ตอนที่แล้วบทที่ 73: การขยายตัว (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 75: การขยายตัว (4)

บทที่ 74: การขยายตัว (3)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel  แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 74: การขยายตัว (3)

"ใช่แล้ว! ผู้กำกับชินดงชุน!"

ทันทีที่พูดจบ มุมปากของคิมโซฮยางก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

"ผลงานเปิดตัวของวูจินอย่าง 'สำนักงานนักสืบ' เขาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะผู้กำกับหน้าใหม่ เขาเคยมีผลงานการกำกับละครมากมายในอดีต ว่าแต่มีใครที่นี่เคยดู 'สำนักงานนักสืบ' ไหม?"

"ผมเคยดู ผมไป 'เทศกาลหนังมิสอองแซง' ด้วยความอยากรู้ จนได้เห็นเลยว่า 'สำนักงานนักสืบ' น่ะยอดเยี่ยมมาก เป็นหนังสั้นที่สนุกที่สุดเลย"

"สไตล์ของมันเป็นยังไง? คุณคิดว่าเขาสามารถพอจะกำกับได้อีกครั้งไหม?"

"ได้แน่นอนครับ คือตัวหนังมันให้ความรู้สึกเหมือนการผสมผสานระหว่างการตัดต่อภาพยนตร์และละครเข้าด้วยกัน การดำเนินเรื่องเร็วและช้าผสมกันไป เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก และเสียง เทคนิคด้านเสียงนี้ผสมผสานเข้ากันอย่างยอดเยี่ยมเลยครับ"

หัวหน้าทีมส่วนใหญ่ในห้องประชุมพยักหน้าเห็นด้วย

"เมื่อมีผู้กำกับชินดงชุนเข้าร่วม ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ เรามีเรื่องที่จะถ่ายแล้ว นี่เหมือนการกลับมาพบกันระหว่างผู้กำกับและนักแสดงเลยนะ"

"การกลับมาพบกันของนักแสดงและผู้กำกับที่ได้รับรางวัลจาก 'เทศกาลหนังมิสอองแซง' สินะครับ?"

ผู้กำกับชินดงชุนดูเหมือนจะเหมาะกับงานนี้ แต่ก็มีความกังวลอยู่บ้าง

"ถึงแม้ว่าเขาจะดูสมบูรณ์แบบสำหรับเรา แต่ผู้กำกับชินดงชุนจะรับงานนี้ไหม? ผมต้องตรวจสอบก่อน แต่จากที่ผมเดา เขาอาจจะยุ่งอยู่กับการประชุมตั้งแต่ได้รับรางวัล 'เทศกาลหนังมิสอองแซง' มันคงจะมีบทภาพยนตร์หลั่งไหลเข้ามาหาเขาแน่เลยว่าไหม?"

ผู้กำกับชินดงชุนจะรับหน้าที่นี้ไหม? แน่นอนว่าอาจเข้าร่วมเพราะมีนักแสดงคังวูจิน แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ พวกเขาจึงยังไม่แน่ใจว่าชินดงชุนจะมาเป็นผู้กำกับให้พวกเขาไหม

ทว่า ตัวคิมโซฮยางเชื่อว่ามีโอกาสสูง

"เราไม่ได้มอบหมายละครทั้งหมดให้เขาเสียหน่อย เพียงแค่ส่วน 'เพื่อนชาย' เท่านั้น ถ้าเขามีโครงการอื่นอยู่แล้ว เราก็แค่ปัดเขาออก แต่ถ้าหากเขายินดี ก็โอเคสำหรับเรา"

ไม่ว่าจะยังไง ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญในการดึงเขามาเข้าร่วม

"เทศกาลหนังมิสอองแซง' จบลงเมื่อไหร่เหรอ?"

"ต้นเดือนพฤษภาคม เดือนที่แล้วครับ"

"ดังนั้นหลังจากชนะ เขาคงจะยุ่งอยู่กับการสัมภาษณ์มาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และการประชุมกับบริษัทผลิตและภาพยนตร์อีกสองสัปดาห์ ช่วงเวลานี้ที่จะใช้ชวนก็ไม่ได้แย่นัก"

หลังจากนั้นไม่นาน คิมโซฮยางก็ออกคำสั่ง

"ค้นหาข้อมูลติดต่อของผู้กำกับชินดงชุนทันทีและติดต่อเขา อย่าลืมเน้นย้ำว่าทางเราพร้อมสนับสนุนโครงการนี้ด้วย และอย่าลืมพูดชื่อคังวูจินให้เนียน ๆ ด้วยนะ"

หัวหน้าทีมต่างลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อเริ่มทำงาน คิมโซฮยางพึมพำกับตัวเอง

"อืม แต่ฉันคิดว่าผู้กำกับชินดงชุนอาจจะเห็นข่าวเกี่ยวกับวูจินที่จะแสดงใน 'เพื่อนชาย' แล้วก็ได้นะ"

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในวันพฤหัสบดี สี่วันต่อมา ในที่สุดคังวูจินก็มีวันหยุด แต่เขาก็ต้องจัดตารางทุกอย่างใหม่เพราะเรื่องส่วนตัว

"อ่า ได้เวลาไปแล้วสินะ"

เขากำลังย้ายออก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มันเป็นวันที่คังวูจินออกจากอพาร์ตเมนต์สตูดิโอของเขา มันดูรู้สึกเร่งรีบไปหน่อย แต่เมื่อพิจารณาจากชื่อเสียงที่พุ่งสูงขึ้นของเขา มันก็จำเป็น แถมชเวซองกุนก็เอาแต่เร่งเร้าด้วย

ซึ่งก็เป็นอันเข้าใจได้

"ฉันคิดว่าอย่างน้อยฉันจะใช้ชีวิตช่วงอายุ 20 ของฉันที่นี่เสียอีก"

วูจินสวมเสื้อฮู้ดแบบสบายๆ มองไปรอบๆ ยังห้องที่คอยสนับสนุนเขามาตลอดหลายปีอย่างช้าๆ ตอนนี้มันว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามา เช่น ช่วงเวลาที่เขาหมดสติเพราะเมา หรือวันที่เขาเซ็นสัญญาเช่าครั้งแรก

"มันเป็นห้องเล็กๆ แต่กลับมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่"

คังวูจินมีสีหน้าขมขื่น แต่เขาก็ไม่สามารถอยู่ได้นานนัก

ถึงเวลาบอกลาแล้ว ขณะที่วูจินสวมรองเท้าอย่างรวดเร็ว เขาก็เคาะตู้รองเท้าเบาๆ

"งั้นฉันไปก่อนนะ-"

มันเป็นการกล่าวลาอพาร์ตเมนต์สตูดิโอที่เคยเป็นบ้านของเขา ในที่สุดคังวูจินพร้อมด้วยถ้วยรางวัล 'เทศกาลหนังมิสอองแซง' ในมือ ก็ปิดประตูอพาร์ตเมนต์สตูดิโอ รถบรรทุกขนของและรถตู้ของวูจินกำลังรออยู่ข้างนอก

-บรืน!

รถทั้งสองคันออกเดินทางทันทีที่วูจินขึ้นรถตู้ของเขา และประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็หยุดใกล้กับอาคาร bw Entertainment มันคือห้องแบบออฟฟิศเทลใกล้สถานีซัมซอง ขณะที่คังวูจินเข้าไปในที่พักใหม่ของเขา เขาก็ตกตะลึง

'ว้าว... ที่นี่น่าทึ่งมากเกินไปแล้ว'

ถ้าไม่มีคนอยู่รอบๆ เขาคงวิ่งไปมาพร้อมกับส่งเสียงตะโกน บ้านใหม่มันงดงามมาก ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่าอพาร์ตเมนต์สตูดิโออย่างน้อยสองเท่า สำหรับคนอื่นๆ มันอาจจะดูธรรมดา แต่ในสายตาของคังวูจิน มันก็ไม่ต่างอะไรจากวัง แม้แต่อุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น ทีวี และตู้เย็นก็มีอยู่แล้ว

ทุกอย่างเป็นการพิจารณาของ bw Entertainment

ทุกอย่างเกี่ยวกับคังวูจินเปลี่ยนไปหมด บ้านใหม่ ชีวิตใหม่ งานใหม่ คนรู้จักใหม่ในวงการบันเทิง และอีกมากมาย วูจินเริ่มรู้สึกเหมือนเป็นนักแสดงอย่างช้าๆ

ผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

เพื่อนๆ ที่เสียงดังของเขายังคงส่งข้อความในแชทกลุ่ม โดยถือว่าคังวูจินเป็นนักแสดงเต็มตัว

-วูจิน: ย้ายเสร็จแล้ว

-แดยอง: ยินดีด้วยครับ คุณนักแสดง เดี๋ยวฉันจะไปทำให้มันรกเร็วๆ นี้แหละ

-คยองซอง: ปาร์ตี้ขึ้นบ้านใหม่ ไปกันเถอะ ชวนฮงฮเยยอนมาด้วย

-ฮยองกู: ปาร์ตี้ขึ้นบ้านใหม่ ไปกันเถอะ ชวนฮงฮเยยอนมาด้วย x2

-วูจิน: หุบปาก ไอ้เวรพวกนี้

-คยองซอง: นายเคยเจอฮวาลินตัวจริงไหม คุณดาราคัง? เธอสวยมากเลยใช่ไหม?

-วูจิน: ใช่ ใช่ ใช่

-ฮยองกู: คุณดาราคัง เอา 'รองหัวหน้าพัค' กลับมาเถอะ รู้สึกแปลกๆ เหลือเกินที่ไม่มีนายอยู่ในนิติจิตวิทยาเสเพล

พ่อแม่ของวูจินก็เหมือนกัน

"เอ่อ... แม่ครับ"

"ว่าไง นักแสดงคังของแม่ กินข้าวเป็นยังไงบ้าง? จะให้แม่ส่งโจ๊กไปให้ไหม?"

"โจ๊กของแม่ อร่อยที่สุดเลย ต่อให้จะเย็นชืดก็ตาม"

"ไม่ใช่งั้น...เดี๋ยวแม่จะไปทำให้กินเอง"

"หา? ไม่เป็นไรครับ โจ๊ก ผมซื้อแถวนี้กินได้ อาหารการกินผมดีอยู่แล้ว"

"อืม พ่อกับแม่ดูรายการของลูกอยู่เลย นานๆ ทีลูกก็จะโผล่มาในฉากย้อนหลัง เพราะในเรื่องลูกตายแล้วไง"

"...แม่ครับ ผมยังมีชีวิตอยู่นะ"

"เอ่อ ก็... แหม แบบว่า ที่นี่ลูกดังมากในหมู่เพื่อนและแขกของแม่ นี่แม่เล่าให้ฟังหรือยัง?"

ภายในร้านโจ๊กแห่งหนึ่งในจินจู มีโปสเตอร์ขนาดใหญ่ของคังวูจินแปะอยู่บนผนังทั้งสองด้าน คงเป็นโปสเตอร์ที่พ่อแม่ของวูจินเลือกเอง

เมื่อมีลูกค้าถามถึงโปสเตอร์...

"นี่นักแสดงหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงใช่ไหม? คุณเป็นแฟนคลับงั้นเหรอครับ คุณเจ้าของร้าน?"

ซอฮยอนมีและคังอูชอลตอบพร้อมกันอย่างภาคภูมิใจ

"นี่ลูกชายฉันเอง"

"นี่ลูกชายของพวกเรา"

แปลกที่คังฮยอนอา น้องสาวจอมป่วนของคังวูจินกลับเงียบไป วูจินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป บางทีเธอกำลังยุ่งกับการเรียนกระมัง

หลังจากเข้าที่พักใหม่แล้ว วันรุ่งขึ้น วันศุกร์ที่ 5 วูจินก็ไปถ่ายโฆษณา

เป็นการถ่ายโฆษณา 'Mxdonald'

มันรวดเร็วมาก เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเซ็นสัญญา การถ่ายทำก็ถูกกำหนดไว้ 'Mxdonald' คงต้องการใช้ประโยชน์จากความนิยมของคังวูจินให้เร็วที่สุด

"สวัสดีครับ"

"อ๊ะ! ยินดีต้อนรับ! คุณคังวูจินมาแล้ว! คุณวูจิน รีบไปตรวจสอบคอนเซ็ปต์กับผู้กำกับก่อนเถอะค่ะ"

สตูดิโอโฆษณาแห่งนี้มันรู้สึกทั้งไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยสำหรับวูจิน ขนาดใหญ่เท่ากับหอประชุม บรรยากาศคล้ายกับกองถ่ายละคร แต่ฉากและอุปกรณ์ถ่ายทำแตกต่างกันเล็กน้อย

ที่สำคัญที่สุดคือ

'…นั่นแฮมเบอร์เกอร์หรือ? ต้องกินทั้งหมดนั่นเลยเหรอ?'

มีแฮมเบอร์เกอร์กองอยู่บนโต๊ะมุมหนึ่ง อย่างน้อย 30 ชิ้น ไหงจำนวนพวกมันถึงเยอะจนแทบเหมือนระเบิดแล้วเนี่ย? เมื่อมองแวบแรก มันดูเหมือนอาวุธที่พร้อมจะกระหน่ำใส่เขามาก ดังนั้นตัววูจินก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย มันเป็นการถ่ายทำโฆษณาครั้งแรกของเขา เขาจึงคิดว่าจะต้องกินทั้งหมดนั่นเลยเหรอ?

โชคดีที่...

"คุณแค่แสร้งกัดแฮมเบอร์เกอร์ก็พอ คุณจะกินมันก็ได้นะถ้าคุณต้องการ แต่ถ้ามันยากไป คุณก็สามารถคายมันออกมาได้ค่ะ"

เขาไม่ต้องกินแฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นปลอมสำหรับเอาไว้ใช้ในโฆษณาด้วย

'ของจริงดูต่างออกไปแฮะ ไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ! โอ้ เดี๋ยวนะ ฉันเป็นนายแบบนี่นา? ฉันชักสับสนอยู่เรื่อยเลย'

วูจินประหลาดใจกับหลายๆ อย่าง หลังจากประชุมวิธีถ่ายกับผู้กำกับและทีมงานของ 'MxDonald' คร่าวๆ เขาก็เปลี่ยนชุด แต่งหน้าและเครื่องแต่งกาย มุ่งหน้าไปยังโซนถ่ายทำ

เขาดูเหมือน 'รองหัวหน้าพัค' มาก

โซนถ่ายทำเป็นโซฟาสุดหรูที่ตั้งฉากกับฉากหลังของจอสีน้ำเงิน ฉากสีน้ำเงินเหล่านี้มีไว้สำหรับใช้เอฟเฟกต์พิเศษหลังการถ่ายทำ วูจินไม่รู้เรื่องนี้ เขาก็แค่ทำตามที่ผู้กำกับบอก ว่าแต่เขาต้องแสดงบรรยากาศ 'รองหัวหน้าพัค' ให้ถึงขีดสุดไหม?

เขาไม่รู้ แต่เขาตัดสินใจที่จะทุ่มสุดตัว

"พร้อม... แอ็คชั่น!"

คังวูจินกัดแฮมเบอร์เกอร์โดยอิงจากฉากใน 'นิติจิตวิทยาเสเพล' ที่รองหัวหน้าพัคกำลังกินแฮมเบอร์เกอร์ในห้องสอบสวน แม้ว่าจะเป็นโฆษณาชิ้นแรกของเขา แต่การแสดงของเขาก็ราบรื่นกว่าที่คาดไว้ แม้แต่ผู้กำกับและคนอื่นๆ ในกองถ่ายก็ยังชื่นชม

"ว้าว เป๊ะมาก! ว่าแล้วเชียว คอนเซ็ปต์รองหัวหน้าพัคเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเลย"

"แต่วูจิน คุณควบคุมอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ? ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเอง"

"รู้สึกเหมือนเราเจอนักแสดงหน้าใหม่ที่สุดยอดเข้าแล้วสิ ว่าไหม?"

อย่างไรก็ตาม การโฆษณาแตกต่างจากละครอย่างแน่นอน

"คัท! ดีมาก! คุณวูจิน คราวนี้ชี้แฮมเบอร์เกอร์ไปข้างหน้าหน่อยแล้วไปกันต่อ"

"ครับ"

"แอ็คชั่น!"

จะเรียกงานนี้ว่างานหนักกว่าวงการถ่ายทำภาพยนตร์ได้ไหม?

"เยี่ยม! คัท! คราวนี้ยิ้มให้ดูร้ายกาจกว่านี้หน่อยเป็นไง?"

"...ครับ"

ฉากเดียวกันถูกถ่ายทำมากกว่าสิบครั้ง ไม่ใช่เพราะวูจินทำอะไรผิด

"คัท! เยี่ยมมาก! ต่อไป ถือแฮมเบอร์เกอร์ด้วยสองมือ!"

พวกเขาแค่ต้องการเก็บภาพให้ได้หลายมุมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แอ็คชั่น คัท แอ็คชั่น คัท แอ็คชั่น คัท ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่าทาง การแสดงออก และบทพูดที่ร้องขอเปลี่ยนไปทุกครั้งที่บอกคัท

คังวูจินประเมินการโฆษณาต่ำไป เขาจึงเหนื่อยเร็วมาก

'โฆษณานี่มันบ้าไปแล้ว เรียกร้องเยอะมากเกินไปแล้ว ทั้งที่ถ่ายทำแค่ช็อตเดียวเท่านั้น ฉันเหนื่อยแล้วนะ'

มีแผ่นคิวในการโฆษณา แต่ไม่มีสคริปต์อย่างละเอียดเหมือนในละคร คังวูจินรู้สึกว่าละครหรือภาพยนตร์ที่มีบทนั้นดีกว่ามาก ซึ่งหลังจากถ่ายไปสองสามช็อต มันก็ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว

และอาหารที่เสิร์ฟให้คังวูจินก็คือ...

"วูจิน! นี่แหละคือผลิตภัณฑ์ใหม่ของ MxDonald ลองดูสิค่ะ!"

"...ขอบคุณครับ"

มันเป็นแฮมเบอร์เกอร์อีกชิ้น

'แหวะ'

ในขณะเดียวกัน

ในกรุงโซล ที่บริษัทภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ชายหน้าเหลี่ยมที่มีใบหน้าดูคุ้นเคยก็กำลังอยู่ในห้องประชุมกับคนอื่นๆ อีกหลายคน เขาคือผู้กำกับชินดงชุน ซึ่งดูสุขภาพดีกว่าแต่ก่อนและไม่มีร่องรอยของความโทรมก่อนหน้านี้เลย

เขาดูมีชีวิตชีวามาก

บรรยากาศที่เขาปล่อยออกมาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ตอนนี้คล้ายกับเขาเปล่งบรรยากาศของผู้กำกับออกมา และเขาก็มีเหตุผลทุกประการที่เป็นเช่นนี้ ทำไมจะไม่ล่ะ? เขาได้รับรางวัลผลงานยอดเยี่ยมจาก 'เทศกาลภาพยนตร์มิสอองแซง' เมื่อเดือนที่แล้ว ไม่ใช่แค่คังวูจินเท่านั้น แต่ยังมีหลายสิ่งเกิดขึ้นกับผู้กำกับชินดงชุนด้วย

『[คุยข่าวภาพยนตร์] ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง สำนักงานนักสืบ ผู้ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ชินดงชุน อัญมณีที่ค้นพบโดยเทศกาลหนังมิสอองแซงในชุงมูโร』

แม้จะไม่ระเบิดระเบ้อเท่าคังวูจิน แต่ผู้กำกับชินดงชุนก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นดาวรุ่งในวงการภาพยนตร์ เขาได้รับสามรางวัล รวมถึงแดซังใน 'เทศกาลภาพยนตร์ มิสอองแซง' ที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวด และ 'สำนักงานนักสืบ' เองก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างสูง

ยิ่งไปกว่านั้น

『ผลจากคังวูจิน? 'สำนักงานนักสืบ' เปิดตัวบนแพลตฟอร์มต่างๆ ความโด่งดังของมันได้พุ่งพรวดทันทีแม้จะเป็นหนังสั้น』

ผลงานของ 'สำนักงานนักสืบ' บนแพลตฟอร์มอื่นค่อนข้างน่าพอใจ ดังนั้นผู้กำกับชินดงชุนจึงถูกสัมภาษณ์จากสื่อภาพยนตร์ต่างๆ ปรากฏตัวบนช่อง YouTube ต่างๆ และได้รับสายจากบริษัทผลิตและภาพยนตร์

ปัจจุบัน เขาก็อยู่ที่บริษัทแห่งนี้

บริษัทภาพยนตร์รายใหญ่นี้กำลังเสนอความร่วมมือในอนาคตให้กับผู้กำกับชินดงชุน

"ผู้กำกับ คุณคิดยังไงครับ?"

มีคนประมาณห้าคนจากบริษัทภาพยนตร์ ในขณะที่ผู้กำกับชินดงชุนอยู่คนเดียว เขาดูไม่ได้รีบร้อนอะไรทั้งที่ผ่านการประชุมมามากมาย

"อืม-"

"เราเข้าใจความลังเลของคุณดี เราได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับข้อเสนอที่คุณได้รับจากคนอื่นๆ เราสัญญาว่าจะให้เงื่อนไขที่ดีที่สุดแก่คุณครับ"

"ครับ ผมจะพิจารณาดู"

"ฮ่าฮ่า เราอยากร่วมงานกับคุณจริงๆ นะครับ"

ชายหน้าตาใจดีคนหนึ่งจากบริษัทภาพยนตร์เปลี่ยนเรื่อง

"ก่อนอื่น เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ เรากำลังพิจารณาอยู่สองทางเลือก การรีเมค 'สำนักงานนักสืบ' ในเชิงพาณิชย์ หรือใช้หนึ่งในบทที่เรามีอยู่แล้วสำหรับความร่วมมือของเรา คุณคิดยังไงครับ คุณผู้กำกับ?"

ตัวเลือกใดตัวเลือกหนึ่งต่างก็น่าสนใจ การขยายโลกของ 'สำนักงานนักสืบ' ด้วยการรีเมคภาพยนตร์ขนาดใหญ่ หรือดำดิ่งสู่โครงการใหม่โดยใช้บทภาพยนตร์ที่บริษัทภาพยนตร์มีอยู่แล้ว

ในบรรดาทั้งสองข้อเสนอ…ผู้กำกับชินคิดว่า

'ฉันรู้สึกเหมือนถูกล่อลวงโดยการรีเมค 'สำนักงานนักสืบ' เลยแฮะ'

ถึงพอรีเมคแล้วมันอาจจะไม่เหมือนเดิม แต่เรื่องการสร้าง 'สำนักงานนักสืบ' ใหม่ก็น่าดึงดูดใจเข้ามากอยู่ดี เสียอย่างเดียว ภาพยนตร์ไม่ได้สร้างโดยผู้กำกับเพียงคนเดียว มันต้องใช้ทีมงานและนักแสดงหลายคน ซึ่งหมายความว่าเขาไม่สามารถตัดสินใจได้เพียงลำพังอีกแล้ว

'แต่บางที เราควรปล่อย 'สำนักงานนักสืบ' ไว้อย่างที่มันเป็น'

ความสำเร็จในปัจจุบันของ 'สำนักงานนักสืบ' เกิดขึ้นได้เพราะมันเป็นหนังสั้น

'มันประสบความสำเร็จเพราะการแสดงของวูจิน ความพยายามของทีมงาน และเพราะฮเยยอน ถ้าฉันเปลี่ยนแปลงมันไป มันอาจจะพังได้เลย'

การรีเมคไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่คุณต้องทำคือปรับบทและถ่ายทำ มันอาจจะสำเร็จได้ง่ายเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าไม่มีคังวูจิน 'สำนักงานนักสืบ' ก็จะไม่เหมือนเดิม อย่างน้อยนั่นแหละคือสิ่งที่ผู้กำกับชินดงชุนรู้สึก

'ที่ฉันตัดสินใจแบบนี้ อาจเพราะความหลงใหลและความผูกพันที่ได้เห็นวูจินทำให้ 'สำนักงานนักสืบ' เป็นอย่างที่เป็นอยู่แหะลนะ'

กล่าวอีกนัยหนึ่ง 'สำนักงานนักสืบ' ที่ไม่มีคังวูจินก็เหมือนซาลาเปาถั่วแดงที่ไม่มีไส้ถั่ว ดังนั้น ผู้กำกับชินดงชุนจึงมองไปที่พนักงานของบริษัทภาพยนตร์และส่ายหัว

"ผมไม่อยากแตะต้องเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' อีกครับ"

"น่าเสียดายจริงๆ แต่พูดตามตรงเลยนะครับ 'สำนักงานนักสืบ' มีโอกาสประสบความสำเร็จในด้านหนังทำเงินเลยนะ"

"มันไม่เกี่ยวกับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จหรอกครับ แต่ถ้ามีนักแสดงทั้งหมดที่เคยแสดง ผมอาจจะพิจารณา แต่ตอนนี้คงต้องขอปฏิเสธไปก่อน"

"ถ้าเป็นเรื่องของนักแสดง คุณหมายถึงคังวูจินและฮงฮเยยอนใช่ไหม? เมื่อเร็วๆ นี้วูจินได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คงเป็นเรื่องยากหากให้เขามาแสดง 'สำนักงานนักสืบ' อีกครั้ง"

"งั้นคุณส่งบทที่จะเสนอมาให้ผมได้เลยครับ ผมจะรับมันไปด้วย ไว้ผมอ่านแล้วจะติดต่อกลับไป"

ผู้บริหารบริษัทภาพยนตร์ยิ้มและส่งกระดาษสองปึกให้

"คุณคงมีกองบทภาพยนตร์ไว้เยอะแล้วใช่ไหม? ผมหวังว่าคุณจะอ่านของเราก่อนนะรับ ฮ่าฮ่า"

ผู้กำกับชินดงชุนรับบทไปด้วยใบหน้าที่จริงจัง พร้อมตอบกลับไปว่า

"ถ้าผมตัดสินใจกำกับ…หากไม่มีปัญหาอะไร มีนักแสดงคนหนึ่งที่ผมอยากพามาร่วมแสดงด้วย "

"อ่า คุณหมายถึงคังวูจินเหรอ?"

"ครับ ผมต้องการคังวูจินอย่างแน่นอน"

"แน่นอน ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะวูจินกำลังเป็นที่นิยมและเป็นนักแสดงที่ดีด้วย แต่ดูเหมือนคุณจะชอบเขามากเลยนะครับ"

“……”

ผู้กำกับชินดงชุนไม่ตอบ แต่คิดในใจว่า

'มันเป็นเพราะผมติดค้างเขาอยู่ต่างหาก'

เป็นวูจินที่พาเขามาถึงจุดที่เขาอยู่ตอนนี้ ช่วยเขาให้รอดพ้นจากความพินาศ แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด แต่สำหรับผู้กำกับชินดงชุน ไม่รู้ดูท่าจะสุขกว่านะ

หลังการประชุมจบลง ผู้กำกับชินดงชุนถือบทเข้าไปในลิฟต์

"เฮ้อ"

จากนั้นเขาก็ตรวจสอบโทรศัพท์ของเขา ซึ่งมันเป็นงานอดิเรกในช่วงนี้ เขาจะคอยดูความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นของวูจิน ที่จริงแทบไม่จำเป็นต้องค้นหาเลย เพราะมีบทความเกี่ยวกับเขาอยู่มากมายในหน้าแรกของวงการบันเทิง

"โอ้ วิดีโอSports Dayมียอดวิวเกิน 6 ล้านวิวแล้วเหรอ? ในเวลาเพียงสองวันเนี่ยนะ?"

ขณะที่เขาเดินไปที่รถที่จอดอยู่

-♬♪

เขาได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก อันที่จริงเรื่องยอดวิว หากพิจารณาจากความนิยมของวูจินเมื่อเร็วๆ นี้ มันก็ไม่น่าแปลกใจเลย

"สวัสดีครับ นี่ชินดงชุนพูดสายครับ"

เสียงผู้หญิงดังมาจากอีกฝั่ง

"สวัสดีค่ะ ผู้กำกับ ดิฉัน อีนัมฮี หัวหน้าทีมสร้างสรรค์ที่ Netflix ค่ะ"

"Netflix เหรอครับ?"

ทันใดนั้น ผู้กำกับชินดงชุนก็นึกถึงบทความล่าสุดเกี่ยวกับละครสั้นของคังวูจิน

"อ่า ครับ สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?"

"ดิฉันทราบว่าคุณยุ่ง แต่เราอยากถามว่าคุณยินดีที่จะกำกับโปรเจ็กต์ให้เราไหมคะ? ดิฉันไม่ทราบว่าคุณเคยเห็นข่าวหรือเปล่า แต่มันเป็นโปรเจ็กต์ละครสั้นค่ะ"

"เป็นเรื่อง 'เพื่อนชาย' หรือเปล่าครับ?"

"โอ้ คุณรู้จักมันเหรอคะ? ใช่ค่ะ ถูกต้อง อย่างที่คุณทราบ วูจินและฮวาลินจะเป็นนักแสดงนำด้วย ถ้าคุณสนใจ..."

"ตอนนี้ผมว่างครับ"

ผู้กำกับชินดงชุนตอบกลับทางโทรศัพท์ทันทีโดยไม่ลังเล พร้อมกับยิ้มออกมา

"แจ้งสถานที่ให้ผมทราบเลย แล้วผมจะตรงไปที่ Netflix ทันที"

เช้าตรู่ 6 วันต่อมา ที่อพาร์ตเมนต์ใหม่ของคังวูจิน

ถึงแม้ว่าเขาจะย้ายเสร็จแล้ว แต่วูจินก็ยังแกะกล่องไม่เสร็จ วูจินสวมเสื้อฮู้ด อยู่ในลานจอดรถใต้ดินพลางคิดในใจ

'ง่วงนอนชะมัด เหนื่อยจัง-'

เขารู้สึกเหนื่อยมากจากการตื่นแต่เช้า เมื่อขึ้นรถได้ เขาก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังมิติว่างเปล่าทันที ขณะที่เขามองไปรอบๆ บริเวณที่จอดรถ เขาก็สังเกตเห็นรถตู้สีดำเปิดไฟกระพริบกำลังรอรับเขาอยู่

สิ่งที่น่าสนใจคือ

"วูจิน"

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชเวซองกุนอยู่ข้างนอกรถ เขากำลังรอวูจินอยู่ วูจินเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายและโค้งคำนับเล็กน้อย

"สวัสดีครับ แต่ทำไมพี่ถึงอยู่ข้างนอก?"

แทนที่จะทักทาย ชเวซองกุนยื่นกระดาษหนึ่งปึกให้

"นี่ รับนี่ไป"

"นี่อะไรครับ?"

ขณะที่วูจินรับมัดกระดาษอย่างสงสัย ชเวซองกุนก็อธิบายที่มาของมัน

"มันเป็นบทภาพยนตร์อย่างเป็นทางการสำหรับผลงานชิ้นต่อไปของผู้กำกับเคียวทาโร่"

"โอ้"

ตอนนี้บทจากผู้กำกับชาวญี่ปุ่นชื่อดังกำลังอยู่ในมือของวูจิน

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด