ตอนที่แล้วบทที่ 154
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 156

(ฟรี) บทที่ 155 (ฟรี)


(ฟรี) บทที่ 155 (ฟรี)

คนรวยเรียกว่าอะไรนะ? ก็เศรษฐีใหม่ไง!

แล้วที่รวยกว่าเศรษฐีใหม่ล่ะ เรียกว่าอะไร?

ก็เศรษฐีเทพไง!

แล้ว...ถ้าเอาคำว่าเศรษฐีออกไปล่ะ?

ก็จะเหลือแค่คำว่าเทพอย่างเดียว ลองนึกดูเถอะว่าเทพจะรวยได้ถึงขนาดไหน?

นี่เป็นมุกตลกที่อู๋เทียนเคยอ่านเจอในชาติก่อน ตอนนั้นเขาก็แค่รู้สึกว่ามันน่าสนใจดี ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ถ้าเป็นเขาในตอนนี้ ก็สามารถตอบคำถามนี้ได้อย่างหมดจด!

เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของคนรวยหรือไม่รวยแล้ว แต่บริจาคทั้งมิติเนี่ยนะ? แถมฟังดูท่านเทพจะไม่ได้รู้สึกอะไร เหมือนกับบริจาคไปแค่ 10 หยวนยังไงยังงั้น

ถึงแม้ว่าจะอยากจะแซวสักสองสามประโยค แต่อู๋เทียนก็ต้องกลืนคำพูดลงไป เพราะจู่ๆท่านเทพเริ่มเล่าเรื่องต้นกำเนิดของ "นักสร้างสรรค์" เขาจึงตั้งใจฟังเงียบๆ

"ก่อนหน้านี้ เราเคยได้สัมผัสกับอาชีพนักสร้างสรรค์ ได้รับการฝึกฝนวิชากับจอมเวทย์ระดับตำนานคนหนึ่ง อาจารย์เป็นคนที่กระตือรือร้นและงดงาม ทำให้เราประทับใจในอาชีพนี้มาก" น้ำเสียงของเทพอมตะแผ่วเบาลงเล็กน้อย คล้ายกับกำลังรำลึกถึงอดีตอันแสนหวาน

"แต่ต่อมา ช่างน่าเศร้าที่เรามันโง่เง่าเกินไปในสายอาชีพนี้ เราเลยโดนเธอเฉดหัวออกมา" เทพอมตะหัวเราะเสียงดัง โดยปราศจากท่าทางสูงส่งแม้แต่น้อย คล้ายกับกำลังรำลึกตัวเองในอดีต

อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่อาจทราบอารมณ์ท่านเทพได้

นี่เป็นผลมาจากการที่เทพเก็บซ่อนรัศมีและกลิ่นอายของตัวเอง เพราะอู๋เทียน โอวหยางชิง จูหลิงและคนอื่นๆ ล้วนเป็นแค่มนุษย์ การได้เห็นใบหน้าและร่างที่แท้จริงของเทพโดยตรง อาจเป็นอันตรายอย่างยิ่ง!

ด้วยเหตุนี้ เทพอมตะจึงอยู่ในมิติบิดเบี้ยว ผู้ที่มองมาจึงเหมือนกำลังมองดอกไม้ในม่านหมอก คล้ายใกล้แต่ก็ห่างไกล

"ในด้านการสร้างโครงข่าย พรสวรรค์ของเจ้าแข็งแกร่งกว่าเรามาก" เทพอมตะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ตั้งใจฝึกฝนให้ดีล่ะ!"

"ครับ!" อู๋เทียนพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น แต่จริงๆ แล้วเขาค่อนเขินอยู่บ้าง ความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการ สร้างโครงข่ายล้วนมาจากแผนผังทักษะมรดก

เอาง่ายๆถ้าให้พูดถึงเรื่องโครงข่ายมนตรา อู๋เทียนย่อมรู้ดีทุกอย่าง แต่ถ้าพูดถึงภาพรวมของนักสร้างสรรค์ เขาเป็นแค่มือใหม่คนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ในเมืองสุ่ยเฉิงไม่มีนักสร้างสรรค์ ดังนั้นเขาเลยไม่สามารถถามข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการ สร้างโครงข่ายจากปากคนอื่นโดยตรงได้

"เอาล่ะ เรากับโอวหยางชิงยังมีเรื่องต้องคุยกันต่อ จูหลิง เจ้าพาเขาออกไปก่อนเถอะ" เทพเอ่ยขึ้นพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มเลือนราง บนใบหน้า

จูหลิงพยักหน้ารับคำ แล้วดึงแขนอู๋เทียนออกจากห้องไป

ที่หน้าประตู อาจารย์เลิ่งเห็นอู๋เทียนกับจูหลิงออกมา ดวงตาก็ทอแววด้วยความอยากรู้ "ผลเป็นยังไงบ้าง?"

"ท่านเทพบอกว่าไม่เลว" จูหลิงยิ้มอย่างมีเลศนัย

ดูเหมือนว่า คำว่า "ไม่เลว" นี้จะหมายถึงอะไรบางอย่าง อาจารย์เลิ่งถอนหายใจยาวด้วยความตื่นเต้น "เยี่ยมมาก!"

"นี่พวกอาจารย์กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่?" อู๋เทียนที่ถูกแยกออกจากวงสนทนาเอ่ยถามขึ้น

"ค่อยคุยกันระหว่างทาง" จูหลิงยิ้มอย่างลึกลับ

เมื่อเห็นดังนั้น อาจารย์เลิ่งก็จากไปอย่างรู้กาลเทศะ จูหลิงจึงดึงแขนอู๋เทียนเดินไปพลางอธิบายไปพลาง

การมาถึงของเทพในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสหนึ่งของโรงเรียนมัธยมปลายสุ่ยเฉิงที่ 1 เดิมที การแตกสลายของมิติย่อย และเรื่องที่ครูใหญ่กับอาจารย์หลายคนเสียชีวิต และกระทั่งจูหลิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส นั่นหมายความว่าสุ่ยเฉิงที่ 1 ไม่มีทรัพยากรในการฝึกฝนผู้ตื่นรู้แล้ว กระทั่งโรงเรียนก็อาจถูกยุบ

แต่บังเอิญที่เทพแห่งชีวิตผ่านมาที่จักรวาลนี้พอดี ด้วยความสัมพันธ์ที่มีกับโรงเรียนเก่า ท่านจึงมองมาที่จักรวาลนี้สองสามครั้ง และพบกับการเปลี่ยนแปลงของสุ่ยเฉิงที่ 1

หลังจากที่ท่านเทพปรากกฏกายอย่างทรงพลัง ก็แก้ปัญหาได้โดยตรง ชุบชีวิตโอวหยางชิงและอาจารย์อีกหลายคน ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเทพยังมอบสิ่งของบางอย่างให้ และนั่นเพียงพอที่จะชดเชยความสูญเสียของสุ่ยเฉิงที่ 1 แล้ว

ฟังดูอาจจะไม่ค่อยมีศีลธรรมเท่าไหร่ แต่นี่ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายของโอวหยางชิง ถ้าไม่มีมิติย่อย สุ่ยเฉิงที่ 1 อาจถูกยุบ ความพยายามนับไม่ถ้วนจะพังทลายลงในพริบตา

นี่เป็นโรงเรียนเก่าแก่ เมื่อนานมาแล้ว ในเมืองทั้งเมืองมีเพียงโรงเรียนแห่งนี้แห่งเดียว หลังจากการปรับปรุงใหม่ในยุคปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นโรงเรียนที่เก่าแก่ที่สุด จึงได้รับการขนานนามว่า "โรงเรียนมัธยมปลายสุ่ยเฉิงที่ 1" แต่ก็เป็นภาระที่ยิ่งใหญ่มากเช่นกัน พวกเขาไม่ต้องการให้สุ่ยเฉิงที่ 1 ต้องล่มสลาย หรือแม้แต่หายไป ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าที่จะขอรับบริจาคจากท่านเทพอมตะ

"โชคดีที่ ท่านเทพแห่งชีวิตใจกว้าง จึงตอบรับคำขอของเขา" จูหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"โอวหยางชิงก็ไม่ได้โง่ เขารู้ว่าการที่ท่านเทพมาชุบชีวิตตัวเอง หมายความว่าท่านเทพไม่ใช่คนใจดำอำมหิต" จูหลิงแอบแขวะโอวหยางชิง แล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้ม "ส่วนเรื่องที่คุยกับอาจารย์เลิ่งเมื่อกี้ จริงๆ ก็คือเหตุผลที่ให้พานายมา"

พูดจบจูหลิงก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า "คนที่ถูกเทพชมเชย จะเป็นพรสวรรค์ระดับสีม่วงได้ยังไงกัน นายต้องมีพรสวรรค์สีทองแน่ๆ!"

------

อู๋เทียนเบิกตากว้าง แสร้งทำหน้าตาย "พรสวรรค์ระดับสีทอง?"

จูหลิงเม้มปากยิ้ม แล้วพูดว่า "ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นหรอก พรสวรรค์ระดับสีทองถึงจะหายาก แต่ในประวัติศาสตร์ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี เทพองค์นั้นก็มาจากสุ่ยเฉิงที่ 1 แถมท่านยังเป็นแค่พรสวรรค์ระดับสีฟ้าเท่านั้นเอง"

"อารยธรรมแห่งกฎเป็นอารยธรรมระดับตำนาน เป็นยุคที่ทุกคนสามารถข้ามมิติได้ ทุกคนสามารถเป็นเทพได้ ทุกคนสามารถมีชีวิตอมตะได้ พรสวรรค์ระดับสีทองของนายถึงจะไม่เลว แต่มันก็เป็นแค่ศักยภาพ ยังไม่ได้หมายความว่านายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง!"

"ตัวอย่างเช่นดูหมัดฉันสิ อย่าดูถูกที่ฉันบาดเจ็บสาหัสอยู่ เพราะถ้าฉันต่อยทีเดียวนายก็ตายได้!" จูหลิงพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ ชูกำปั้นสีขาวขึ้นมาจ่อหน้าอู๋เทียน แม้จะเป็นท่าทางคุกคาม แต่ด้วยใบหน้างดงามและรอยยิ้มสดใส กลับทำให้เธอดูเหมือนเด็กสาวขี้เล่นเสียมากกว่า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด