ดาบที่รอการลับคม (3)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของแอรอน ตอนที่ 8 >
2. ดาบที่รอการลับคม (3)
ดวงตาของราลส์เบิกกว้าง
เขาไม่ได้มองผิดไป
คมดาบเก่า ๆ ของชายคนนั้นกำลังปัดป้องขวานเหล็กกล้าที่ผ่านการตีมาอย่างดี
‘อะไรกัน!’
แน่นอนว่าเขารู้สึกได้
แรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่แผ่ออกมาเมื่อแรงปะทะกับแรงต้าน
ตามหลักแล้ว ด้านที่อ่อนแอกว่าควรจะหัก
แต่ชายคนนั้นยกดาบขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ขยับเขยื้อน
‘คงเป็นเรื่องบังเอิญ!’
การคิดมากในระหว่างการต่อสู้อันดุเดือดเป็นเรื่องไร้สาระ
ถ้าการโจมตี 17 ครั้งถูกปัดป้องได้ครั้งเดียวแล้วจบลง มันคงไม่ถูกเรียกว่าท่าไม้ตาย
“อ๊าก!”
เขาใช้การฟันแนวทแยงที่ใช้แรงและน้ำหนักอย่างเหมาะเจาะโจมตีร่างของชายคนนั้น
“สี่!”
ชริ้ง!
ประกายไฟสีน้ำเงินพุ่งออกมา
เจ้านั้นปัดป้องการโจมตีได้อีกครั้ง
‘ไอ้โง่เอ๊ย!’
ครั้งหนึ่งสองครั้งอาจจะปัดป้องได้เพราะโชคดี
แต่เขาจะโชคดีได้นานแค่ไหนกัน?
ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน
คุณภาพของอาวุธก็เทียบกันไม่ได้
ถ้าป็นเช่นนั้นก็เหลือเพียงตอนจบเดียวเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นได้…
ถูกบดขยี้ไปพร้อมกับดาบเหล็กเก่า ๆ นั่น
"ห้า!"
ชริ้ง! ชริ้ง!
ประกายไฟลอยออกไปพร้อมกับเสียงเหล็กกระทบกกัน
เสียงเชียร์ของผู้ชมเริ่มดังขึ้น
การปะทะกันของอาวุธเป็นหนึ่งในฉากที่ผู้ชมปรารถนาจะเห็นมากที่สุด
และแน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็นต่อจากนี้ก็คือ ความพ่ายแพ้และความตายของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“ฮึบ!”
“หก!”
เคร้ง!
ทุกครั้งที่ราลส์เหวี่ยงขวานกล้ามเนื้ออันใหญ่โตของเขาก็จะกระตุกตาม
เหงื่อที่ปนทรายกระเซ็นอย่างแรง
ฟิ้ว!
เสียงเหวี่ยงนั้นมันน่ากลัวจนผุ้ชมเบือนหน้าหนี
แรงกดดันทำให้รู้สึกราวกับว่าอากาศเบื้องหน้าชายคนนั้นกำลังฉีกขาด
“เจ็ด!”
เคร้ง!
ชายคนนั้นปัดป้องการโจมตีทั้งหมด
ราลส์เหวี่ยงขวานและบอกกับตัวเองหลายครั้งว่านี่เป็นครั้งสุดท้าย แต่สถานการณ์ก็ไม่เปลี่ยนแปลง
“แปด!”
“ว้าว!”
ฟิ้ววว!
การโจมตีครั้งที่แปด
มันเป็นการฟันหมุนที่มีพลังมากที่สุด เป้นหนึ่งในการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดที่มนุษย์สามารถทำได้
แต่ถึงอย่างนั้น…
เคร้ง!
เขาก็สามารถบล็อกมัน
ด้วยสีหน้าไม่แยแสและไม่สะทกสะท้าน
จากนั้นราลส์ก็สังเกตเห็นสิ่งเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น
'บ้า! อะไรวะ! ไอ้ห่านี้ มันอะไร!'
มาถึงตอนนี้ มันควรจะกลายเป็นก้อนเนื้อแล้ว
แต่มันยังคงสบายดี
ในความเป็นจริง เขาดูสงบมากเมื่อเทียบกับราลส์ที่ร่างเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
"ไอ้สารเลว!"
เจ้านั้นมันกล้าล้อเล่นกับเขางั้นเหรอ!
ใบหน้าของราลส์เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความโกรธ
‘ได้ งั้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!’
มันใช้เทคนิคพิเศษ
ราลส์เคยเจอคู่ต่อสู้ที่ใช้เทคนิคแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
‘มันใช้เทคนิคเบี่ยงแรงได้!’
มันเป็นเทคนิคที่ทำให้ใบมีดลื่นไถลในขณะที่อาวุธปะทะกันเพื่อกระจายแรงกระแทก
มันเป็นเทคนิคที่ยากจะเลียนแบบได้หากไม่ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักและมีพรสวรรค์
แม้จะดูไม่ได้เรื่อง แต่เจ้านั้นมันก็น่าจะเป็นนักสู้ระดับสูง
ดูเหมือนว่ามันจะมีเคล็ดลับอะไรบ้าง
“แต่ถึงอย่างนั้น!”
“เก้า!”
โครม!
ราลส์ฟาดขวานออกไปสุดกำลัง
เมื่อแรงกระแทกของอาวุธที่ปะทะกันเกินระดับหนึ่ง จะไม่ใช่แค่เสียงเหล็กกระทบกันอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้มีเสียงเหมือนอะไรบางอย่างระเบิดออกมา
“ลูกเล่นไร้ประโยชน์เมื่อต้องเจอกับพลัง!”
“สิบ!”
โครม!
เขาฟาดขวานลงไปอีกครั้ง
“ตาย!”
“สิบเอ็ด!”
โครม!
อีกครั้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“สิบสอง!”
โครม!!
ท่าพิเศษของกลาดิเอเตอร์ระดับสูงอย่างราลส์…การโจมตี 17 ครั้งติดต่อกัน ค่อยๆ เพิ่มพลังเมื่อการโจมตีดำเนินต่อไป
เมื่อการโจมตีครั้งที่สิบ การเหวี่ยงขวานของราลส์ยังคงดำเนินต่อไป
การฟาดฟันนั้นเต็มไปด้วยพลังมหาศาลราวกับภูเขา
“ทนได้ดีนี่!”
“ฮ่าฮ่า! สับมันซะ! ฆ่ามันเลย!”
“ราลส์!”ฉันเชื่อใจนายนะ!"
ผู้ชมต่างส่งเสียงเชียร์
การฟาดฟันอันทรงพลังของชายคนนั้นและการต่อสู้กันแบบนั้นเป็นความบันเทิงที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
อย่างไรก็ตาม ในใจของเหล่าผู้ชมนั้น…บทสรุปได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
อีกไม่นาน ขวานเล่มนั้นจะทุบหัวของชายคนนั้นแตกเเน่นอน
โครม!
“สิบสาม!”
“คงถึงขีดจำกัดแล้วใช่ไหม?”
ราลส์ขมวดคิ้วและยิ้มเยาะออกมา เหงื่อของเขานั้นไหลอาบหน้า
แค่หลบได้ ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ยงคงกระพัน
หากคุณยังคงให้ผลกระทบมากกว่านั้น มันจะพัง
ถ้าได้รับแรงกระแทกอย่างต่อเนื่อง มันก็ต้องแตกสลาย
“สิบสี่!”
“คงไม่มีแรงจะพูดแล้วล่ะสิ!”
ปัง!
กล้ามเนื้อของราลส์เริ่มฉีดขาด
ร่างกายส่งความเจ็บปวดไปยังระบบประสาทของราลส์ บอกให้เขาหยุด
แต่เขากลับไม่หยุด
“ฮึบ!”
“สิบห้า!”
นี่คือครั้งสุดท้าย
แม้จะเรียกว่าท่าไม้ตายการโจมตี 17 ครั้ง แต่ราลส์ก็ไม่ทำถึงครั้งที่ 17 เลยสักครั้ง
เพราะไม่มีคู่ต่อสู่คนไหนทนการโจมตีนี้ได้ถึง 15 ครั้ง
พวกเขาเคยหลบหรือหนี แต่สุดท้ายก็ถูกตามทันและหัวก็ถูกทุบจนแตกภายใน 15 ครั้ง
โครม!
ขวานฟาดลงมา
ทรายที่ปนเลือดและเหงื่อกระเซ็นไปทั่ว
ทันใดนั้นราลส์มีลางสังหรณ์บางอย่าง
ว่าศพของเจ้านั้นจะถูกผ่าครึ่งรึยัง
"หึหึหึ…ฉันจะขอชมเชยที่นายทนมาได้ถึงขนาดนี้ แต่...หือ?”
ราลส์ขยี้ตาของเขา
นั้นมันไม่ใช่ภาพลวงตา
ชายคนหนึ่งที่ควรจะตายกลับยืนอยู่ตรงนั้น
“ยังเหลืออีกสองครั้งใช่ไหม?”
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ฉันจะรับมันเอง”
ราลส์อ้าปากค้าง
สมองของเขาเริ่มทำงานผิดปกติเมื่อเผชิญกับความจริงที่เหนือความคาดหมาย
‘ฉันเห็นภาพหลอนงั้นเหรอ?’
ไม่ใช่
ชายร่างยักษ์ส่ายหัว
มันยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
แต่ในสภาพที่ปกติมากไม่ใช่สภาพเลือดท่วมตัวแบบที่เขาคิด
“ยัง..ไง…กัน?”
สิ่งที่ราลส์ลืมไปสนิทใจเพราะมัวแต่จดจ่อกับการโจมตีเริ่มผุดขึ้นมาในใจทีละอย่าง
‘ทำไมอาวุธของเจ้านั้นถึงยังดูปกติดี?’
เพียงครั้งหนึ่งก็ว่าไปอย่าง
สองครั้ง สามครั้ง อาจจะเรียกว่าโชคได้
แต่ถ้าเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นซ้ำ ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป
‘เบี่ยงแรง! ใช่ มันใช้การเบี่ยงแรง...!’
นั่นเป็นการเบี่ยงแรงจริง ๆ หรือ?
เหตุผลต่างๆสัยสนใจหมดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
การเบี่ยงแรงเป็นเทคนิคที่ทำให้ใบมีดลื่นไถลในขณะที่อาวุธปะทะกัน
แต่มันไม่ได้ทำแบบนั้นเลย
กลับกัน มันยื่นคมดาบออกมาและปะทะกับขวานของเขาโดยตรง
‘ไม่ใช่การเบี่ยงแรง’
แม้แต่เสียงก็ต่างกัน
ถ้าเป็นการเบี่ยงแรง มันจะไม่เกิดเสียงแบบนี้
แล้วมันคืออะไร?
แรงกระแทกที่มีอยู่ในขวานถูกดูดซับได้อย่างไร?
ด้วยการปะทะกันงั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้
ทั้งร่างและอาวุธของเจ้านั้นจะไม่ปลอดภัย
“.....”
ราลส์ไม่สามารถเข้าใจได้เลย….