Chapter 258 : เลื่อนสู่ขอบเขตที่8 - ค่าสถานะที่เพิ่มขึ้น (1)
เซี่ยงเทียนซิว ลู่หลัวกับคนอื่นๆกัดฟันแน่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก
พวกเขาทำได้เพียงค่อยๆล่าถอยไปทีละก้าวๆ นักสู้ขอบเขตที่7หากหมายต่อกรกับนักสู้ขอบเขตที่8ย่อมเป็นเรื่องยาก
อีกฝ่ายเองก็ไม่ใช่นักสู้ขอบเขตที่8ไร้ชื่อหากแต่ล้วนเป็นตัวตนมีชื่อติดอันดับตารางจัดอันดับขอบเขตที่8ทั่วโลกกันทั้งนั้น
เซี่ยงเทียนซิวกับคนอื่นๆย่อมไม่มีโอกาสเอาชัยได้อย่างแน่นอน
หากแต่ที่พวกเขายังรอดอยู่ก็เพราะอีกฝ่ายนั้นกำลังเล่นเกมจับหนูนี่อยู่ พวกเขาต้องการจะเห็นสีหน้าหวาดกลัวของเซี่ยงเทียนซิวกับคนอื่นๆจึงค่อยๆตีวงล้อมเข้าไปเรื่อยๆด้วยความเร็วคงที่ไม่ช้าไม่เร็ว
หากแต่พวกเขาก็ต้องผิดหวัง
การแสดงความหวาดกลัวเวลาเผชิญหน้ากับศัตรูนั้นมีแต่จะทำให้พวกมันได้ใจ เซี่ยงเทียนซิวและคนอื่นๆรู้เรื่องนี้ดี
ดังนั้นพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาแม้แต่น้อยเท่านั้นแต่ยังกระทั่งกัดฟันแน่นและจ้องเขม็งตอบไปที่เหล่านักสู้ของทุ่งราบมหาสวรรค์
พวกเขาอยากจะกินเลือดกินเนื้อเจ้าพวกนี้ยิ่งนัก!
“น่าเบื่อจริงๆ ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าเสียเวลา” นักสู้ขอบเขตที่8ซึ่งเป็นผู้นำดูเหมือนจะรู้สึกเบื่อแล้วและไม่อยากจะเล่นอีกต่อไป
เขาโบกมือส่งสัญญาณให้คนอื่นๆลงมือ
“เฮ้!” นักสู้คนอื่นๆแสยะยิ้มเหี้ยมก่อนจะกระโจนเข้าใส่พวกเขา
ในเวลานี้เองเสียงคำรามดังสนั่นของมังกรพลันดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วชั้นบรรยากาศ
นักสู้ของทุ่งราบมหาสวรรค์พากันตกตะลึง
เสียงนี้อยู่ใกล้มากหรือว่าจะมีอสูรทรงพลังกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้?
พริบตาต่อมาลมหายใจอัสนีน่าพรั่งพรึงก็พลันพุ่งลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบนและกวาดร่างของนักสู้ทุกคนของทุ่งราบมหาสวรรค์ไปจนสิ้น
นักสู้เหล่านี้ไม่มีความสามารถกระทั่งจะต่อต้านด้วยซ้ำและพากันละลายหายไปภายใต้ประกายสายฟ้าเจิดจรัสนี้ในชั่วพริบตา
แสงสว่างเจิดจรัสจากสายฟ้านี้ทำให้เซี่ยงเทียนซิว ลู่หลัวและคนอื่นๆไม่อาจจะเปิดเปลือกตาได้เช่นเดียวกัน
พวกเขาไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องปิดตาลงแน่นและเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นมองอีกคราก็พบว่านักสู้ของทุ่งราบมหาสวรรค์นับสิบคนนั้นหายไปจนสิ้นแล้ว
รูปแบบชีวิตแปรเปลี่ยนจากมนุษย์กลับกลายเป็นเพียงกองฝุ่น
เมื่อสายลมพัดพาฝุ่นผงเหล่านี้ก็สลายหายไป
ฟิ้ว!
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอและพบว่ามีมังกรอัสนีตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกระพือปีกบินลับหายไป
เซี่ยงเทียนซิวตกตะลึงยิ่งนัก “เป็นเจ้ามังกรอัสนีตัวนั้นเหรอที่ช่วยพวกเราเอาไว้?”
ลู่หลัวเองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน “อสูรมันแยกฝ่ายออกด้วยรึเนี่ย? ไม่ถูกต้องเท่าไหร่มั้ง พวกเราเองก็ฆ่าพวกอสูรไปเยอะเหมือนกันนะ”
คนอื่นๆเองก็สบตามองกันด้วยแววตาสีหน้าโง่งม
อสูรนั้นมักจะเข้าคู่กับความโกลาหลและความวุ่นวายเสมอๆ พวกมันจะสังหารใครก็ตามที่พวกมันเห็นอย่างไร้ปรานี
มังกรอัสนีตัวเมื่อครู่นั้นสามารถสังหารนักสู้ขอบเขตที่8ได้ในชั่วพริบตาด้วยสกิลเดียวเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นอสูรขอบเขตที่9
แล้วทำไมมันต้องละเว้นนักสู้ของกองพลก่อสร้างด้วยเล่า?
พวกเขาหาคำตอบไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะพยายามคิดเท่าไหร่ก็ไม่อาจหาเหตุผลมารองรับได้อยู่ดี
“บางที...มันอาจจะได้ครอบครองสติปัญญาแล้วรึเปล่า?” คำถามนี้วนเวียนอยู่ในใจของพวกเขาทุกคน
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้มีเวลามากพอจะมานั่งหาคำตอบของคำถามนี้มากนัก ในเมื่อเจ้าพวกที่รุมล้อมพวกเขาอยู่ตายไปหมดแล้วถ้าไม่หนีตอนนี้ก็คงเสียโอกาสไปเปล่าๆ!
หลินเซวียนที่อยู่ห่างไกลออกไปถอนสายตากลับมา “ก็แค่นี้เราไม่จำเป็นต้องโผล่ออกไปด้วยซ้ำ แค่ให้มังกรขอบเขตที่9ไปช่วยก็จบ”
หลังจากควบคุมร่างของมังกรอัสนีให้เข้าช่วยเหลือพวกเซี่ยงเทียนซิวหลบหนีไปได้แล้วหลินเซวียนก็ดำเนินการทำภารกิจเลื่อนขอบเขตที่8ของตัวเองต่อ
ทุกๆ18นาทีเขาจะดื่มโพชั่นสุดยอดพิษหนึ่งขวดเพื่อคงสภาพพลังชีวิตให้ต่ำกว่า50%
เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน จำนวนที่เขาสังหารเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 30 35 50
สามวันให้หลังรหลินเซวียนที่ยืนหยัดอยู่เหนือร่างของมังกรบินพิษพลันระเบิดเสียงหัวร่อขึ้นฟ้า “100!”
“ครบตามภารกิจแล้วโว้ย!”
“ตอนนี้ก็ขาดแค่วัตถุดิบห้าชิ้นจากราชันย์แดนลับเท่านั้น” ระหว่างทางมาที่นี่นั้นหลินเซวียนพบกับอาณาเขตที่เป็นของราชันย์แดนลับมาแล้วหลายครั้ง
พวกมันล้วนป็นอสูรที่โคตรทรงพลังในระดับขอบเขตที่7เลเวล9ทั้งสิ้น
ตัวเขาที่มีพลังชีวิตเพียง50%จึงไม่ได้เร่งร้อนเข้าไปบวกกับพวกมันนักเพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตามตอนนี้ในเมื่อภารกิจเลื่อนขอบเขตเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรักษาระดับพลังชีวิตเอาไว้ที่50%อีกต่อไป
เมื่อปราศจากผลของโพชั่นสุดยอดพิษพลังชีวิตของเขาก็เริ่มพุ่งทะยานฟ้าราวกับต้นไผ่หลังฝน
ในเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่นาทีพลังชีวิตของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาจนเต็ม “ฆ่า!”
หลินเซวียนหมุนตัวกลับไปและพบเข้ากับหุบเหวอันเป็นสถานที่อยู่ของราชันย์มังกรเหมันต์และห้าสนมของมัน
ครึ่งชั่วโมงให้หลังมังกรทั้งหมดในหุบเขาก็ถูกสังหารเกลี้ยง
หลินเซวียนขุดเอาเขี้ยวออกมาจากร่างของมัน
เขี้ยวนี้ส่องประกายแสงสีทองระยิบระยับและเป็นวัตถุดิบสำหรับเลื่อนขั้นจากราชันย์แดนลับ
“ต่อไป!” หลินเซวียนมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายถัดไปด้วยความตื่นเต้น
สอง สาม และห้า!
เมื่อถึงเวลากลางคืนหลินเซวียนก็รวบรวมวัตถุดิบเลื่อนขั้นจากราชันย์แดนลับได้จนครบ
จากนั้นเขาก็หาสถานที่ปลอดภัยตามปกติและสั่งให้มังกรอัสนีคอยเฝ้าอยู่ใก้ลๆจากนั้นจึงเปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมา
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกคราหนึ่งและหวนนึกถึงข้อมูลที่อ่านมาจากหนังสือ
จากขอบเขตที่1สู่ขอบเขตที่6นั้นไม่มีอะไรผิดแปลกหากแต่จากขอบเขตที่7ไปขอบเขตที่8และจากขอบเขตที่8ไปขอบเขตที่9นั้นจะมีญาณแปลกๆบางอย่างเกิดขึ้น
ญาณประหลาดที่เกิดขึ้นนั้นก็แปลกยิ่งแต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับอาชีพของนักสู้คนนั้นๆ
ถ้าเป็นปรมาจารย์สายฟ้าอย่างเซี่ยงเทียนซิว ญาณที่อาจจะเกิดก็อาจจะเป็นมังกรสายฟ้าหรือเหยี่ยวสายฟ้า
ถ้าเป็นจอมดาบเหมันต์อย่างเย่อู่ชิวก็อาจจะเป็นดาบขนาดใหญ่ที่อาบไล้ด้วยกลิ่นอายเหมันต์ลึกล้ำ
สีของอาชีพนั้นก็จะเป็นเฉกเช่นเดียวกับสีของญาณที่เกิดขขึ้น
“ได้ยินว่ายิ่งญาณที่เกิดขึ้นเว่อร์วังขนาดไหนก็ยิ่งทรงพลัง ยิ่งแข็งกร่งมากเท่านั้น..สงสัยจริงๆว่าของเราจะเว่อร์วังขนาดไหน”
“คงไม่ใหญ่โตมากนักหรอกมั้ง? ถ้าใหญ่โตมากไปก็น่ากลัวและอาจจะตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นเอาได้” หลินเซวียนคิดถึงข้อดีข้อเสียหลังจากเลื่อนขอบเขต
ข้อดีนั้นเรียบง่ายคือเขาจะแข็งแกร่งขึ้น
หลังจากกลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่8อย่างน้อยเขาก็จะสามารถสังหารนักสู้ทั่วๆไปที่มีระดับต่ำกว่าขอบเขตที่8เลเวล6ได้ไม่ยาก
ถ้าอีกฝ่ายเป็นนักสู้ชั้นดีที่ถูกองค์กรต่างๆฝูมฝักมาการจะสู้ข้ามระดับซักหนึ่งหรือสองเลเวลก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก
แต่ข้อเสียเองก็แผ่หลาอยู่ด้านหน้าเช่นกัน ถ้าการเลื่อนขอบเขตของเขามันเอิกเกริกเกินไปก็อาจจะดึงดูดปัญหาที่ไม่จำเป็นเข้าใส่ตัว
เมื่อถึงจุดนั้นตัวตนของเขาอาจจะถูกเปิดเผย! ไม่เพียงแต่ตำแหน่งที่จะถูกเผยเท่านั้นแต่กระทั่งความสัมพันธ์กับร่างแยกเองก็อาจจะแตกด้วย