไรกันเนี่ย?"
ฮันเยจองพร้อมกับสมุดประสานงานในมือได้พูดแทรกขึ้นมา
"เข้าใจได้นะคะ คุณวูจินดูไม่แม้แต่จะหวั่นไหวด้วยซ้ำ ต่อให้จะได้รับบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน มันก็ไม่ส่งผลอะไรกับเขาสักนิด ฉันเข้าใจเลยล่ะว่าทำไมนักแสดงมืออาชีพพวกนั้นถึงหลงใหลในตัวเขา"
ทว่า ตัวชเวซองกุนกลับกำลังกอดอกและมุ่งความสนใจไปที่อย่างอื่น
"ดูเหมือนทุกคนจะหลงใหลเรื่องนี้กันสินะ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากกว่าคือความสมบูรณ์แบบของตัวละคร 'อีซังมัน' ต่างหาก ทั้งที่เขาเข้ามาช่วงกลางเรื่อง แต่เขา... ทำให้มันสมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้ยังไงกัน?"
ระดับของความสมบูรณ์แบบระดับที่ไม่มีใครในกองถ่ายกล้าบ่นได้
"ยิ่งไปกว่านั้น วูจินตอนนี้ไม่ได้มีแค่บท 'พ่อค้ายาเสพติด' นะ"
"อ่า"
ชเวซองกุนนึกถึงคังวูจินหลังจากถ่ายทำ 'ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล' เสร็จสิ้น
"ตอนนี้เขากำลังศึกษาบทตัวละครจาก 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' อยู่แล้ว และยังมีโปรเจ็กต์ญี่ปุ่นล่าสุดด้วย รวมทั้งหมดเกือบห้าอันเลยนะ"
นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้จักนอกจากทีมของคังวูจิน
"ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ คนหลายสิบคนตรงนั้นคงตกใจมากแน่ๆ"
ผู้กำกับคิมโดฮียกโทรโข่งขึ้น
"รถน้ำ!! โอเค เริ่มถ่าย!! แอคชั่น!"
การถ่ายทำใหม่เริ่มขึ้น ในไม่ช้า คังวูจินก็ออกจากรถเก๋ง หรือพูดให้ถูกคือเป็นอีซังมัน อีซังมันคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าอีซังมันคนก่อนหน้านี้เลย
"เข้ามาใกล้ๆ สิโว้ย ฉันเปียกหมดแล้ว"
แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว มันดูชัดเจนและบาดลึกยิ่งขึ้น บรรยากาศที่นุ่มนวลแต่เข้มงวด การเคลื่อนไหวโดยละเอียดของการเกาที่แขน และสายตาอันคมกริบที่กล้องจับภาพได้
อีซังมันคนนี้ดูเหมือนตรงกับตัวบทมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
"พี่ครับ! ไว้ชีวิตผมด้วย! ผมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ! ได้โปรดเถอะครับพี่!"
การอ่านซ้ำและการถ่ายใหม่ได้ทำให้อีซังมันเหมือนมีชีวิตขึ้นมา ในไม่ช้า แม้ฝนจะตกหนัก ความร้อนแรงของโซนถ่ายทำก็ทวีความรุนแรงขึ้น
"พูดว่า 'อ้า'"
"...ครับ?"
"บอกว่าให้ 'อ้า' ปากของแก"
อีซังมันซึ่งกำลังหมอบอยู่ จับผมของลูกน้องผู้ซึ่งกำลังเปียกโชกจากสายฝน ในขณะนั้นเงอ เขาก็พยายามเอาบุหรี่เปียกใส่ปากชายคนนั้น
– ฟุ้บ
เนื่องจากผมของลูกน้องมันเปียกปอน มือของอีซังมันจึงลื่นในทันที คังวูจินก็รู้ตัวเลยว่าตนทำผิดพลาดครั้งใหญ่
'โอ้'
สาเหตุหนึ่งที่เป็นเช่นนี้เพราะผมของลูกน้องคนนี้มีผมที่สุด ส่วนฝนที่ตกหนักก็มีส่วนเช่นกัน ทำให้คังวูจินที่กำลังนั่งยองอยู่เสียการทรงตัว
-ตึก
เนื่องจากแรงที่ใช้ออกไป วูจินจึงเหมือนกำลังโอบกอดลูกน้องที่เปียกโชก มันดูเป็นธรรมชาติมาก ฉากนี้ไม่ได้อยู่ในบทาละคร ซึ่งมันไม่ใช่การกอดปลอบโยนลูกน้องแน่ ๆ
'หือ?'
คังวูจินที่ตอนนี้มีสภาพเหมือนกำลังอุ้มลูกน้องอยู่ ก็คิดในใจว่า
'โอ้- เชี่ยแล้วไง'
เขาหยุดครู่หนึ่ง ในเวลานั้น ผู้กำกับคิมโดฮีที่กำลังดูการแสดงอยู่ก็ถึงกับสะดุ้ง
"...เขากำลังกอดอยู่งั้นเหรอ?"
สีหน้าของนักแสดงหลักและนักแสดงสมทบต่างเคร่งขรึมเป็นเอกฉันท์
'นั่นเป็นการด้นสด¹หรือเปล่า? ทั้งที่เป็นฉากแรกของเขาเนี่ยนะ?’
'มันเป็นการด้นสดแน่นอน'
'เขาคิดว่าการด้นสดมันเหมาะกับฉากนี้งั้นเหรอ?'
และเวลานี้เอง
ที่ MV Films บริษัทภาพยนตร์รายใหญ่ บุคคลสองคนที่กำลังติดเชื้อความเข้าใจผิดอย่างลึกซึ้งกำลังนั่งเผชิญหน้ากัน ต่างคนต่างจับจ้องมองกัน
ผู้กำกับควอนกีแท็กยิ้มอย่างอบอุ่น และ
"ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณนะครับ ผมคาดหวังไว้สูงมากเลย"
นักแสดงอันดับต้นๆ รยูจองมิน ผู้ซึ่งมีผมดัดเป็นลอน
"ขอบคุณครับ คุณผู้กำกับ"
ในเวลานี้ รยูจองมินผู้มีผมดัดเป็นลอน ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะร่วมแสดงเรื่อง 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' ความมุ่งมั่นในดวงตาของเขาเป็นของจริง เมื่อเห็นรยูจองมินเป็นเช่นนี้ ผู้กำกับควอนกีแท็กก็ยิ้มเล็กน้อย
"จริงสิ เรายังไม่ได้ให้ข้อมูลนักแสดงทั้งหมดแก่นักแสดงทุกคนนะครับ แต่ผมบอกคุณไปแล้วว่าวูจินเป็นคนแรกที่เข้าร่วม"
รยูจองมินพยักหน้าอย่างใจเย็น
"ครับ คุณผู้กำกับ"
"คงจะอึดอัดนิดหน่อยไหมครับ? เพราะพวกคุณร่วมแสดงกันมาในนิติจิตวิทยาเสเพลแล้ว การทำโปรเจ็กต์ด้วยกันต่อเนื่องแบบนี้อาจดูน่าเบื่อไปหน่อย แม้ว่าบทจะสั้น ๆ แต่คุณโอเคกับเรื่องนี้จริง ๆ ใช่ไหมครับ? ผมหวังว่าคุณจะไม่ฝืนตัวเองนะ"
รยูจองมินถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบทันที
"ไม่ครับ พูดตามตรง ผมไม่โอเคเลย"
***