chapter 498: นิรันดร์ในชั่วพริบตา
chapter 498: นิรันดร์ในชั่วพริบตา
ย้อนกลับไปที่ยอดเขาชูหยาง เจียงหมิงนอนอยู่บนเก้าอี้หวาย แกว่งขาไปมาอย่างสบายอารมณ์
เจียงหมิงเพิ่งกลับมาจากจักรวาลซิงเหอ เขาไม่ได้นำต้นไม้แห่งโลกกลับมาเพราะมันได้เข้าสู่สถานะการเปลี่ยนแปลงสูงสุดซึ่งยังคงเติบโตและวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
เจียงหมิงได้จัดการปัญหาของจักรวาลซิงเหอเรียบร้อยแล้ว ในขณะเดียวกัน พันหวังก็ได้บรรลุขั้นสูงสุดของระดับอาณาจักรราชันนักบุญแล้วเช่นกัน
จื่อ ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดแห่งยุคที่มาจากกาแล็กซี่ซึ่งได้ริเริ่มที่จะแยกตัวออกจากต้นกำเนิดของกาแล็กซี่เดิม เขาได้บีบอัดตัวเองให้มีร่างกายทางกายภาพและเติบโตอย่างรวดเร็วจนกระโดดขึ้นสู่ระดับราชันนักบุญได้ จื่อนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง เขาเป็นคนที่ทั้งมีปัญญาและพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ รวมถึงศักยภาพในการก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งความโกลาหล
เจียงหมิงคุยกับเขานานก่อนออกไป
“ท่านพี่!” หลิงหลงลงจอดข้างๆ เขาพร้อมกับสีหน้าบึ้งตึง “การสันโดษของท่านมันนานเกินไปแล้ว ร่างอวตารที่ท่านทิ้งไว้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย”
“นี่ผ่านมาแค่สิบปีเองมิใช่หรือ” เจียงหมิงพูดไม่ออก “เจ้าเด็กน้อย เจ้าอยากโดนข้าตีหรือ ดูสิ มันผ่านไปหลายปี ระดับการบ่มเพาะของเจ้าก็ยังไม่ดีขึ้นเลย”
“ขะ.. ข้าแค่รอท่านอยู่ เมื่อท่านกลับมา ระดับการฝึกฝนของข้าจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว การฝึกฝนด้วยตัวเองนั้นลำบากและช้าเกินไป” หลิงหลงนอนลงข้างๆ เขาทันที เธอพยายามแทรกตัวเข้าหาเขาด้วยแรงทั้งหมด “รีบๆ มาหาข้าสิ”
“เจ้าอ้วนขึ้นหรือเปล่า”
“ห้ะ ท่านพูดว่าอย่างไรนะ ท่านกล้าดียังไงมาเรียกข้าว่าอ้วน!”
ทั้งคู่ทะเลาะเล็กน้อยก่อนมันจะกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบของทั้งสอง
เธอลงจากตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ฉางอี้หมิงรับช่วงต่อ เขามีอาณาจักรเทียนหยวนหนุนหลัง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับระดับการฝึกฝนบ่มเพาะที่อ่อนแอของเขา
ริเยว่ฉางเฟิงผู้ซึ่งยังคงอยู่ที่ทะเลเทียนหยวนได้ก้าวข้ามเข้าสู่ระดับนักบุญไปแล้ว เนื่องจากเขาได้ทำการปลุกจิตวิญญาณของเขาไปแล้ว เขาจึงไม่รีบร้อนที่จะจากไป เขาถึงกับกล่าวว่า โชคลาภอันยิ่งใหญ่ที่เขาอาจรวบรวมได้จากการเดินทางไปทั่วจักรวาลอันกว้างใหญ่ ไม่อาจเทียบได้กับคำแนะนำและพรเล็กน้อยของพี่ชายเจียง ดังนั้นการจากไปจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักสำหรับเขา
ในเวลาสิบปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงมากมายภายในอาณาจักรเทียนหยวน ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ปรากฏตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ยังคงไปยังฝั่งตะวันออกและตะวันตกเพื่อท้าทายบันไดสวรรค์ทั้งสองเพื่อการก้าวข้าม แต่โชคร้ายที่ไม่มีใครสามารถไปถึงยอดได้จนถึงตอนนี้
“ไร้ประโยชน์เกินไป” เจียงหมิงถอนหายใจ
“ไร้ประโยชน์หรือ” หลิงหลงเบ้ปาก “ลองดูความยากที่ท่านตั้งไว้สำหรับบันไดสวรรค์สิ เอาบันไดสวรรค์ที่ทดสอบจิตใจเป็นตัวอย่าง ท่านต้องอยู่ในระดับนักบุญเป็นอย่างน้อยเพื่อจะไปถึงยอด ทั้งโลกนี้มีกี่คนที่ไปถึงระดับนั้นเล่า แม้ว่าสภาพแวดล้อมการฝึกฝนของอาณาจักรเทียนหยวนของเรานั้นดีมากแล้ว แต่เวลาก็ยังน้อยเกินไป จากการประเมินของข้า มันคงจะดีมากถ้าท่านรับศิษย์ได้สักหนึ่งคนในเวลาหนึ่งพันปี”
“พันปีต่อคนหรือ” เจียงหมิงเกาหัว
“ไม่! บันไดสวรรค์มิใช่เพียงการทดสอบ แต่ยังเป็นการฝึกฝน หากบุคคลนั้นสามารถคว้าโชคลาภอันยิ่งใหญ่ที่ข้าทิ้งไว้ในบันไดสวรรค์ได้ มันจะไม่ยากเลย”
“มันไม่ได้ยากสำหรับท่านเพียงคนเดียวน่ะสิ” หลิงหลงกลอกตา
เจียงหมิงเหลือบมองแล้วไม่ได้ใส่ใจมันอีกต่อไป ด้วยจิตใจที่ไม่ถึงแม้แต่ระดับนักบุญ จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนผู้นั้นจะเข้าถึงเส้นทางแห่งเต๋า ดังนั้น เจียงหมิงจึงตัดสินใจเพิกเฉยต่อเรื่องที่หลิงหลงพูดถึง ท้ายที่สุด ด้วยฐานการบ่มเพาะปัจจุบันของเจียงหมิงที่อาณาจักรแห่งความโกลาหล อาวุธสูงสุดแห่งความโกลาหลทั้งสี่ที่เขาครอบครอง รวมถึงต้นไม้แห่งโลกที่เป็นอาวุธสูงสุดของเขา นับว่าเพียงพอสำหรับเขาที่จะล่องลอยไปในทะเลแห่งความโกลาหลอันกว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด อย่างน้อย เขาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพได้แล้ว
“ท่านพี่
“หืม”
“ผู้สืบทอดของข้ามีข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในดินแดนแห่งความโกลาหลในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า จะมีโชคลาภมากมายอยู่ภายในนั้น และข้าได้รับการขอร้องให้ไปที่นั่น”
“แล้วมีรายละเอียดอีกหรือไม่”
“ที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้ ท่านพี่ ข้าควรไปหรือไม่ นี่เป็นคำสั่งจากสำนัก ถ้าข้าไม่ไป ข้ากลัวว่าผู้สืบทอดของข้าจะลำบาก”
“เจ้ายังคงใส่ใจเกี่ยวเรื่องนั้นอยู่หรือ”
“ท่านคืนคนเดียวที่ข้าใส่ใจ”
“ฮ่าๆ แต่มันก็อีกร้อยปี มันยังเร็วไปที่จะคุยเรื่องนี้..”
“ก็ตามที่ท่านว่า ข้าจะเชื่อฟังท่าน”
“นั่นแหละถูกต้องแล้ว นี่คือสิ่งที่หมายถึงว่าเจ้าเป็นหัวหน้าฝ่ายภายในในขณะที่ข้าเป็นหัวหน้าฝ่ายภายนอก”
“ข้าว่าท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายภายในมากกว่านะเจ้าคะ”
“หือ เจ้าหมายถึงอย่างไรนะ”
“อืม ไม่ใช่ท่านหรือที่เข้ามาในส่วนภายในของข้าทุกวัน..”
พึ่บ! เจียงหมิงอดใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาสร้างอวตาร 10,000 ตัวขึ้นมาทันที เมื่อหลิงหลงเห็นดังนั้น เธออดไม่ได้ที่จะปิดปากหัวเราะ เธอก็สร้างอวตารขึ้นมาหลายตัวเช่นกัน และเรียกโคลนอีก 9 ตัวของเธอมาด้วย
ทันใดนั้น สงครามทำลายล้างก็ปะทุขึ้น ดวงดาวระเบิด หลุมดำยุบตัวลง ขณะที่ของเหลวอันร้ายแรงแห่งหยางบริสุทธิ์ก็พวยพุ่งออกมา ท่วมท้นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่…
สงครามอันยิ่งใหญ่นี้ดำเนินไปนานถึงหนึ่งศตวรรษ ในพื้นที่เล็กๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาก่อนที่จะสิ้นสุดลง
เมื่อออกมาจากพื้นที่ของเวลาที่ย้อนกลับ เจียงหมิงนอนลงอีกครั้ง เขาถูหลังของเขา ซึ่งค่อนข้างจะเริ่มเจ็บและอ่อนล้า
อย่างไรก็ตามเจียงหมิงยิ้ม มันเป็นเพราะหลิงหลงนั้นได้หมดแรงและหลับไปแล้ว
ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก แสงสว่างของมันได้ทาสีท้องฟ้าทั้งหมดเป็นสีแดงเข้ม
เจียงหมิงลุกขึ้นยืนและยืดเส้นยืดสาย เมื่อเขามองไปยังอีกด้านหนึ่งและเห็นอุปกรณ์ทำอาหารมากมาย เขายิ้มและทำอาหารให้ตัวเอง
เขาทำจนเป็นนิสัยไปแล้ว
ในเวลาอันสั้นเส้นแป้งเรียวยาวตัดด้วยมีดพร้อมเป็นก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ผัด บะหมี่เนื้อสับ และอื่นๆ… เมนูเส้นทั้งหมด 81 รายการปรากฏบนโต๊ะ
‘นี่แหละชีวิต!’ เจียงหมิงกินด้วยความพึงพอใจอย่างมาก
หลังจากนั้นเจียงหมิงก็เอนหลังลงบนเก้าอี้หวายขณะตบหน้าท้องเบาๆ และมองไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มัวๆ เขาถอนหายใจออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ และนึกถึงชีวิตในอดีตของเขาที่ผ่านมานานแล้ว
‘ข้ามาจากไหนกันแน่’ เจียงหมิงอดคิดไม่ได้
ชาติภพในอดีตที่เขาพูดถึงนั้นมีอยู่จริงหรือ หรือเป็นเพียงความฝัน เมื่อเขานึกถึงมันอย่างถี่ถ้วนบางครั้ง เขาก็จะรู้สึกสับสน
ในที่สุด เจียงหมิงก็ส่ายหัวและกดความคิดนั้นลงไป
‘อืม! ดินแดนแห่งความโกลาหลดึกดำบรรพ์ ข้าต้องไปที่นั่นสักวัน’
เจียงหมิงไม่ได้ถามหงฉานเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้า ด้วยความคิดในใจ เขาเดินเข้าไปในพื้นที่ฝึกฝนพิเศษภายในเจดีย์สูงสุดโดยตรง
พลังของเจียงหมิงพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และรากฐานการฝึกฝนของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก ดังนั้น เขาจึงคิดว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องหยุดพักการฝึกฝนของเขาเสียที ท้ายที่สุด แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ความสามารถพิเศษต่างๆ ของเขาก็ไม่สามารถตามทันและกลายเป็นจุดอ่อนแทน
ขณะนั่งสมาธิ เจียงหมิงก็กำลังคิดว่าเขาควรเริ่มจากตรงไหน
ทักษะการควบคุมภาชนะอนันต์นั้นมีศักยภาพไม่จำกัดและไม่สามารถทิ้งได้ ข้าไม่รู้ว่าข้าจะสามารถเรียนรู้มันได้ถึงระดับการควบคุมอาวุธแห่งความโกลาหลสูงสุดหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีทักษะการก้าวข้ามอนันต์ ข้าเคยคิดว่าข้าต้องรวมกายอดีต กายปัจจุบัน และกายอนาคตเข้าด้วยกันเพื่อพัฒนา แม้ว่านี่จะเป็นวิธีการพัฒนา แต่ก็จะเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อที่จะไปไกลกว่าสามร่างกาย อย่างไรก็ตาม...
ระหว่างสายน้ำแห่งความคิดต่างๆ ได้ไหลบ่าเข้าสู่จิตใจของเจียงหมิง นอกเหนือจากสองทักษะนี้แล้ว ทักษะอื่นที่เขามีคือทักษะกฏนิ้วอนันต์หวนคืน
ข้าต้องคิดค้นทักษะวิญญาณบริสุทธิ์และเทักษะกายภาพด้วย
นี่เป็นความตั้งใจสำหรับเจียงหมิงในขณะนี้ นั่นเพราะที่ผ่านมาเขาใช้เวลาส่วนใหญ่เน้นไปที่การบ่มเพาะพลังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจียงหมิงก้าวหน้าไปมากพอสมควรแล้ว ความสามารถพิเศษของเขาต้องการทักษะแห่งเต๋าที่สอดคล้องกัน เพื่อให้เขาสามารถดึงพลังที่แท้จริงของเขาออกมาได้ การควบคุมกฎของเขายังคงต่ำเกินไป และความสามารถพิเศษเพียงอย่างเดียวที่เขาได้คือกฎนิ้วอนันต์เท่านั้น
และข้าก็จะต้องหาวิธีที่ปรับปรุงพุทธโลกาของข้าให้ดียิ่งขึ้น..
เจียงหมิงปวดหัวเล็กน้อย ตามมาตรฐานแล้ว ระดับสูงสุดของโลกภายในคือหนึ่งหมื่นล้านจักรวาล แต่เจียงหมิงรู้ว่านี่ห่างไกลจากจุดสิ้นสุดมาก เมื่อต้นไม้โลกของเขากลืนต้นไม้แห่งความโกลาหลไป เขามีข้อสันนิษฐานแบบคร่าวอยู่แล้ว แต่เขายังไม่แน่ใจ เขาต้องหาการสิ่งยืนยันบางอย่าง
ถึงแม้เจียงหมิงจะรู้ว่ามีทางไปข้างหน้า แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขารู้สึกว่ามันยากที่จะผ่านมันไปให้ได้
‘เต๋าอันยิ่งใหญ่ไม่มีขอบเขต ข้าจะค้นหาอย่างช้าๆ’ เจียงหมิงกล่าวเบาๆ หลังจากนั้นเขาก็ปิดตาเพื่อเริ่มฝึกฝนตนเอง
ช่วงเวลาแห่งนิรันดร์ผ่านไปในพริบตา เจียงหมิงกลับมายังยอดเขาชูหยางอีกครั้ง มันเพิ่งผ่านไปแค่พริบตาตั้งแต่เขาทิ้งไป แต่ปราณของเขาเย็นชาขึ้นมากอีกครั้ง มันเย็นเหมือนน้ำแข็ง แข็งเหมือนหินจากกาลเวลาอันยาวนาน
อนิจจา การบ่มเพาะอันแสนนานทำให้เขาลืมความรู้สึกและตัวตนของตนเองได้อย่างง่ายดาย นี่จะนำไปสู่ความเย็นชาเมื่อบุคคลสูญเสียเป้าหมายในชีวิต และจะตกอยู่ในสภาพปีศาจหรือไม่ก๋กลายเป็นเต๋า
เจียงหมิงไม่ได้นอนลง แต่เขาก็เดินไปที่ครัวและเริ่มทำอาหารให้ตัวเอง
เครื่องดื่มและอาหารเป็นความอบอุ่นของโลกมนุษย์
หลังจากที่เจียงหมิงได้ทานอาหารและเครื่องดื่มอย่างเพียงพอ ร่วมกับการปรับตัวของตัวเอง เขาก็ตัดความทรงจำปลอมออกไปเป็นจำนวนมาก และปราณแห่งความเฉยชาของเขาก็หายไปเกือบหมด
หลังจากนั้น เจียงหมิง ก็ชงชาให้ตัวเองหนึ่งกา นอนพักผ่อนบนเก้าอี้หวายอย่างสบายอารมณ์ หลังจากจิบชา จิตใต้สำนึกของเขาก็เข้าสู่กลุ่มเต๋าที่ยิ่งใหญ่
เขามีความพร้อมที่จะตามหาหงฉานเพื่อสอบถามเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความโกลาหล รวมถึงวิธีที่จะทำให้โลกภายในของเขาพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น