บทที่ 150 เรือท่องวิญญาณ
เมื่อมองเรือสำเภาทั้งห้าลำที่เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว จางเหลียนก็พึมพำปากอธิษฐานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจวนแทบไม่ได้ยิน
ซึ่งน้ำเสียงของเขานั้นประหนึ่งไร้ซึ่งความหวัง
หากสิ่งที่หานเฟิงกล่าวเป็นความจริง หลัวเฉิงจะต้องเผชิญความตายอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ คล้ายกับพบพานศัตรูบนทางแคบ!
ไม่สิ! มันจะอันตรายยิ่งกว่าพบพานศัตรูบนทางแคบเสียอีก!
เรือสำเภาห้าลำทะยานเหนือเมฆ คนไปข้างหน้าราวกับลูกเกาทัณฑ์อันแหลมคม กระแสลมอันหนาแน่นถูกสะบั้นขาดด้วยม่านแสงจากหัวเรือ
บนเรือสำเภาหมายเลขห้า ศิษย์ที่เข้าร่วมการทดสอบนี้ต่างนั่งเข้าฌานสมาธิ เพื่อปรับแต่งลมปราณในร่างให้เข้าที่ เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการทดสอบในครั้งนี้
หลัวเฉิงยืนอยู่ลำพังบนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองยังขุนเขาและมหาสมุทรเบื้องล่างที่กำลังพาดผ่านไปด้วยสีหน้าอัศจรรย์ใจ
นับเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อนัก ที่เรือสำเภาขนาดยักษ์สามารถทะยานบนอากาศได้
หลัวเฉิงได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรือสำเภาลำนี้จากบันทึกซวนหยวน
เรือลำนี้เดิมเรียกว่าเรือท่องวิญญาณ ตามตำนานกล่าวว่า มันถูกสร้างขึ้นโดยสำนักโบราณที่มีความแข็งแกร่งยากหาได้เปรียบ มันสามารถข้ามมหาสมุทร ท่องไปทั่วนภาอากาศ และยากจะทำลายได้!
แต่เวลาอันเป็นนิรันดร์นั้นได้ผ่านไปแล้ว และสำนักโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ยงคงกระพัน มาบัดนี้ได้จมสู่ห้วงมหานทีแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่เรือท่องวิญญาณนี้ยังคงอยู่!
ขณะที่หลัวเฉิงกำลังนึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สืบต่อมาอย่างยาวนาน ก็สัมผัสได้ถึงแววตาอำมหิตก่อนจะหันมาแล้วพบว่าผู้นั้นคือหานเฟิง
“ฮ่าฮ่า เจ้าก็อยู่บนเรือสำเภาหมายเลขห้างั้นหรือ ช่างเป็นโชควาสนาอะไรของข้าเช่นนี้”
หานเฟิงจ้องหลัวเฉิงด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้า
หลัวเฉิงผงะอยู่ครู่หนึ่ง ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับอีกฝ่ายเช่นนี้ จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าคิดว่าเจ้าคงอับโชคเสียมากกว่า”
หานเฟิงไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเคืองแต่ยังแย้มยิ้มกล่าวว่า “ไว้ข้าจะรอดู ว่าเจ้าจะยิงผยองได้อีกนานแค่ไหน!”
หลัวเฉิงรู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงจึงเบือนหน้าหนีไม่ให้ความสนใจเขาอีกต่อไป
สองชั่วยามต่อมา เรือท่องวิญญาณก็ค่อยๆ ชะลอตัวลงแล้วโผล่ออกมาจากใต้มวลหมู่เมฆ
หลัวเฉิงทอดสายตาลงไปเบื้องล่าง ก่อนหมู่เกาะสีเขียวเล็กๆ จะปรากฏขึ้นมาในคลองจักษุ
เกาะนี้มีความกว้างหลายร้อยลี้ ซึ่งมันถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ำสายหนึ่ง ซึ่งแยกย่อยมาจากมหานทีหลัวเอี้ยน
สิงขรและมวลพฤกษาเขียวขจีอย่างสุดลูกหูลูกตา โดยมียอดดอยสูงตระหง่านผงาดอยู่ตรงกลาง ซึ่งงดงามตระการตายิ่ง
ยอดเขายักษ์นั้นสูงทะมึนโดดเด่น บนยอดดอยปกคลุมไปด้วยมวลเมฆหมอก ช่างสง่างามราวกับยอดดอยแห่งสรวงสวรรค์!
ครั้นมองจากที่สูง ทั้งเกาะก็ดูเหมือนเศษหยกสีเขียว บางครั้งก็มีเสียงคำรามโหยหวนของสัตว์อสูรดังขึ้นมาจากในหมู่เกาะนั้น
“กระแสลมดี หลักฮวงจุ้ยก็ไม่เลว นี่นะหรือเกาะชิงอวิ๋น! เกาะชิงอวิ๋น! การทดสอบชิงอวิ๋น! ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของวิถีความแข็งแกร่งของข้า!”
เมื่อมองยอดเขายักษ์ที่โดดเดี่ยว หลัวเฉิงก็รู้สึกตื่นเต้นในใจอย่างมิอาจหาคำใดมาเทียบได้
เรือท่องวิญญาณกำลังลอยอยู่เหนือท้องนภาและชายป่าด้านนอกเกาะ มันค่อยๆ ร่อนอย่างแช่มช้า ด้านข้างตัวเรือก็ปรากฏเชือกเหล็กห้าสิบเส้นห้อยลงมาจากเรือ และกระจายออกกว้างยื่นไปทั่วทั้งป่าในหุบเขา
ผู้อาวุโสคนหนึ่งปรากฏตัวที่หัวเรือแล้วกล่าวเสียงกึกก้อง
“การทดสอบชิงอวิ๋นใช้เวลาหนึ่งวัน ซึ่งก็จากวันนี้ไปจนถึงเที่ยงคืนพรุ่งนี้ เรือท่องวิญญาณจะบินกลับมารับพวกเจ้าตรงเวลา! ตอนนี้ก็เริ่มลงจากเรือตามลำดับหมายเลขที่แสดงในป้ายหยกพวกเจ้าได้แล้ว!”
“ตั้งแต่หมายเลขหนึ่งถึงห้าสิบลงจากเรือได้!”
เมื่อสิ้นเสียงผู้อาวุโสคนดังกล่าว ห้าสิบคนก็ก้าวไปเหยียบเชือกเหล็กทันที จากนั้นก็พากันกระโดดลงไปเบื้องล่าง
“หมายเลขห้าสิบเอ็ดถึงร้อยลงจากเรือ!”
ร่างแล้วร่างเล่าวิ่งเข้าสู่ชายป่าในหุบเขาอันไร้สิ้นสุด หายไปราวกับโยนก้อนหินเท่ากำมือลงผืนมหาสมุทร
ไม่ว่าจะขึ้นเรือสำเภาลำไหนหรือลงจากเรือสำเภาลำใด ก็ไม่อาจรวมกลุ่มกันได้ตั้งแต่เริ่ม ทุกคนตามหมายเลขจะถูกส่งลงในผืนป่าอย่างสุ่มๆ
ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ศิษย์ที่เข้าร่วมก่อตั้งกลุ่มตั้งแต่เนิ่นๆ และก่อให้เกิดความไม่ยุติธรรมต่อผู้อื่น
หลัวเฉิงเหลือบมองฝ้ายหยกประจำตัวของตน และหมายเลขที่ปรากฏคือหกร้อยสิบสาม!
“เจ้าได้หมายเลขอะไร?”
หานเฟิงเอ่ยถามขึ้นอย่างกะทันหัน
ทันใด บรรยากาศทั่วทั้งดาดฟ้าเรือก็บันดาลเกิดความตึงเครียดขึ้น หลายคนที่ยังอยู่บนดาดฟ้าเรือต่างมองยังหลัวเฉิง
หลัวเฉิงเก็บป้ายหยกประจำตัวของตนไว้ แล้วกล่าวน้ำเสียงไม่แยแส “ไยข้าต้องบอกเจ้า!”
ดวงตาของหานเฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ระหว่างนั้นเอง เสียงของผู้อาวุโสดังขึ้นอีกครั้ง “หมายเลขสองร้อยหนึ่งถึงสองร้อยห้าสิบลงจากเรือ!”
“เจ้าหนู ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เบื้องล่าง จำไว้อย่าวิ่งไปไกลเกินไป!”
หานเฟิงเหยียดยิ้มอำมหิตให้กับหลัวเฉิง แล้วกระโจนปราดไปยังเชือกเหล็ก ก่อนกระโดดลงแล้วหายไปในพริบตา
“หมายเลขหกร้อยหนึ่งถึงหกร้อยห้าสิบลงจากเรือ!”
ไม่นานนักก็ถึงคราวของหลัวเฉิง ที่ต้องลงจากเรือ!