ตอนที่แล้วบทที่ 75: การขยายตัว (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 77: การขยายตัว (6)

บทที่ 76: การขยายตัว (5)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel  แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 76: การขยายตัว (5)

ซุนชอน กองถ่าย 'พ่อค้ายาเสพติด'

กองถ่ายขนาดใหญ่แห่งนี้ได้สะท้อนบรรยากาศของยุค 1990 ด้วยอาคารและบ้านเรือนในยุคนั้น ที่นี่กำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ 'พ่อค้ายาเสพติด'

"คัท! เมื่อกี้ไม่ได้ยินบทพูดเลยนะ ตั้งใจแล้วลองอีกครั้ง!"

ผู้กำกับคิมโดฮี ยังคงมีบรรยากาศตึงเครียดเช่นเคย มีกล้อง ไฟ อุปกรณ์เครื่องเสียง และอื่นๆ มากมาย ล้อมรอบด้วยทีมงานหลายสิบคนที่กำลังดูแลอุปกรณ์เหล่านี้

นักแสดงที่นี่ตอนนี้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายคนกำลังดู และฝ่ายคนที่กำลังแสดง

สิ่งที่น่าสนใจคือ

"คนกลุ่มนั้นที่อยู่ตรงนั้นคือใคร?"

"พวกเขาเป็นคนของบริษัทจัดจำหน่ายและผลิตครับ"

"อ๋อ-"

ดูเหมือนในกองถ่ายวันนี้จะมีคนจำนวนมากขึ้นผิดปกติ ส่วนสาเหตุที่พวกเขามาก็มีเหตุผลอยู่…

"พวกเขาคงมาที่นี่เพื่อดูคังวูจินมั้งครับ เพราะสถานการณ์ของเราก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไร"

"พวกเขากังวลงั้นเหรอ?"

"อาจจะเป็นอย่างนั้นครับ แต่อาจจะอยากเห็นว่าตอนนี้ดำเนินไปถึงขั้นไหนแล้วด้วยมั้งครับ?"

เป็นเรื่องปกติที่ทั้งบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายอยากจะเห็นคังวูจินด้วยตาตัวเอง ส่วนหนึ่งคงเพราะเรื่องความดังและฝีมือของเขาแหละนะ

ช่วงเวลานี้เอง

"ดี! คัท!"

ผู้กำกับคิมโดฮีอนุมัติฉากสุดท้าย จากนั้นเธอก็สั่งผู้ช่วยผู้กำกับ

"พัก 10 นาที"

"ครับ! เราจะแสดงกันต่อหลังจากพัก 10 นาที!"

เมื่อผู้ช่วยผู้กำกับตะโกน ทีมงานก็รีบย้ายไปที่โซนถ่ายทำ ในขณะเดียวกัน ผู้คนต่างก็มารวมตัวกันรอบๆ ผู้กำกับคิมโดฮี ซึ่งนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์สามจอ

พวกเขาเป็นสมาชิกของบริษัทผลิตและจัดจำหน่าย

"ผู้กำกับ คังวูจินจะมาถึงหรือยังครับ?"

เมื่อถูกถาม ผู้กำกับคิมโดฮีพยักหน้า

"เราได้รับแจ้งว่าเขาจะมาถึงภายใน 10 นาทีค่ะ"

ในไม่ช้า บางคนก็เริ่มแสดงความกังวลออกมา

"ตอนนี้ผมรู้สึกกลัวมากเลยนะครับ ทุกอย่างจะโอเคจริงๆ เหรอ?"

"มันค่อนข้างเสี่ยงมากเลยนะครับ ถึงคุณคังวูจินกำลังมาแรง แถมดึงดูดความสนใจของสาธารณชนก็เถอะ แต่เวลาเตรียมตัวมันสั้นเกินไป เขามีเวลาแค่ 3 สัปดาห์ที่จะศึกษาบทบาทของ 'อีซังมัน' มันจะพอกับเขางั้นเหรอครับ?"

คิมโดฮีปัดผมที่ยุ่งเหยิงไปด้านหลัง ได้แต่ถอนหายใจออกมา

"เราต้องไว้ใจคุณวูจินสิค่ะ เขาค่อนข้างมั่นใจมากเลยในระหว่างการประชุมของเรา ต่อให้ผลลัพธ์จะน่าผิดหวัง แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นความผิดของคุณวูจิน ถ้าคุณภาพการแสดงลดลงเพราะไม่มีเวลา เราควรตำหนิตัวเองสิค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เราไม่สามารถหานักแสดงคนไหนที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีเท่าวูจินแล้วนะคะ"

"ก็จริงครับ"

ความมืดมนปกคลุมใบหน้าของเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตและจัดจำหน่าย สำหรับพวกเขาแล้ว คังวูจินก็เหมือนเป็นเพียงแค่หน้าหใหม่ที่กำลังมาแรงเท่านั้นเอง

"โอ้ ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังคิดที่จะปรับบทบาทของ 'อีซังมัน' เล็กน้อย? งั้นเรายกเลิกตัวละครตัวนี้เลยจะดีกว่าไหมครับ?"

"...ถ้ามันท้าทายเกินไป ฉันอาจจะต้องพิจารณาตัดมันออกค่ะ"

"ผมรู้ว่าคุณคังวูจินมีความสามารถจากการได้ดู 'นิติจิตวิทยาเสเพล' แต่ไม่กี่สัปดาห์มันถือว่าสั้นเกินไปสำหรับบทบาทที่ท้าทายแบบนี้ ต่อให้เขาจะมีความสามารถมาก แต่เขาก็ยังเป็นมือใหม่ การกดดันเขามากเกินไปมันอาจทำให้เขาแย่ได้เลยนะครับ"

ดูเหมือนทุกคนจะคิดแบบเดียวกันหมด

"ผู้กำกับ แค่ทำให้แน่ใจก็พอว่าบทบาทของ 'อีซังมัน' จะไปได้อย่างราบรื่น"

พวกเขาดูเหมือนจะแนะนำว่าเธอไม่ควรเสี่ยงอีกต่อไป รีบจัดการปัญหาเสียแต่เนิ่น ๆ จะดีเสียกว่า ทว่าตัวผู้กำกับคิมโดฮี ผู้ซึ่งสนุกกับการท้าทายตัวเองย่อมไม่พอใจกับการถูกแนะนำแบบนี้

'ทำไมพวกเขาถึงจู้จี้กันนัก? ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไร ทำไมพวกเขาถึงเข้ามายุ่งกัน?'

ขณะที่เธอบ่นพึมพำอยู่ภายในใจ ผู้บริหารบริษัทจัดจำหน่ายก็เปลี่ยนหัวข้อ

"จะว่าไป ผมได้ยินมาจากฝั่งนิติจิตวิทยาเสเพลว่าคังวูจินมีประสบการณ์ระดับนานาชาติด้วยเหรอ?"

ผู้กำกับคิมโดฮี ซึ่งกำลังพลิกดูบทภาพยนตร์ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

"อ๋อ ก็เขามาจากญี่ปุ่นไงค่ะ"

"หือ? ไม่นะ ผมได้ยินจากคนรู้จักในกองถ่ายของนิติจิตวิทยาเสเพลว่าเขาอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่ใช่เหรอ?"

"...ภาษาอังกฤษเหรอคะ?"

"ใช่ ผมได้ยินมาว่าเขาพูดภาษาอังกฤษในระดับเจ้าของภาษาได้เลย คนต่างชาติบางคนถึงขั้นชมภาษาอังกฤษของเขาเลยด้วยซ้ำ"

เสียงกระซิบแพร่กระจายไปท่ามกลางทีมงานโดยรอบ ทันใดนั้นเอง ผู้กำกับฝ่ายแสงก็ได้พูดขึ้น

"อ่า ผมก็เคยได้ยินเหมือนกันนะครับ ผมสนิทกับผู้กำกับฝ่ายแสงของนิติจิตวิทยาเสเพล เขาเป็นคนต่างชาติและพูดเหมือนกับว่าคังวูจินอาจจะเคยอยู่ที่ฮอลลีวูดด้วยแหละครับ?"

"ดูเหมือนทุกคนจะอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องคังวูจินนะคะ?"

"มันก็ต้องงั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? คนฝ่ายผลิตก็เหมือนกันหมดทุกคนว่าไหม? ทุกคนต้องอยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว เพราะเราต่างเป็นห่วงหนังเรื่องนี้กัน"

"แต่ฮอลลีวูด...มันฟังดูเกินจริงไปหน่อยนะ"

นักแสดงก็เข้าร่วมด้วย

"ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นมือใหม่ แต่เขาไม่ได้แสดงเหมือนเป็นมือใหม่เลย บางทีเพราะเคยมีประสบการณ์ในต่างประเทศ มันจึงทำให้เขาดูแตกต่างจากนักแสดงหน้าใหม่คนอื่นหรือเปล่า?"

นักแสดงทั้งหลักและสมทบเข้าร่วมการสนทนา

"ผมได้ยินมาว่าคังวูจินบอกว่าเขาเรียนด้วยตัวเองแสดง ในช่วงระหว่างการอ่านบทนิติจิตวิทยาเสเพลด้วยแหละ"

"...มันไม่สมเหตุสมผลสักนิด"

"อะไรนะ? แปลกมากเกินไปแล้ว"

"พูดงั้นระหว่างอ่านบท? เป็นหน้าใหม่ที่แค่อวดดี หรือแค่อยากพูดข่มกันแน่?"

ในขณะนั้น

"ผู้กำกับ! คังวูจินมาถึงแล้ว!"

วิทยุสื่อสารของผู้กำกับคิมโดฮีดังก้องไปด้วยเสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่ เป็นสัญญาณว่าคังวูจิน หัวข้อข่าวลือประจำเมืองได้มาถึงแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น ผู้กำกับคิมโดฮีก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่นาทีต่อมา

คังวูจินมาถึงเขตถ่ายทำ สายตาของทีมงานที่เดินผ่านไปมาทำให้เขารู้สึกอึดอัดยิ่ง

‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขามองฉันแบบนี้ล่ะ?’

ยิ่งพวกเขามอง วูจินก็ยิ่งทำหน้านิ่งมากขึ้น จากนั้นเอง ผู้กำกับคิมโดฮีก็รีบวิ่งมาหาเขา

“คุณวูจิน!”

คังวูจินทักทายเธออย่างเย็นชา

“สวัสดีครับ ผู้กำกับ”

“โอ้ คุณมาเร็วนะเนี่ย? อืม รู้สึกแปลกๆ ดีนะคะที่ได้เห็นคุณในกองถ่าย”

“เหรอครับ?”

วูจินแอบเหลือบมองด้านหลังผู้กำกับคิมโดฮี และรู้สึกตกใจมาก

‘ว้าว มีคนเยอะมากขนาดนี้เลยเหรอ? อย่างกับมีกองทหารหลายกองรวมตัวกันเลย กำลังจะมีสงครามไหมเนี่ย?’

ฝูงชนมีจำนวนมหาศาลมาก น่าจะมีมากกว่า 60 คน ปัญหาคือ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ทีมงานที่อยู่ที่นี่ ในตอนนั้นเอง ชเวซองกุนที่ยืนอยู่ข้างหลังวูจินก็ดูเหมือนจะจำใครบางคนในหมู่ฝูงชนได้

“โอ้ พระเจ้า หัวหน้าลี? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ?”

“ฮ่าฮ่า จริงด้วยครับ ซีอีโอชเว”

คังวูจินที่นำโดยผู้กำกับคิมโดฮียืนอยู่หน้ากลุ่มนักแสดงหลัก การแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการไว้ทีหลัง แต่ก่อนอื่น เขาต้องจำหน้าตาของพวกเขาให้ได้เสียก่อน

“อย่างที่ทุกคนรู้ นี่คือนักแสดงคังวูจินค่ะ”

“สวัสดีครับ”

เขากล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ นักแสดงต่างส่งยิ้มและคำทักทายให้กับวูจิน ผู้กำกับคิมโดฮีก็ยื่นกระดาษให้เขาสองสามแผ่น

“คุณวูจิน นี่คือสคริปต์ มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในส่วนของ ‘อีซังมัน’ เพื่อเน้นบทตัวละคร ‘อีซังมัน’ มันอาจจะดูฉับพลันไปหน่อย แต่คุณสามารถใช้บทเดิมได้นะถ้าต้องการ”

การเปลี่ยนแปลงอะไรแบบนี้ มักเป็นเรื่องปกติในกองถ่ายภาพยนตร์

บทอาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ ทุกอย่างล้วนเกิดจากการตัดสินใจของผู้กำกับ การเปลี่ยนแปลงบทสนทนา บทตัวละคร หรือกระทั่งอารมณ์ของตัวละคร ซึ่งสำหรับคนอื่นๆ วูจินยังคงเป็นมือใหม่ เขาคิดว่าเขาเตรียมตัวมาดีแล้ว แต่สามสัปดาห์นั้นเป็นเวลาที่กระชั้นกระชิดมาก คนอื่นเลยคิดว่าเขาไม่ไหว

ดังนั้นแล้ว ตัวผู้กำกับคิมโดฮีจึงค่อนข้างลังเล

“มันมากเกินไปหรือเปล่าคะ? ยังไงก็ใช้เวลาอ่านได้เลยนะคะ ไม่ต้องกดดันไป”

มันคงจะดีมากถ้าตัวละคร ‘อีซังมัน’ เป็นไปตามบทเดิม แต่การกดดันคังวูจินผู้เป็นเพียงหน้าใหม่มากเกินไป มันก็รังแต่ส่งผลเสีย

ทว่า วูจินกลับตอบกลับว่า

“ครับ ผมจะลองดู”

เขาดูไม่กังวลเลย ทำไมล่ะ?

‘ในเมื่อฉันมีมิติว่างเปล่าอยู่ ต่อให้มีปัญหาอะไรก็ไม่กลัวหรอก’

เขาเห็นสี่เหลี่ยมสีดำบนหน้าตัวบทละคร ขณะที่นึกถึงประสบการณ์การอ่านครั้งแรกของเขา วูจินก็แอบจิ้มมันด้วยนิ้วชี้

เขาชะงักไปครู่หนึ่ง

มันเป็นช่วงเวลาชั่วครู่ สำหรับคนอื่นๆ นั่นเป็นเพียงไม่กี่วินาที แต่วูจินรู้สึกเหมือนเขาใช้เวลาหลายนาทีในช่วงเวลานั้น

‘มาโชว์พลังสักหน่อยแล้วกัน เผื่อว่ามันอาจจะทำให้วันทำงานของฉันสั้นลงได้’

วูจินจดจ่อกับบทพูด กระซิบกับผู้กำกับคิมโดฮี

“ให้เวลาผม 5 นาทีครับ”

“…อะไรนะ? 5 นาที? จริงเหรอคะ?”

“ครับ ขอแค่ 5 นาที”

“…?”

ดวงตาของผู้กำกับคิมโดฮีได้เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม และนักแสดงรอบข้างก็กระซิบกันเอง

‘เขาเป็นอะไรเนี่ย? อวดดีเกินไปแล้ว’

มันเป็นการกระทำที่ดูไร้สาระมาก

‘5 นาที? เขาพูดเรื่องอะไร? จะอวดดีมันก็มีขีดจำกัดนะ’

‘แค่ดูก็รู้ว่าเขาเป็นมือใหม่ที่พยายามทำคะแนนกับผู้กำกับ มันจะไปเชี่ยวชาญบทในเวลาเพียง 5 นาทีได้ยังไง? ผู้กำกับคิมคงเจอตัวปัญหาเข้าแล้วสิ’

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นคือ...

“ครับ ผมพร้อมแล้ว”

คังวูจินใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที แต่เพียง 3 นาทีเท่านั้น

“ผมเตรียมพร้อมแล้วครับ”

ไม่นานหลังจากนั้น ก็ผ่านไปเป็นเวลา 7 โมงเย็น

พระอาทิตย์ตกดิน ความมืดค่อยๆ ปกคลุมไปทั่ว บรรดาไฟถนนเริ่มส่องสว่าง รถซีดานสีดำสี่คันจอดอยู่หน้าอาคาร

กล้องและไฟถูกติดตั้งไว้รอบ ๆ บริเวณ โดยมีทีมงานหลายสิบคนล้อมรอบบริเวณที่ถ่ายทำ

ในขณะนั้นเอง

“รถน้ำ!”

ผู้กำกับคิมโดฮีตะโกนใส่เครื่องวอล์คกี้ของเธอ ทันทีที่เธอสั่ง ฝนก็เริ่มเทลงมาในกองถ่าย พร้อมๆ กันนั้น กลุ่มคนจำนวนมากมายพร้อมร่มสีดำก็เข้ามาในฉาก ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสูท

“หรี่ไฟ!”

“ใช้ได้แล้ว!”

“อีกๆๆ หยุด! ต่อได้เลย!”

ขณะที่ผู้กำกับคิมโดฮีตะโกน ทีมงานชายคนหนึ่งก็ตบสเลทที่หน้ากล้อง จากนั้นผู้กำกับคิมโดฮีก็ส่งสัญญาณด้วยเครื่องวอล์คกี้ของเธอ

“กล้องเดิน! แอ็คชั่น!”

ไม่นาน ประตูฝั่งคนขับของรถซีดานที่จอดอยู่ท้ายสุดของรถสี่คันก็เปิดออกอย่างกะทันหัน ตามคาด ชายชุดสูทถือร่มก้าวออกไป และเขาก็รีบไปเปิดประตูหลังรถ

– ฟู่ว

คังวูจินคาบบุหรี่อยู่ในปาก ก้าวออกจากเบาะหลัง มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋า แม้ว่าเขาจะสวมสูท แต่เขาไม่ได้ผูกเน็คไท และกระดุมด้านบนใกล้คอของเขาถูกปลดออก เห็นรอยสักสีเข้มแวบหนึ่งบนหน้าอกที่เปิดออกของเขา

“ฮู-”

เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นทางยาว เมื่อสังเกตใกล้ๆ จะเห็นรอยแผลเป็นบนแก้มซ้ายของเขา ซึ่งเป็นรอยมีด ผิวของเขาดูหยาบกร้านราวกับว่าถ้าสัมผัสจะรู้สึกสาก ทว่า ผมที่เสยไปด้านหลังของเขากลับดูเรียบร้อยดีมาก ดวงตาของเขาดูเหมือนจะตกเล็กน้อย แต่รูม่านตากลับแฝงแววดุดัน

“……”

บรรยากาศรอบตัวเขานั้นดูอ่อนโยน แต่ก็มีความรุนแรงที่สัมผัสได้ในทันที มันเป็นบรรยากาศที่บอกเป็นนัยว่าคำพูดเพียงคำเดียวของเขา อาจทำให้ใครสักคนตายได้เลย

ใช่ ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่คังวูจิน เขาคือ ‘อีซังมัน’

ไม่นานหลังจากนั้น ซังมันก็เกาแขนขวาของเขาเบาๆ และตบไหล่ลูกน้องของเขาที่ถือร่มให้เขา ใบหน้าของเขาดูไม่ได้มีอารมณ์อะไรนัก ทางลูกน้องคิดว่าตนได้รับคำชมเชย อีกฝ่ายจึงก้มหัวลง

“ขอบคุณครับ”

อาจเป็นเพราะควันเข้าตา แต่ซังมันก็หรี่ตาลงและกระชากผมลูกน้องของเขาอย่างแรง

“เข้ามาใกล้ๆ สิโว้ย ฉันเปียกอยู่”

“เอ่อ..ผมขอโทษครับ!”

“หรือว่านั่นคือสิ่งที่แกต้องการเหรอ?”

“ไม่ ไม่เลยครับ พี่!!”

เสียงของอีซังมันต่ำและแหบพร่า ราวกับมีเสมหะจำนวนมาก แต่ทุกคำพูดคล้ายกับเป็นคำเตือน อีซังมันจ้องไปที่ลูกน้องของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังรู้สึกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ

เหมือนกำลังหวาดกลัวต่อขุมนรกที่ไม่รู้จัก

แม้แต่การหลับตาลงง่ายๆ ก็ไม่อาจทำได้อย่างง่ายดาย อีซังมันจ้องมองลูกน้องของเขาต่อไป ค่อยๆ ดึงบุหรี่ออกจากปาก กลุ่มควันยาวลอยออกมา กระจายอยู่ระหว่างแสงไฟสีส้มบนถนน

อีกแล้ว...ขณะที่เขาดูดบุหรี่สูดเข้าไปจนหมดปอด อีซังมันก็ยังดูไม่พอใจอย่างมาก ความชื้น อารมณ์ของเขา อาการคันที่แขนของเขา แม้แต่เสียงฝนกระทบร่ม

นั่นแหละคือ อีซังมัน

– ฟู่

ขณะที่ยังคาบบุหรี่อยู่ในปาก ซังมันก็เบนสายตาไปยังจุดที่ห่างไกลด้านหลังลูกน้องที่รวมตัวกัน เขาจ้องมองไปที่แนวไฟถนน แสงสีส้มที่เว้นระยะใกล้กัน ทำไมเขาถึงมองดูไฟถนน? เป็นเพราะพวกมันดูดีงั้นเหรอ? ไม่ใช่หรอก

"พวกมันกำลังเต้นรำอยู่"

ในสายตาของอีซังมัน แสงสีส้มกำลังแกว่งไปมาเบาๆ เพียงแต่ในสายตาของเขา อาจเพราะผลข้างเคียงจากการเสพติด ต้องขอบคุณสิ่งนี้แหละนะ อีซังมันยิ้มเยาะสั้น ๆ เวร นั่นอะไรนะ? สักพักก็ดูเหมือนม้าหมุน ร่องรอยความขบขันเล็กน้อยบนใบหน้าของอีซังมันค่อยๆ เลือนหายไป

"ฟู่-"

อีซังมันเป่าควันบุหรี่ออกมาด้วยสีหน้าเฉยเมย บดบังทัศนียภาพของไฟถนนจนสิ้น ทว่า ตัวควันก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ไฟสีส้มที่น่ารังเกียจจึงปรากฏแก่สายตาของอีซังมันอีกครั้ง

เขาเริ่มรู้สึกระคายเคืองมากขึ้น อาการคันที่แขนของเขารุนแรงขึ้น

ในขณะนั้นเอง เสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น

"พี่ครับ! ไว้ชีวิตผมด้วย! ผมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ! ได้โปรดเถอะครับ พี่!"

ที่ทางเข้าอาคาร มีผู้ชายคนหนึ่งคุกเข่า ใบหน้าของเขาถูกทุบตีอย่างรุนแรง อีซังมันค่อยๆ ก้มมองลงไปที่เขา ชายคนนั้นยังคงตะโกน แต่อีซังคล้ายไม่ได้ยินเสียงเขาเลย

– ติ๋งๆๆๆ!

– ติ๋งๆๆๆ!

เสียงฝนที่ตกหนักกลบเสียงร้องของชายคนนั้น

“……”

อีซังมันก็แค่มองอีกฝ่าย ความรู้สึกทุกอย่างล้วนหายไปจากสายตาของเขาโดยสิ้นเชิง ใช่แล้ว มันเหมือนสายตาที่กำลังมองแมลงตัวเล็ก ๆ ไร้ค่า ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรต้องสนใจ

คำตอบนั้นชัดเจนจากสายตา บดขยี้มันซะ

-ฟิ้ว

อีซังมัน ผู้ซึ่งกำลังมองดูชายคนนั้นอยู่ เขาก็ได้ยื่นมือออกไปนอกร่ม ฝนที่ตกกระหน่ำกระทบมือเขาอย่างไม่ปราณี ทั้งเย็นและเฉียบคม คล้ายกับบรรยากาศของอีซังมันเอง

ในขณะนั้น อีซังมันได้พึมพำเบาๆ

"มันจะลุกเป็นไฟ"

ลูกน้องที่ถือร่มถามด้วยความงุนงง

"ครับ?"

"ทะเล มันจะลุกเป็นไฟ"

"อ่า"

จากนั้น อีซังมันก้าวเข้าไปใกล้ชายคนนั้นซึ่งยามนี้มีใบหน้าเปื้อนเลือด ย่อตัวลงเพื่อให้สบตากัน เป็นอีกครั้งที่เขาเกาแขนและพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าชายคนนั้นยาวๆ

"ทำไมแกผอมจัง"

"พี่ครับ! ผมทำพลาดจริงๆ! แค่ครั้งเดียว! ได้โปรดให้อภัยผมสักครั้ง!"

"ฉันบอกว่าแกผอม"

“……”

อีซังมันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นจงหยิบบุหรี่ออกจากปากแล้วเอาเข้ามาใกล้จมูกชายคนนั้น หรือหากให้แม่นยำกว่านั้น เขาเอาบุหรี่วางไว้ตรงที่เม็ดฝนไหลออกจากจมูกของชายคนนั้น บุหรี่ส่งเสียงดังฉ่าทันที

"อ้าปาก"

อีซังมันถือบุหรี่ที่เปียกโชกไว้ข้างหน้าชายคนนั้น ชายคนนั้นได้แต่ร้องออกมาด้วยความตกใจและสีหน้าฉงน

"......ครับ??"

"อ้าปาก ให้กว้างกว่านี้"

“!!”

"เปิดมัน"

ในไม่ช้า ปากของชายผู้เปื้อนเลือดก็อ้าออก และอีซังมันจึงยัดบุหรี่ที่เขาถือไว้เข้าไปในลำคอของชายคนนั้น มันไร้ความปราณี เขายัดมันแรงมากพอจนมันอาจไปถึงอวัยวะภายในของชายคนนั้นได้เลย

"แค่ก! แค่ก!"

"กินลงไปแล้วพองแก้มหน่อย"

"แค่ก! แค่ก!"

"ตอนนี้แกยังดูผอมเกินไป"

อีซังมันพูดด้วยเสียงแหบพร่า แล้วจึงค่อยๆ หันไปหาลูกน้องของเขา ทุกการเคลื่อนไหวที่เขาทำตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนนิ่งเป็นอย่างมาก

"ทิ้งมันลงน้ำ"

ลูกน้องเข้าใจคำสั่งของเขาในทันที พวกเขาต้องโยนชายคนนั้นลงทะเล ทำให้ร่างกายของมันบวมด้วยน้ำ ในไม่ช้า ชายคนนั้นก็ถูกลากไปโดยลูกน้องสองสามคน เขาได้แต่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่มันไม่ถึงหูของอีซังมันเลย

อีซังมันจ้องไปข้างหน้าตรงๆ ที่ซึ่งอุปสรรคทุกอย่างเลือนหายไปแล้ว

เขาเห็นบันไดที่นำไปสู่อาคาร พวกมันมืดมนและมืดมิด และด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกมันกลับดูเหมือนเส้นทางสู่การปลดปล่อยสำหรับอีซังมัน เขาเริ่มก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล

ในไม่ช้า รอยยิ้มอันละเอียดอ่อนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

“……”

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อย อารมณ์ของเขาสูงขึ้น สมองของเขากำลังกระตุ้นให้เขาทำอะไรบางอย่างโดยหุนหันพลันแล่น ต้อบรีบวิ่งไป เพราะมันอยู่ตรงหน้าเขา รอยยิ้มของอีซังมันคลับคล้ายไม่ใช่รอยยิ้มทั่วไป

มันเป็นรอยยิ้มแห่งความตาย

ความตายยังคงอยู่บนริมฝีปากของเขา

มันเป็นรอยยิ้มแห่งความตายที่สง่างามและแฝงด้วยอารมณ์หลายอย่าง ความตายที่แผ่ขยายไปทั่วใบหน้าของอีซังมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ยิ่งอารมณ์มันคุกรุ่นมากเท่าไร อีซังมันก็เข้าไปในอาคารมากเท่านั้น

ไม่นานนัก เขาก็เดินผ่านกล้องที่ติดตั้งไว้ใกล้บันได

กล้องยังคงโฟกัสไปข้างหน้า หลังจากผ่านกล้องไป อีซังมันก็หยุดกะทันหัน

ช่วงเวลาแห่งความเงียบได้ปรากฏ

มันเป็นเวลาที่ควรจะสั่งคัทได้แล้ว แต่กลับไม่ได้ยินเสียงใด ๆ อยู่เลย มีเพียงเสียงฝนที่ตกกระทบไปทั่วอาคาร

เหตุผลก็ง่ายมาก

"...... บ้าไปแล้ว"

ผู้กำกับคิมโดฮี ซึ่งกำลังตั้งใจดูจอมอนิเตอร์อยู่อย่างตั้งใจรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

'โอจุนวูยังเทียบไม่ติด...แทบไม่เห็นตัวละครคิมรยูจินและรองหัวหน้าพัคอยู่เลย เหมือนมีเพียงอีซังมันเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ วิธีที่เขาทำให้ตัวละครทุกตัวที่แสดงดูแตกต่างออกจากกันมันยังไงกันเนี่ย-'

แน่นอนว่าทุกคนรอบตัวเธอ ทีมงาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิต ทีมจัดแสง นักแสดง และทุกคน – รู้สึกเหมือนกัน พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่นักแสดงหน้าใหม่ภายในพื้นที่ถ่ายทำอย่างว่างเปล่า สายตาของพวกเขาทุกคนคล้ายกำลังจับจ้องสัตว์ประหลาด

เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรไป?

ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่ง ท่ามกลางฝูงชนหลายสิบคนที่ไม่เคลื่อนไหว นักแสดงสมทบคนหนึ่งยังคงจดจ่ออยู่กับคังวูจิน ลังเลและพูดว่า

"เขาเพิ่งเห็นบทเพียงครู่เดียวเองนะ... เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึง... ?"

แต่ไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา

“……”

“……”

จิตใจของทุกคนหยุดชะงักไปหลังจากได้เห็นสัตว์ประหลาดตัวจริงเสียงจริงเป็นครั้งแรก

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด