บทที่ 145 ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว
เมื่อได้ฟังวาจาของหลินหานคง ผู้อาวุโสเหอก็แอบมีความสุข เขาว่าใบหน้ายังคงสงบเรียบเฉย แล้วแสร้งถามด้วยความประหลาดใจ
“กีดกันมิให้เขาออกจากเกาะชิงอวิ๋นงั้นรึ แล้วต้องทำเช่นไรดี?”
หลินหานคงยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโสเหอ ไยท่านต้องถามกลับด้วยเล่าในเมื่อตัวท่านนั้นรู้ดีอยู่แล้ว? หลังจบเรื่องนี้ศิษย์พี่จินหมินย่อมไม่มีทางลืมน้ำใจของท่านอย่างแน่นอน”
ผู้อาวุโสเหอแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย แล้วกล่าวเรากำลังครุ่นคิด
“ข้าได้ยินมาว่า หลัวเฉิงผู้นี้เป็นคนที่อวิ๋นเหมิงลี่แนะนำให้เข้าร่วมสำนัก ข้าไม่รู้ว่าทั้งสองนั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ไหน”
อวิ๋นเหมิงลี่และจินหมินต่างก็เป็นศิษย์หลัก แต่หากว่าอวิ๋นเหมิงลี่ชนะในการดวลครั้งนี้ สถานะของทั้งสองจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เรื่องบางเรื่องควรพึงระวังไว้จะดีกว่า
“ที่แท้ ผู้อาวุโสเหอก็กังวลในเรื่องนี้นั่นเอง”
หลินหานคงยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย หลัวเฉิงและศิษย์มาจากเมืองฉีซานเช่นเดียวกัน ศิษย์ย่อมรู้ภูมิหลังเขาเป็นอย่างดี”
“แม้เขาจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลจีก็ตาม แต่อย่างไรเขาก็เป็นคนชั่วที่ถูกตระกูลจีทอดทิ้ง อวิ๋นเหมิงลี่เพียงพบเขาโดยบังเอิญเท่านั้น บางทีนางอาจรู้สึกสงสารจึงได้มอบป้ายหยกประจำตัวให้ ผู้อาวุโสจึงไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้นเลย”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้อาวุโสเหอก็ตาประกายสว่างขึ้นแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้ว”
หลินหานคงยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นแล้ว ศิษย์จะรอฟังข่าวดี!”
หลังจากกล่าวอย่างนั้น หลินหานคงและคนอื่นๆ ก็หันหลังและจากไปทันที
เมื่อเห็นหลินหานคงและคนอื่นๆ เดินจากไป ผู้อาวุโสเหอก็ยกมือขึ้นลูบเคราเคล้ารอยยิ้มน้อยๆ
“กวีโบราณนั้นล้วนแฝงด้วยความจริง ว่าจะมีใครบางคนให้หมอนแก่เจ้าเมื่อเจ้ารู้สึกง่วง! ตอนนี้ต่อให้หลัวเฉิงต้องตายบนเกาะชิงอวิ๋น ข้าก็จะไม่มีทางถูกตำหนิแต่อย่างใด”
หลินจินไท่เปิดปากเอยถามทันที “ผู้อาวุโส เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดี?”
ผู้อาวุโสเหอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวเสียงเยือกเย็น “เกาะชิงอวิ๋นนั้นกว้างใหญ่ มีแผนเผื่อไว้ย่อมดีกว่าหากเจ้าไม่อาจหาเขาพบ จงเผยแพร่ข่าวนี้อย่างลับๆ หากผู้ใดสามารถสังหารหลัวเฉิงได้จะกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกทันที!!”
หลินจินไท่สะดุ้งเฮือกไปครู่แล้วยิ้มอำมหิต
“ผู้อาวุโสปราดเปรื่องนัก! หากข่าวนี้ถูกแพร่กระจายออกไป ต่อให้หลัวเฉิงผู้นี้จะมีปีก ก็มิอาจบินหนีออกจากเกาะชิงอวิ๋นได้แน่นอน!”
ด้วยครั้งนี้ มีศิษย์บำรุงสำนักหลายพันคนที่ลงทะเบียนการทดสอบชิงอวิ๋น แต่มีเพียงสิบอันดับแรกเท่านั้นที่สามารถเลื่อนระดับเป็นศิษย์ฝ่ายนอกได้!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การฆ่าหลัวเฉิงนั้น ง่ายกว่าการเป็นสิบอันดับแรกเสียอีก!
ไม่ต้องจินตนาการให้ปวดหัวเลยว่า หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ศิษย์บำรุงสำนักที่เข้าร่วมครั้งนี้จะมีปฏิกิริยาเช่นไร!
เกรงว่าทุกคนคงจะพากันพลิกแผ่นดินหาหลัวเฉิงแล้วสังหารทิ้งเสีย!
ไม่ต้องกล่าวถึงคนไร้ค่าเยี่ยงหลัวเฉิงเลย ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้า ก็มิอาจเอาชีวิตรอดออกมาได้!
“ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้จินหมิน จึงถูกชิงชังได้มากถึงปานนี้ แต่อย่างไรมันก็ดีต่อข้าเช่นกัน”
ผู้อาวุโสเหอแสดงรอยยิ้มเบิกบานสำราญใจ
เนื่องจากการสังหารหลัวเฉิงเพียงคนเดียว ก็เท่ากับว่าเขากำจัดเสี้ยนหนามออกไปหนึ่งทั้งยังมีบุญคุณต่อจินหมินอีกด้วย นี่มันเป็นการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวชัดๆ!
อีกด้านหนึ่ง
ฉินหยวนเฟิงกำลังไปเยี่ยมเยียนฉินต้าวหยวน
“ท่านลุง ข้าได้ยินมาว่าหลัวเฉิงลงทะเบียนการทดสอบชิงอวิ๋นในวันพรุ่งนี้” หลังสนทนาถามไถ่กันอยู่ครู่ จู่ๆ ฉินหยวนเฟิงก็เผยความตั้งใจแรกเริ่มในทันที
ฉินต้าวหยวนจิบชาแล้วตวาดด้วยรอยยิ้ม “ข้านึกไว้แล้วว่า ไหนเลยหลานชายตัวดีจึงอยากมาเยี่ยมเยียนข้าเช่นนี้! เจ้านั่นมันก็แค่คนไร้ค่า ไฉนเจ้าถึงเป็นกังวลนัก”
“เจ้าเด็กสาระเลวนั่นยั่วโมโหข้าอยู่หลายครั้งหลายครา! ขนาดท่านลุงมันยังไม่ให้ความเกรงใจแม้แต่น้อย ไยท่านจึงยังนิ่งดูดายไร้ความเคียดแค้นเช่นนี้!”
ดวงตาของฉินหยวนเฟิงประกายแสงเย็นชา
ถ้าเขาไม่กลัวอวิ๋นเหมิงลี่ คงจะไปที่ดอยจื่ออวิ๋นเพื่อสั่งสอนหลัวเฉิงด้วยตัวเองให้หายแค้นใจไปแล้ว
แต่เมื่อมีฉินต้าวหยวนอยู่ที่นี่ด้วย ต่อให้เขาจะสับร่างหลัวเฉิงเป็นชิ้นๆ ก็หามีผู้ใดเอาผิดเขาได้ไม่
ฉินต้าวหยวนแย้มยิ้มน้อยๆ “เขาก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง มันไม่ยากเลยที่จะสังหารทิ้ง ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว ข้าสั่งศิษย์สองคนที่เป็นตัวเก็งของการทดสอบแล้ว นั่นคือฟางรุ่ยและเฉาชิง! พวกเขาทั้งคู่อยู่ในระดับที่ห้าของ ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ตราบใดที่พวกเขาพบกับหลัวเฉิงก็แค่สังหารทิ้งซะ”
น้ำเสียงฉินต้าวหยวนสงบประหนึ่งผืนน้ำนิ่ง คล้ายดั่งว่าการสังหารหลัวเฉิงนั้นเป็นเพียงการปัดฝุ่นจากแขนเสื้อเท่านั้น
ฉินต้าวหยวนมองยังฉินหยวนเฟิงแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เรื่องนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ทว่าสิ่งสำคัญในตอนนี้คือเจ้าต้องรีบฝึกฝน ข้าเกรงว่าอีกไม่นานเจ้าก็คงจะทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าแล้วเป็นแน่”
ฉินหยวนเฟิงยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างลำพอง “อาจจะเป็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เองท่านลุง”
ฉินต้าวหยวนยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ประเสริฐ เช่นนั้นก็จงรีบทะลวงเข้าสู่ขั้นเขตแดนลึกลับให้เร็วที่สุด! ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าตอนนี้ ในอนาคตคงต้องกลายเป็นหนึ่งในสิบอันดับศิษย์ฝ่ายนอกแน่นอน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินหยวนเฟิงก็วาวโรจน์ทันที
สิบอันดับแรกของศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักซวนหยวน ถือเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในอาณาจักรต้าเยว่!