ตอนที่แล้วบทที่ 16
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18

บทที่ 17


ฝนตกโปรยปรายในยามค่ำคืน

เม็ดฝนค่อยๆ โปรยลงมาจากท้องฟ้าชโลมผืนดินภายในเวลาอันรวดเร็ว ไอเย็นพัดพาละอองหมอกสีขาวให้ลอยฟุ้งอยู่กลางป่า ส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์เพิ่มพูนแก่สระน้ำและทุ่งนา สีเขียวเข้มขึ้นและพาใบอ่อนของต้นไม้ต่างๆ ให้ค่อยๆ ขยับแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาออกทีละนิด...

เมื่อฟ้าสาง ฝนก็หยุด แต่สภาพอากาศยังคงมืดครึ้ม

ซ่งซานเฉินอุ้มฟืนมาจากข้างนอกสองสามท่อนยัดเข้าไปในเตาเพื่อให้ไฟแรงขึ้น ในขณะที่ตบมือ "วันนี้เราจะกินอะไรเป็นอาหารเช้า"

หลังจากยุ่งอยู่เป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดกระทั่งถึงเมื่อคืนก็ว่างลงสักที อู่หลานนอนหลับอย่างสบายติดต่อกันหลายชั่วโมง สูดอากาศที่สดชื่นและรู้สึกมีความสุขมาก

"กินเกี๊ยวเถอะ ผักโขมเมื่อคืนสดมาก"

ผักโขมสีเขียวมรกตสับละเอียด ผสมกับหมูบดที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเม็ดเล็กน้อย ห่อด้วยผักกาดขาวนุ่มๆ แล้วราดด้วยน้ำจิ้มปรุงรสบางๆ รสชาติจากอาหารเมื่อวานยังติดปากอยู่จนถึงวันนี้

สดใหม่..

และอร่อยจนแทบจะกลืนลิ้นลงไป

ซ่งซานเฉินกินคนเดียวสองชามใหญ่ ขณะที่เฉียวเฉียวกินไปสามชามเล็กแล้วดื่มน้ำซุปปลาเก๋าไปครึ่งหม้อ "แม่ อร่อยจัง"

‘ระวังผู้ชายกินกันทีบ้านจะจน’ ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริง เมื่อคืนเพิ่งจะห่อเกี๊ยวไปไม่รู้กี่ตัว อู่หลานยังคิดว่าหากกินไม่หมดจะแช่แข็งไว้ในตู้เย็น แล้วค่อยนำมากินเป็นอาหารเช้าอีกรอบหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าช่วงนี้ทุกคนจะกินจุมาก กินหมดในมื้อเดียว

ยกเว้นซ่งถาน

สดก็จริง แต่ก็มีสิ่งเจือปนด้วย ซ่งถานกินไปเพียงหนึ่งชาม เพราะทนต่อความเหม็นจนอยากอาเจียนไม่ไหว ราวกับกินข้าวหอมมะลิผสมเม็ดทรายอย่างไรอย่างนั้น ทุกครั้งที่กินข้าวเธอมักสาบานกับตัวเองว่าจะต้องปลูกผักเลี้ยงสัตว์ทำอาหารกินเองให้ได้

อู่หลานมองดูรูปร่างผอมบางของเธอในตอนนี้และรู้สึกสงสัย "หนูทำงานข้างนอกจนกระเพาะอาหารเสียหรือเปล่าลูก ทำงานหนักทุกวันแต่ทำไมกินได้น้อยจัง"

ซ่งถานคิดในใจว่าเธอไม่ได้กระเพาะอาหารเสีย แต่ปากเสียต่างหาก

แต่ถ้าหากแม้กระทั่งกินผักยังต้องเลือกกินอีก แม่ของเธอก็คงกลอกตามองบนแล้วด่าเธอว่า ‘จะเลือกกินแต่ของดีๆ อะไรนักหนา เคยตัว’

ดังนั้นเธอจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ผักเมื่อวานอร่อยไหมแม่ หลังจากฝนตกแบบนี้ น่าจะอร่อยกว่าเดิมแน่ๆ เลย"

มันจะไม่อร่อยได้ยังไง!

ผักโขมเขียวๆ ที่มีก้านสีแดงหนึ่งกำ นำมาลวกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตามด้วยนำหมูมาสับให้ละเอียด และตอกไข่เป็ดลงไปตีคนให้เข้ากันกับหมูสับพร้อมผักโขม จากนั้นเติมเหล้าจีน เกลือ และผงชูรส ใช้กระชอนกรองบนกระทะ เทไข่ผ่านกระชอนให้เป็นเส้นๆ ปิดท้ายด้วยผัดหอมใหญ่และขิงซอย...

กรอบนุ่ม หอมสดชื่น จะไม่อร่อยได้ยังไง

ส่วนผักกาดขาวที่เตรียมไว้ก็นำมาลวก เติมเกลือคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำพริกไทยใส่ลงในน้ำมันไปผัดในกระทะค่อยๆ ผัดให้หอม แล้วปรุงรสด้วยซอสซีอิ๊ว ขิง กระเทียม น้ำตาลทราย น้ำมันเจียวพริกไทย พริกขี้หนูซอย ต้นหอม ใส่ลงไปทั้งหมด นำผักกาดขาวที่ลวกแล้วนี้ไปห่อกับหมูสับผักโขมจนกลายเป็นเกี๊ยวสวรรค์...รสชาติอร่อยเหาะ

ซู้ดปาก!

กรอบนุ่ม สดชื่น เผ็ดร้อน หอมอร่อย

ทานคู่กับน้ำซุปปลาเก๋าและไข่เจียว ครอบครัวสี่คนกินผักเมื่อวานจนหมดเกลี้ยง

ตอนนี้แค่คิดก็รู้สึกอยากกินจนทนไม่ไหว

ผักเมื่อวานอร่อยขนาดนี้ ผักวันนี้ที่ได้รับการกระตุ้นจากพลังจิตวิญญาณ คงจะอร่อยกว่าเดิมแน่ๆ เลย ซ่งถานคิดถึงธุรกิจครั้งแรกของตัวเอง "แม่ คิดว่าพรุ่งนี้เช้าหนูจะขายกิโลละเท่าไหร่ดี"

อย่าเพิ่งคิดว่าต้นเดือนมีนาคมเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิผักจะต้องขายออกดิบดี เพราะจริงๆ แล้วผักยังไม่งอกเลย ตอนนี้เป็นช่วงที่ผักเก่าหมดแล้ว ผักใหม่ก็ยังไม่ขึ้น

ผักกาดหอมมีรสขม ผักคะน้าและผักกวางตุ้งก็แก่แล้ว ผักกาดขาวก็ไม่หวาน ถ้าจะไปซูเปอร์มาร์เก็ต ผักในโรงเรือนไม่ว่าชนิดไหนก็ต้องมีราคาเริ่มต้นที่สิบหยวนขึ้นไป อู่หลานเป็นคนดูแลเรื่องต่างๆ ในบ้านอย่างชำนาญ แต่เรื่องขายผักนั้นไม่มีประสบการณ์ เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นก็สิบหยวนต่อกิโลกรัมเลยแล้วกัน"

ไม่มีเหตุผลอะไร แค่คิดว่าคิดเงินง่ายดี

ราคาเท่านี้สำหรับตลาดผักในปัจจุบันไม่แพงเลย แต่ถึงยังไงก็เป็นผักป่า อู่หลานรู้ดีว่าคนในเมืองชอบกิน แต่ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะขายดิบขายดี ประสบการณ์การใช้ชีวิตทำไร่ทำนามานานของเธอ ทำให้เธอเผลอไม่ใส่ใจเรื่องราคามาแต่ไหนแต่ไร

พูดง่ายๆ คือเธอไม่ค่อยมีหัวทางด้านธุรกิจเท่าใดนัก ดังนั้นสิบหยวนนี้จึงพูดได้อย่างไม่เต็มปาก

ซ่งถานคิดดู..สิบหยวนก็คงใช้ได้มั้ง

ผักป่ากินไม่นาน ดูจากที่เป็นกำใหญ่ๆ พอลวกน้ำก็เหลือเป็นก้อนเล็กๆ เธอเชื่อว่าคุณภาพที่ได้รับการบำรุงด้วยพลังจิตวิญญาณนั้นดีอย่างแน่นอน แต่ครั้งแรกที่ทำธุรกิจ ต้องให้ทุกคนได้ลิ้มรสก่อนแล้วค่อยพูดปากต่อปากกันในภายหลัง

"ตกลง สิบหยวน! "

ซ่งซานเฉินจึงปรึกษากันว่า "ผักโขมปีนี้ดีจริงๆ ถ้าอย่างนั้นอีกสักสองสามวันเราเร่งเพาะเชื้อเห็ดกันเลยไหม" เขาบอกซ่งถานว่า งานนี้ไม่ต้องรีบมาก จ้างคุณลุงคุณป้าในหมู่บ้านมาทำก็ได้ "ถึงพวกเขาจะอายุมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้ขี้เกียจสันหลังยาว เพราะฉะนั้นถ้าจะช้าไปบ้างก็อย่าเพิ่งรังเกียจพวกเขาเลยถานถาน...... ตอนนี้หมู่บ้านของเรามีเหลืออยู่แค่ไม่กี่หลัง พวกเขาอายุมากแล้ววันๆ ก็ไม่มีคนจ้างงานอะไรหรอก นั่งอยู่เฉยๆ ทุกวันก็คือเหม่อลอยซึมๆ มีแต่หลับนอนฆ่าเวลา ดูแล้วก็เศร้า"

"เรียกมาได้ไหม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินค่าจ้างหรอก ทำไปช้าๆ ทีละนิด ทำเสร็จแล้วเราค่อยซื้อเนื้อตอบแทนให้เขาถือกลับบ้านไป มีอะไรก็ช่วยกันทำงาน… ว่ายังไง"

ได้สิ

ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ซ่งถานตอบตกลงทันที

อย่างแรกคือตอนนี้เห็ดหูหนูและเห็ดหูขาวยังไม่ต้องรีบ เธอยังไม่ได้ขึงตาข่ายด้านนอกให้เรียบร้อยเลย

อย่างที่สองคือเป็นคนในหมู่บ้าน หาใครมาทำก็ได้ไม่ใช่เหรอ ปู่ย่าของเธอในช่วงสองสามปีนี้ก็ยิ่งซึมเศร้า มีอะไรให้ทำก็ดีกว่าเหม่อลอย

ซ่งถานมองไปที่บ้านของตัวเองที่มีทั้งรถมอเตอร์ไซค์และแปลงดอกไม้ "บ้านเราสนามเล็กไปหน่อยนะ"

การเพาะเชื้อเห็ดต้องนำเชื้อส่วนนั้นใส่เข้าไปในรูเล็กๆ ที่เจาะไว้ล่วงหน้าบนลำต้นของต้นเกาลัด ต้นไม้บางต้นก็ยาวและหนัก ก็น่าจะพอวางเรียงๆ กันที่สนามได้ แต่การเดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่สะดวกนัก

เห็ดหูหนู เห็ดหูหนูขาว

ซ่งซานเฉินคิดครู่หนึ่ง "เดี๋ยวพ่อจะไปบอกคุณปู่ เอาไว้ที่ลานบ้านเขา ที่นั่นกว้างขวาง ส่วนคุณย่าก็ให้รับผิดชอบการทำอาหารไปและให้แม่ไปช่วยดูแลส่วนนั้น... ผู้สูงอายุในหมู่บ้านมีแค่แปดเก้าคน กินไม่เยอะ ครอบครัวเราเอาข้าวสาร ผัก ผลไม้ไปก็พอแล้ว"

คนทั้งสี่จัดการเรื่องต่างๆ (เฉียวเฉียวรับผิดชอบฮึมฮัมเพลงไปเรื่อย) เมื่อรู้สึกว่าจัดการทุกอย่างลงตัวแล้ว ซ่งถานเห็นว่าใกล้จะเก้าโมงจึงรีบเรียกเฉียวเฉียว

"ไป เอาตะกร้าใบใหญ่ไปขุดผักกาดกัน"

เธอจะไปดูด้วยว่าเมื่อวานนี้พลังจิตวิญญาณของผักกาดขาวขึ้นมามากแค่ไหนแล้ว

เมื่อทั้งคู่ปีนขึ้นเนินเขาอย่างชำนาญจนกระทั่งถึงจุดหมาย เฉียวเฉียวตกใจจนพูดไม่ออก

เขาอ้าปาก "(⊙o⊙) ว้าว! "

ต้นผักป่าขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ล้อมเนินเขาเป็นทุ่งสีเขียวขจีจนแน่นขนัดตาไปหมด มันหนาเป็นแพราวกับเส้นผมเป็นชั้นๆ ครอบคลุมพื้นที่ขอบเนินเขาป่าทั้งหมด

"พี่สาว เขียวจังเลย! "

เมื่อวานนี้เพิ่งจะได้ผักโขมกลับไปหนึ่งจาน แต่ตอนนี้ดูท่าจะได้ต้นมะระขี้นกกลับไปแทนเสียแล้ว มันแข่งกันโผล่ใบสีเขียวก้านเขียวก้านแดงเบียดกันเต็มไปหมด คงกลัวว่าคนจะดึงออกไม่ได้ในครั้งเดียว

ยิ่งผักกาดขาว... ไม่ต้องพูดถึงเลย ขึ้นหนาแน่นในซอกหิน ใบอ่อนราวกับหยดน้ำ

ยังไม่ทันได้ตัดสินใจเก็บผักกาดขาวใส่ตะกร้า ซ่งถานก็ได้กลิ่นหอมของหญ้าอ่อนที่หอมสดเป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับหญ้าอ่อนของป่าหุบเขาข้างๆ แล้ว ช่างมีความแตกต่างกันเหลือเกิน

จริงๆ แล้วซ่งถานคิดไว้อยู่ก่อนและมั่นใจมากว่าผลลัพท์จะเป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้ยังคงมึนงง เพราะมัวแต่ต้องพาเฉียวเฉียวขุดผักกาดขาวให้ครบหนึ่งตะกร้าเสียก่อน

ตอนกำลังกลับเธอก็ไม่ได้ลืมที่ต้องแวะริมสระน้ำ

ดีมาก!

ผักกาดน้ำและผักโขมฝรั่งขึ้นหนาแน่นเป็นหย่อมๆ ครอบครองพื้นที่ราวกับฉีดยาเร่งเจริญเติบโตทวีคูณ จนมองไม่เห็นพื้นดินและผิวน้ำที่ริมสระ

เธอระงับความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ

ตอนนี้ผักเหล่านี้ตอบสนองกับลมปราณเธอมากเกินไปแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด