บทที่ 148 เจตนาฆ่า!
“ฟางรุ่ย? เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงงั้นหรือ?”
จางเหลียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แน่นอน! ฟางรุ่ยยังเป็นหนึ่งในสิบตัวเต็งที่จะคว้าอันดับหนึ่งในครั้งนี้ และมีความเป็นไปได้สูงกว่าหลินจินไท่เสียอีก! ว่ากันว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นใกล้เคียงกับผู้ฝึกยุทธในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับหกแล้ว!”
“เช่นนั้นหรือ?”
ดวงตาของหลัวเฉิงยังคงสงบไม่หวั่นไหว
เขาไม่ได้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของฟางรุ่ยมากนัก
แต่แปลก ซึ่งตัวเขาและอีกฝ่ายมิได้รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน แล้วไฉนอีกฝ่ายจึงจงใจมาทักทายเขาเป็นพิเศษ
ไม่ใช่แค่ฟางรุ่ยเท่านั้น ตั้งแต่เข้ามาในจัตุรัส หลัวเฉิงก็รู้สึกว่ามีดวงตานับไม่ถ้วนจับจ้องมายังเขาอยู่ตลอดพานให้รู้สึกอึดอัดนัก
ในตอนแรก หลัวเฉิงคิดว่าอาจเป็นเพราะวิญญาณยุทธ์ของเขา
ทว่ายามนี้ หลัวเฉิงก็ตระหนักได้ว่าแววตาที่จับจ้องนั้น รวมถึงของฟางรุ่ยด้วยเช่นกัน มันล้วนเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน!
ดูเหมือนว่าทุกคนในที่นี้ล้วนต่างอยากปลิดชีวิตเขา!
“ดูนั่นสิ สิบคนนั้นเป็นผู้มีความสามารถเข้าชิงสิบอันดับแรกในการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้!”
สุ้มเสียงกะทันหันของจางเหลียนขัดจังหวะความคิดของหลัวเฉิง
ในเวลาเดียวกันนั้น ทั้งจัตุรัสก็เริ่มมีเสียงดังระงม ซึ่งเป็นเสียงของผู้คนสนทนา
หลัวเฉิงฉงนใจจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ
ที่ด้านหน้าของจัตุรัสมีแท่นสูงตระหง่านตั้งอยู่ และร่างทั้งสิบก็ยืนอยู่บนนั้น ยืนอย่างสง่าแตกต่างจากศิษย์บำรุงสำนักคนอื่นอย่างชัดเจน!
ในสิบคนนั้น ประกอบด้วยบุรุษเจ็ดคนและสตรีสามนาง แม้นจะอยู่ห่างไปไกล แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงรัศมีความแข็งแกร่งอันรุนแรง ซึ่งทำให้ผู้คนที่ได้ประจักษ์เห็นต่างรู้สึกหวั่นผวาไปตามกัน!
“กู่หลิงเฟิง! หยวนจือหลาน! ฟางรุ่ย! จั่วฉางซาน! เฉาชิง! โจวรั่ว! หลินจินไท่...คนเหล่านี้ล้วนแข็งแกร่งทั้งสิ้น!”
“แน่นอน พวกเขาเป็นตัวเต็งสิบอันดับแรกของการทดสอบชิงอวิ๋นนี้! ซึ่งแต่ละคนมีความแข็งแกร่งที่จะสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกันได้!”
“ดูท่าว่า คนเหล่านี้จะต้องเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของทดลองชิงอวิ๋นนี้อย่างแน่นอน!”
สิบคนยืนอยู่ด้วยกัน ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบอย่างน่าอัศจรรย์นัก
ส่วนใหญ่ไม่มีความกล้ามากพอจะมองทั้งสิบคนนั้นด้วยซ้ำ
“นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็สามารถเอาชนะฝูงชนเบื้องล่างได้อย่างง่ายดาย! คนเหล่านี้ล้วนมีฝีมือไม่ธรรมดายากหาใดเปรียบ!”
จางเหลียนรู้สึกประทับใจอย่างมากกับรัศมีที่แผ่ออกมาของทั้งสิบคน แล้วพึมพำกับตนเองโดยไม่รู้ตัว
ตัวเต็งสิบอันดับแรก...
หลัวเฉิงมองดูคนทั้งสิบคนด้วยแววตาที่หาได้มีความครั่นคร้ามไม่
ซึ่งมันแตกต่างจากคนอื่นๆ หลัวเฉิงกำลังคิดจะเอาชนะบุคคลทั้งสิบนี้ให้ได้!
ตราบใดที่เขาสามารถเอาชนะผู้คนเหล่านั้นได้ เขาก็จะเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรก และได้เป็นศิษย์ฝ่ายนอกอย่างสมบูรณ์!
เมื่อถึงตอนที่เขาได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกสำเร็จ! หนทางแห่งการฝึกฝนจะแผ่กว้างไปไกลอย่างไร้ที่สิ้นสุด!
ในเวลานี้ หลายสายตาที่ยังจับจ้องหลัวเฉิงตอนนี้ ล้วนมาจากตัวเต็งสิบอันดับแรก
ซึ่งมีทั้งหมดสามคน!
นั่นคือ ฟางรุ่ย หลินจินไท่ และอีกหนึ่งคือ เฉาชิง ที่ร่างสูงใหญ่และแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน
เฉาชิงมองหลัวเฉิงพร้อมกับเลียริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนเผยรอยยิ้มอันน่าสยดสยองขึ้นบนใบหน้าประหนึ่งว่าเป็นราชสีห์ที่กำลังจับจ้องเหยื่อของมัน!
“ไม่ใช่แค่ฟางรุ่ยเท่านั้น แต่เฉาชิงก็ยังเพ่งความสนใจมายังเจ้าด้วย! ไฉนแววตาพวกเขาจึงมีเจตนาฆ่าชัดเจนรุนแรงขนาดนี้! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
จางเหลียนสัมผัสแรงอาฆาตอำมหิตได้จึงรีบเปิดปากด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าของหลัวเฉิงก็มืดลงเฉกเช่นเดียวกัน
แม้แต่จางเหลียนยังรับรู้ถึงจิตสังหารของคนเหล่านั้นได้ ดังนั้นนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเองอย่างแน่นอน!
แท้จริงนั้น ตั้งแต่เมื่อครู่ หลัวเฉิงก็รู้สึกถึงอันตรายรอบด้านดุจเดียวกับยืนอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่ากระหายเลือด!
“ข้าอยากจะเห็นนักว่าพวกเจ้ามีแผนจะทำอะไร!”
ดวงตาของหลัวเฉิงทอประกายแสงเยือกเย็น
สัญชาตญาณมันร่ำร้องบอกเขาว่า การทดสอบชิงอวิ๋นนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว!
ครืน!
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนทนา จู่ๆ เมฆบนท้องนภาก็กระจายตัวออกเป็นวงกว้างอย่างกะทันหัน ก่อนปรากฏจุดแสงเล็กๆ ห้าจุดท่ามกลางนภาอากาศ
รัศมีเมฆกระจายตัวเริ่มแผ่ขยายออกกว้างเรื่อยๆ ไม่ช้า พวกมันก็ร่อนลงเหนือจัตุรัส ปรากฏเป็นรูปร่างเรือสำเภาสีทองห้าลำที่มีความยาวเกือบสี่สิบจั้ง!
เรือสำเภาร่อนลงที่เบื้องหน้าจัตุรัส และผู้อาวุโสสิบคนก็ทะยานขึ้นไปยืนบนแท่นสูงเหนือจัตุรัส นั่นรวมถึงผู้อาวุโสเหอด้วย
ผู้อาวุโสเหอก้าวมาข้างหน้า
ทันใด ทั่วทั้งจัตุรัสที่แต่เดิมมีเสียงสนทนาดังกึกก้อง ยามนี้ก็พลันเงียบสงัดอย่างกะทันหัน
หลังเหลือบมองหัวเฉิงด้วยแววตาเย็นชา ผู้อาวุโสเหอก็กระแอมในลำคอ พร้อมกับแผดเสียงดังกังวานกล้องทั่วจัตุรัส
“ศิษย์ทั้งหลาย ยินดีต้อนรับสู่การทดสอบชิงอวิ๋นประจำปี!”