ตอนที่ 24 : ค่ายกลหอก
ตอนที่ 24 : ค่ายกลหอก
หนังสือทักษะทั้งสองเล่มถูกวางไว้ตรงหน้าของเขา และมีคำอธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับพวกมัน
ทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นเวทมนตร์สนับสนุน
หนึ่งในนั้นสามารถเปลี่ยนภูมิประเทศได้ และอีกอันก็สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ด้วยการสร้างหมอกควันขึ้นมา
มันต้องบอกว่าในเมืองหินดำนั้นไม่ได้มีเวทมนตร์สำหรับนักเวทอยู่เท่าไร
ไม่แปลกใจเลยที่เนโครแมนเซอร์หน้าใหม่อย่างเขาจะสามารถลงทะเบียนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้
เขาพิจารณาทางเลือกของเขาอย่างรอบคอบ
ทักษะสายหมอกดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร หรือก็คือมันดูไม่ได้มีประโยชน์กับพวกซอมบี้เท่าไรนัก นอกจากนี้เขายังมีระเบิดควันที่สามารถใช้แทนกันได้
ในทางกลับกัน ทักษะจาระบีที่สามารถเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศได้ก็อาจจะมีประโยชน์กว่า
หลังจากตัดสินใจแล้ว เขาก็พูดออกมาว่า “ข้าเลือกอันนี้ละกัน”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า บันทึกการตัดสินใจของเขา และมอบหนังสือทักษะให้กับเขา
จากนั้นหวู่เหิงก็หยิบหนังสือทักษะขึ้นมาและจากไป
...
เขากลับมาที่บ้านของเขา
หลังจากจัดการเรื่องอาหารแล้ว เขาก็หยิบเอาหนังสือทักษะจาระบีออกมา
จากระดับของทักษะ ทักษะจาระบีนี้ก็มีระดับที่สูงกว่าทักษะสาดกรด
เขาหวังว่ามันจะมีประโยชน์กับเขาบ้าง
อย่างไรก็ตาม เมืองหินดำก็ไม่ได้มีทักษะเวทมนตร์อยู่เท่าไร และหนังสือทักษะที่เขาได้แลกเปลี่ยนมาก็ดูจะเก่ามาก
เมืองหินดำนั้นบ้านนอกเกินไป
เขาได้ยินมาว่าเหล่ามืออาชีพนั้นสามารถย้ายไปยังเมืองอื่นได้ หรือว่าเขาควรจะย้ายไปยังเมืองที่ใหญ่กว่านี้ดี?
แต่เมื่อความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา มันก็ได้หายไปในทันที
ทักษะเป็นแค่เรื่องรองเท่านั้น เมื่อระดับของเขาเพิ่มขึ้น ยังไงเขาก็สามารถสร้างกองทัพโครงกระดูกเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งมันมีประโยชน์กว่ามาก
ส่วนถ้าเขาย้ายไปที่ใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ๆ ก็อาจจะนำมาสู่ปัญหาใหม่ๆ ได้
ดังนั้นการได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดีเลย
เขาห้ามใจร้อนเด็ดขาด
หลังจากสงบใจได้แล้ว เขาก็ตั้งสมาธิไปกับหนังสือทักษะจาระบี
เขาเริ่มเปิดอ่าน
เวลาผ่านไปทีละนิดๆ
เมื่อเขาอ่านไปจนถึงหน้าสุดท้าย เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นในหูของเขา
[ปลดล็อคทักษะ: ทักษะจาระบี]
เมื่อปลดล็อคทักษะใหม่ได้แล้ว เขาก็ปิดหนังสือทักษะ
การแลกเปลี่ยนนี้ดูจะไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไรเลย
เขาสามารถปลดล็อคมันได้เพียงแค่อ่านไปรอบเดียว
เขาสงสัยจริงๆ ว่าเขาจะสามารถคืนหนังสือทักษะเล่มนี้ได้ไหมโดยบอกว่าเขาเลือกผิด
ไว้เขาจะลองถามออทรัคดูละกันหากมีโอกาส
หลังจากปลดล็อคทักษะใหม่ได้แล้ว เขาก็ตรวจสอบเวลา
จากนั้นเขาก็ตัดสินใจพาจอมโจรโครงกระดูกกลับไปยังโลกซอมบี้ทันที
...
เมื่อมาถึงดาดฟ้าที่มีกองทัพโครงกระดูกเรียงรายกันอยู่แล้ว
เขาก็ตรวจสอบสถานการณ์ดูและไม่พบว่ามันมีปัญหาอะไร
“ตามข้าลงไปข้างล่าง” หวู่เหิงสั่งการทันที
เหล่าโครงกระดูกเดินตามเขาลงไปข้างล่างและมาหยุดที่ประตูบันไดชั้นล่าง
“พวกเจ้าห้าตัวไปยืนอยู่ที่ประตูและตั้งหอกไปข้างหน้า”
หวู่เหิงยืนอยู่ที่บันไดและสั่งการโครงกระดูกห้าตัวที่ถือหอกอยู่
โครงกระดูกทั้งห้าถือหอก ยืนอย่างมั่นคงอยู่หน้าประตู และก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงกั้นอยู่ที่บันไดแคบ
เมื่อการเตรียมการเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็หันไปหาจอมโจรโครงกระดูกและกล่าวว่า “ไปเปิดประตูหลักและล่อซอมบี้มาที่นี่ อย่าออกไปจากบริเวณที่พักล่ะ”
ซอมบี้ชั้นล่างได้ถูกกำจัดออกไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังมีซอมบี้บางส่วนเหลืออยู่ภายในเขตที่พัก
บาเซนพยักหน้า จากนั้นมันก็เปิดประตู และเดินออกไป
ในไม่ช้าเสียงวิ่งอย่างบ้าคลั่งและเสียงคำรามของซอมบี้ก็ดังก้องมาจากด้านนอก
หวู่เหิงโผล่หัวออกไปดู และเห็นว่าบาเซนกำลังวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยซอมบี้อีกนับสิบตัว
พวกมันเผยใบหน้าอันดุร้ายออกมา
เสียงคำรามของพวกซอมบี้ได้ดึงดูดความสนใจของซอมบี้ที่อยู่ภายในอาคารอื่นๆ มาด้วย
เหล่าซอมบี้ที่ติดอยู่ภายในอาคารได้พังกระจกและกระโจนลงมาจากชั้นบนของอาคาร
จำนวนซอมบี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
บาเซนนั้นรวดเร็วมาก และสามารถทิ้งระยะห่างจากพวกซอมบี้เอาไว้ได้ประมาณหนึ่ง
เมื่อมันมาถึงบริเวณทางเข้าอาคาร มันก็พุ่งเข้ามาที่บันไดในทันที และเบียดตัวไปอยู่ทางด้านหลังของกลุ่มโครงกระดูก
และพวกซอมบี้ก็วิ่งไล่ตามมันมา ขึ้นมายังบันได ราวกับฝูงนกที่กลับคืนสู่รัง
ปัง!
สียงของเนื้อและหอกปะทะกันดังขึ้น ซอมบี้ตัวแรกที่พุ่งเข้ามานั้นกระแทกเข้าใส่หอกเต็มๆ
จากนั้นมันก็มีซอมบี้พุ่งเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
โครงกระดูกถือหอกทั้งห้าเริ่มโจมตี
หอกในมือของพวกมันแทงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และแทงทะลุร่างของพวกซอมบี้
และซอมบี้ไร้สติที่ไม่เกรงกลัวต่อความเจ็บปวดก็พุ่งเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
บันไดแคบจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกซอมบี้เอาไว้
และหอกก็สามารถแทงออกไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และแทงเข้าใส่ซอมบี้ที่อยู่ในแถวหน้าเรื่อยๆ
[ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +6]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - ทหารโครงกระดูกได้รับค่าประสบการณ์ +5]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - ทหารโครงกระดูกได้รับค่าประสบการณ์ +5]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - ทหารโครงกระดูกได้รับค่าประสบการณ์ +5]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - นักรบโครงกระดูกเลื่อนระดับเป็นเลเวล 2 ความแข็งแกร่ง +1]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - นักรบโครงกระดูกเลื่อนระดับเป็นเลเวล 2 ความทนทาน +1]
ผลลัพธ์ดีกว่าที่คาดไว้
ค่าประสบการณ์ทั้งหมดถูกเก็บเกี่ยวโดยโครงกระดูกผู้ใช้หอกทั้งห้า
พวกมันเลื่อนระดับเป็นเลเวลสองได้ในที่สุด
ก่อนหน้านี้ พวกมันได้สังหารซอมบี้ไปหลายตัวแล้ว แต่ค่าประสบการณ์ก็ถูกแบ่งให้กับโครงกระดูกหลายตัว ส่วนโครงกระดูกที่ต่อสู้อยู่ในแนวหน้าและสามารถสังหารซอมบี้ได้มากที่สุดก็ถูกสังหารไปอย่างรวดเร็วด้วย
ดังนั้นแม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่มันก็มีแค่โครงกระดูกผู้ใช้ดาบเท่านั้นที่มีเลเวลสอง
แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเมื่อจำนวนศัตรูไม่ได้มากมายอะไรนักและไม่ได้มีอันตรายอะไร เขาก็จะสามารถใช้วิธีนี้เพื่อฟาร์มโครงกระดูกเลเวลสูงได้สักที
จำนวนก็สำคัญ แต่เลเวลก็สำคัญเช่นกัน
ในไม่ช้า เมื่อการต่อสู้ใกล้จะจบลง โครงกระดูกผู้ใช้หอกทั้งห้าก็เลื่อนระดับเป็นเลเวลสองกันจนหมด
บริเวณทางเข้าประตูเล็กๆ เต็มไปด้วยศพมากมาย
หวู่เหิงเดินออกมาจากแนวหน้า เริ่มใช้ทักษะการจัดการโครงกระดูก และนักรบโครงกระดูกก็ลุกขึ้นมาจากพื้นที่ละตัว
งานต่อไปนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ
เขาต้องค่อยๆ แปรสภาพพวกซอมบี้และฟื้นฟูพลังงานไปพร้อมกัน
จนกระทั่งถึงช่วงกลางดึก เขาก็ได้กลับไปพักที่เมืองหินดำ
...
เช้าวันต่อมา หวู่เหิงเดินทางมาที่โลกซอมบี้ตั้งแต่เช้า
หลังจากการแปรสภาพซอมบี้ทั้งหมดจากเมื่อวานแล้ว เขาก็มีจำนวนโครงกระดูกเลเวลสองทั้งหมด 5 ตัว และโครงกระดูกเลเวลหนึ่ง 172 ตัว
ส่วนโครงกระดูกที่มีวิญญาณก็ประกอบไปด้วยจอมโจรโครงกระดูกเลเวลเจ็ด—บาเซน นักดาบโครงกระดูกเลเวลหก—เจียนอี้ นักดาบโครงกระดูกเลเวลห้า—เจียนเอ๋อร์ พลหน้าไม้โครงกระดูกเลเวลห้า—หนี่อี้และหนี่เอ๋อร์ รวมทั้งสุนัขโครงกระดูกเลเวลห้า—เท็ดดี้
มันดูเหมือนจะไม่เยอะ แต่เมื่อยืนอยู่บนดาดฟ้า มันก็ดูน่ากลัวไม่น้อยเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับฝูงซอมบี้ที่ไล่ตามรถบัส มันก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนั้น
หลักการของการพัฒนาอย่างมั่นคงคือการไม่เสี่ยงโดยประมาท
หลังจากนับจำนวนโครงกระดูกแล้ว เขาก็พูดออกมาว่า “พวกเราน่าจะลงไปข้างล่างกันดีกว่า”
มันมีเสียงโครงกระดูกเสียดสีกันดังขึ้น!
เหล่าโครงกระดูกเริ่มเคลื่อนไหว ต่อจากนั้นพวกมันก็เดินลงบันไดไปด้วยกัน
หลังจากเดินออกจากปล่องบันไดแล้ว ชั้นล่างก็ค่อนข้างว่างเปล่า
“ลุยต่อ!”
ตุบ ตุบ ตุบ!
กองทัพโครงกระดูกเดินย่ำไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังกึกก้อง หลังจากนั้นพวกมันก็มุ่งหน้าไปยังอาคารที่อยู่ติดกัน
เมื่อมาถึงประตูทางเข้ายูนิตแรก
หวือ!
ในทันทีที่เปิดประตู ซอมบี้สองตัวก็พุ่งออกมา
นักรบโครงกระดูกที่อยู่ด้านหลังเหวี่ยงมีดทำครัวเพื่อสังหารพวกซอมบี้ในทันที
“พวกเจ้าตามเจียนอี้ไปจัดการกับซอมบี้ตามบันไดซะ”
เจียนอี้พยักหน้า และนำนักรบโครงกระดูก 5 ตัวไปที่บันได จากนั้นก็เดินขึ้นไปข้างบน
ในทางกลับกัน หวู่เหิงก็เดินไปยังยูนิตที่สอง และเปิดประตู “พวกเจ้าตามเจียนเอ๋อร์ไปจัดการกับซอมบี้ตามบันได”
ประตูบันไดทีละอันถูกเปิดออก และเหล่าโครงกระดูกก็แยกกันเป็นกลุ่มๆ เพื่อไปจัดการกับซอมบี้ตามปล่องบันได
กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะพวกเขาไม่พบซอมบี้กลายพันธุ์เลย
ในไม่ช้า อาคารทั้งหมดก็ถูกกวาดล้าง และศพของพวกซอมบี้ก็ถูกขนออกมายังพื้นที่เปิดโล่ง
หวู่เหิงไม่ได้แปรสภาพพวกมันให้กลายเป็นโครงกระดูกในทันที แต่เขาได้จัดการกวาดล้างตึกถัดไปต่อทันที
กระบวนการเหมือนเดิม พวกเขาพากันขนศพซอมบี้ออกมาข้างนอก ในขณะที่สิ่งของต่างๆ ก็ถูกขนกลับมายังอาคารเดิมของเขา
...
หวู่เหิงกลับมายังเมืองหินดำ
เขาให้บาเซนแบกกระเป๋าและพวกเขาก็เดินไปยังตลาดทางตะวันออกของเมือง
ตลาดยังคงคึกคัก และมีเสียงตะโกนขายของดังไปทั่ว
หลังจากเดินผ่านแผงลอยไปหลายแผง เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนสโลแกนว่า ‘เจ้าของหนีไปพร้อมกับเมียน้อย สินค้าทุกชิ้นลดราคาจัดเต็ม’ มากขึ้นเรื่อยๆ
หวู่เหิงพาบาเซนไปยังพื้นที่ว่างจุดหนึ่ง หยิบเอาเสื่อหลากสีออกมา และกางมันลงไปบนพื้น จากนั้นเขาก็หยิบแก้วออกมาวางทีละอัน
ภายใต้แสงอาทิตย์ แก้วของเขาก็สะท้อนแสงอันงดงามออกมา
เขาไม่จำเป็นต้องโฆษณาอะไรอีก ฝูงชนได้มารวมตัวกันรอบๆ แผงของเขาในทันที
“ของใหม่มาแล้วเหรอ?”
“ราคาเดิมไหม?”
ฝูงชนมารวมตัวกัน และเริ่มยิงคำถาม
หวู่เหิงไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนมารุมแผงของเขาเร็วขนาดนี้ เขาตอบกลับ “ราคาเดิม 50 เหรียญเงิน เพื่อป้องกันการกว้านซื้อ แต่ละคนจะซื้อได้มากที่สุดแค่สามอันเท่านั้น”
“ข้าเอาอันหนึ่ง”
“ข้าด้วยอีกอัน”
ฝูงชนหลั่งไหลกันเข้ามา และควักเงินออกมาเพื่อซื้อแก้วเหล่านี้ที่มีราคาถูกกว่าตามร้านค้า
บ้างก็จำเขาได้ และบางส่วนก็มาเพื่อดูว่าคนมามุงอะไรกัน
ในไม่ช้า แผงลอยของเขาก็เต็มไปด้วยผู้คน
มันช่างครึกครื้นซะจริง!
แม้ว่ามันจะไม่ได้ขายหมดในทันทีเหมือนกับครั้งแรก แต่มันก็ไปได้สวยเลยทีเดียว
ด้วยผู้คนจำนวนมากและสินค้าราคาย่อมเยา สินค้าทั้งหมดจึงขายหมดโดยใช้เวลาไม่นาน
“ขอโทษทุกท่านด้วยนะ! สินค้าขายหมดแล้ว ไว้มาอุดหนุนกันใหม่นะ!” หวู่เหิงเก็บของ ยืนขึ้น และพูดออกมา
เหล่าคนที่ซื้อไม่ทันถอนหายใจออกมาเบาๆ และบอกว่าครั้งหน้าพวกเขาจะมาให้เร็วกว่านี้
เมื่อหวู่เหิงเก็บข้าวของเสร็จแล้ว เขาก็เดินดูแผงลอยอื่นๆ ต่อ
เขาไม่เห็นหอกยาวถูกวางขายเลย ซึ่งมันก็น่าเสียดายจริงๆ เพราะสินค้าในตลาดแบบนี้ถูกกว่าที่ขายในโรงตีเหล็กมาก
หลังจากเดินดูรอบๆ แล้ว เขาก็ถามพ่อค้าหนังสัตว์เกี่ยวกับราคาสินค้าก่อนที่เขาจะจากไปพร้อมกับโครงกระดูกของเขา
มันมีความแตกต่างระหว่างหนังดิบและหนังที่ผ่านการแปรรูปแล้ว
หนังสัตว์ที่ถูกขายตามแผงลอยนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากชุดเกราะหนังในร้านชุดเกราะ เพราะมันต้องมีกระบวนการขั้นตอนหลายอย่างในการแปรรูป
เนื่องจากเขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ เขาจึงถามแค่ราคาก่อนที่จะจากไป
แต่เมื่อเขาจากไปแล้ว มันก็มีชายสองคนเดินไปที่แผงๆ นั้น
พวกเขาถาม “หมอนั่นมาถามซื้ออะไรจากเจ้า?”
เจ้าของแผงมองดูใบหน้าอันเคร่งขรึมของคนทั้งคู่ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตอบว่า “เขามาถามเกี่ยวกับราคาของหนังสัตว์ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกว่ามันแพงเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ซื้ออะไร”
“เขาไม่ได้พูดอะไรอีกเหรอ?”
“แผงข้าจะมีอะไรให้ซื้ออีกล่ะ?” เจ้าของแผงตอบโต้
ชายทั้งสองเหลือบมองไปยังเจ้าของแผงลอยอีกครั้งก่อนที่จะลุกขึ้นและจากไป
จนกระทั่งพวกเขาเดินมาถึงตำแหน่งที่มีคนน้อย หนึ่งในนั้นจึงพูดออกมาว่า “มันคือคนสังหารบาเซน ของสิ่งนั้นต้องอยู่กับมันแน่ๆ”
“ไอ้สวะบาเซนเอ้ย” ชายอีกคนสบถออกมา จากนั้นก็ถาม “แล้วคนที่อยู่ข้างๆ หมอนั่นเป็นใครกัน?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ แต่มันอยู่บ้านคนเดียวนะ”
“พวกทหารกำลังกวาดล้างกลุ่มทหารรับจ้างหัวหมาป่าอยู่ช่วงนี้ ลองหาโอกาสไปแก้แค้นให้บาเซนและทวงของของพวกเราคืนกันเถอะ”
“ตามนั้น”