ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1229 โลกที่แตกสลาย (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1229 โลกที่แตกสลาย (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
เศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายอยู่ในอวกาศ พวกมันมีขนาดที่แตกต่างกัน หินบางก้อนใหญ่โตเท่ากับเทือกเขาที่ทอดตัวยาวนับหมื่นกิโลเมตร มันกระทั่งดูคล้ายโลกใบเล็กใบหนึ่ง ขณะที่หินก้อนเล็กบางก้อนมีขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น
คิ้วของหลี่ฉิงซานขมวดแน่น พวกเขาไม่เคยพบสิ่งนี้เมื่อพวกเขาเดินทางข้ามอวกาศในครั้งแรก บางทีคุนเผิงอาจต้องบินอ้อมพวกมัน แต่เส้นทางที่เขาคำนวณก็ตัดผ่านสถานที่แห่งนี้พอดี
“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าไม่ได้คำนวณพลาด”
“แน่ใจ” หลี่ฉิงซานกล่าว
“ดูให้ดี มีดาวดวงหนึ่งหายไป” เทพราหูเสี่ยวหมิงกล่าว
หลี่ฉิงซานปิดเปลือกตาลงก่อนจะเปิดขึ้นอีกครั้ง “มีดาวหายไปดวงหนึ่งจริงๆ!”
“มันเป็นเพียงโลกที่ถูกทำลาย แค่นั้น” เทพราหูเสี่ยวหมิงกล่าวอย่างแผ่วเบา
เขาชำเลืองมองมือของตนเองอีกครั้งขณะที่ใบหน้าของเขาจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“สิ่งใดทำลายมัน?”
หัวใจของหลี่ฉิงซานรู้สึกเย็นเยียบ ขณะที่เขามองไปยังดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้นอย่างระมัดระวังราวกับมีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ที่นั่น
“อย่ากังวล อาจเป็นความเสื่อมถอยตามธรรมชาติ” เทพราหูเสี่ยวหมิงจับคางและสังเกต
“ความเสื่อมถอยตามธรรมชาติ?” หลี่ฉิงซานพึมพำ
โลกทั้งสองใบที่หลี่ฉิงซานเคยไปมีขนาดแตกต่างกัน แต่ทั้งสองโลกดูเหมือนสามารถคงอยู่ตลอดไป เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เห็นการล่มสลายของโลกด้วยตัวเอง
“ทุกสิ่งต้องผ่านการเกิด เติบโต เสื่อมถอย และดับสูญ แม้แต่โลกก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ตลอดไป มีดวงดาวร่วงหล่นลงมาทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป ไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาเหตุผล”
“เดิมทีดาวดวงนี้อยู่ไกลจากที่นี่มาก” หลี่ฉิงซานขมวดคิ้วด้วยความสับสน
“มันเป็นเพราะเหตุนั้นจริงๆ ความตายของโลกไม่ใช่การระเบิดอย่างกะทันหันแต่เป็นเหมือนสิ่งอื่นๆที่ค่อยๆสูญสลาย บ่อยครั้งมันก็ใช้เวลานานมาก และมันก็ไม่ได้ถอนสมออยู่ในอวกาศ พลังอำนาจของการระเบิดจะแผ่พุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันจะถูกผลักไปที่ใด”
“เข้าใจแล้ว”
หลี่ฉิงซานถอนหายใจ นี่อาจอธิบายได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่แท้จริงแล้วมันไม่ถือเป็นเรื่องบังเอิญในการเดินทางอันยาวนานผ่านพื้นที่อันกว้างใหญ่เช่นนี้
เมื่อมองศพขนาดมหึมานี้ เขาค้นพบว่ามันไม่ได้อยู่นิ่งแต่เคลื่อนที่อย่างช้าๆ ผู้ใดจะรู้ว่าท้ายที่สุดมันจะไปหยุดอยู่ที่ใด
ลมบรรยากาศพัดผ่านดาวเคราะห์น้อยราวกับลมหายใจสุดท้ายของโลก ความแรงของมันไม่คงที่เหมือนดวงวิญญาณที่ยังไม่ยอมแยกย้ายกันไปซึ่งทำให้ทุกอย่างดูสับสนวุ่นวาย
ดาวเคราะห์น้อยจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านบริเวณโดยรอบ แม้แต่การโจมตีของผู้ฝึกตนแก่นวิญญาณก็อาจไม่ใช่คู่แข่งของพวกมัน ท้ายที่สุดนี่ก็คือพลังอำนาจที่ตกค้างของโลกใบหนึ่ง
“ดูเหมือนเราจะต้องเลี่ยง”
กู่เยี่ยนหยินถาม “แต่ฉิงซาน เมื่อเราออกนอกเส้นทาง เจ้าจะยังหาเส้นทางที่ถูกต้องได้หรือไม่ ทางอ้อมอาจไกลนับร้อยล้านกิโลเมตร”
เห็นได้ชัดว่าโลกที่ตายแล้วไม่ใช่โลกใบเล็กเนื่องจากเศษซากของมันกระจัดกระจายออกไปในวงกว้าง
“นั่นเป็นเรื่องที่พูดได้ยาก”
หลี่ฉิงซานส่ายศีรษะเล็กน้อย เขาใช้ดวงดาวในการค้นหาเส้นทาง แต่การออกนอกเส้นทางที่ไม่รู้จักอาจทำให้ความพยายามก่อนหน้าทั้งหมดสูญเปล่า ไม่มีเครื่องหมายที่ชัดเจนในอวกาศ และดวงดาวก็ดูคล้ายกันหมด บางทีพวกเขาอาจไม่พบเส้นทางที่ถูกต้องอีกเลยและหลงทางอยู่ในห้วงอวกาศอย่างสมบูรณ์
“ข้าสามารถย่อขนาดและทดลองบินผ่านไป” กู่เยี่ยนหยินกล่าว
“เจ้าคิดอย่างไร เสี่ยวหมิง” หลี่ฉิงซานถาม
“ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องออกจากพื้นที่บริเวณนี้โดยเร็วที่สุด” เทพราหูเสี่ยวหมิงกล่าวอย่างจริงจัง
“เพราะเหตุใด?”
“จะดีที่สุดหากเจ้าไม่รู้” เทพราหูเสี่ยวหมิงเผยรอยยิ้มเย็น
“เช่นนั้นก็ข้ามมันไป!”
กู่เยี่ยนหยินสูดหายใจลึก คุนเผิงค่อยๆหดตัวลงจนปีกของมันมีความกว้างเพียงสามพันเมตร มันยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาสำหรับโลกใบหนึ่ง แต่มันไร้นัยสำคัญในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลขณะที่มันบินผ่านหินอุกกาบาต
นางควบคุมพลังของคุนเผิงและต่อต้านแรงดึงดูดจากดาวเคราะห์น้อยที่อยู่รอบๆ ขณะเดียวกันนางก็ต้องทำลายเศษหินที่พุ่งเข้ามา และนั่นยังไม่ใช่ส่วนที่อันตรายที่สุด เศษชิ้นส่วนที่แตกสลายของโลกเหมือนเศษแก้วที่แตกละเอียด แม้แต่คุนเผิงก็ยังต้องดิ้นรนหลบเลี่ยงพวกมันซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเร็วในการบิน
เทพราหูเสี่ยวหมิงยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นแต่เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาเพียงมองไปรอบๆ
เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ภูเขาที่ทอดตัวยาวนับหมื่นกิโลเมตร หลี่ฉิงซานก็ปิดเปลือกตาและเอื้อมมือออกไป แต่เขาไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของปฐพี อาจเป็นเพราะมันเล็กเกินไป ดังนั้นมันจึงไม่สาามารถนับเป็นแผ่นดินของโลก
อย่างไรก็ตามเขายังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของปฐพีได้อย่างชัดเจน และมันก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนเกือบจะเหมือนกับการเรียกหา นั่นทำให้เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก สิ่งใดกำลังรอเขาอยู่ข้างหน้า
“ดูนั่น!”
กู่เยี่ยนหยินทำลายความเงียบ หลี่ฉิงซานกับเทพราหูเสี่ยวหมิงมองไปยังทิศทางที่นางชี้นำและเห็นสิ่งปลูกสร้างบางอย่างที่อยู่ด้านข้างภูเขา สถาปัตยกรรมของมันแตกต่างจากโลกของเก้ามณฑลมาก และมันก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่พวกเขายังสามารถมองเห็นความรุ่งโรจน์ในอดีตของมัน
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาสามารถสร้างได้อย่างแน่นอน มันต้องเป็นกองกำลังใหญ่”
หลี่ฉิงซานค่อนข้างประหลาดใจ
“ใช่ มันยังมีกระทั่งค่ายกลป้องกัน ดูเหมือนมันจะถูกลาวากลืนกินไปแล้ว หือ มีคนอยู่ตรงนั้น! โอ้ มันเป็นเพียงรูปปั้นหิน”
กู่เยี่ยนหยินมองเห็นร่างที่ยืนอยู่บนยอดเขา เพียงเมื่อนางบินเข้าไปใกล้ นางจึงรู้ว่ามันเป็นรูปปั้นหิน
“นั่นไม่ใช่รูปปั้นหิน นางเปลี่ยนตัวเองเป็นหินเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์ ฮืม ช่างโง่เขลานัก หากเจ้าฆ่าตัวตายเร็วกว่านี้อีกเล็กน้อย เจ้าอาจยังมีโอกาสกลับเข้าสู่วัฏสงสาร”
เทพราหูเสี่ยวหมิงเย้ยหยัน เมื่อโลกเสื่อมถอยถึงระดับหนึ่ง ความเชื่อมโยงกับวัฏสงสารทั้งหกก็จะขาดลง แต่คนทั่วไปไม่รู้เรื่องนี้
หลี่ฉิงซานกับกู่เยี่ยนหยินสามารถมองเห็นความสิ้นหวังบนใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย แต่ด้วยการเปลี่ยนตัวเองเป็นหินงั้นหรือ
กู่เยี่ยนหยินกล่าว “บางทีนางอาจกำลังรอบางคนอยู่เช่นกัน”
หลี่ฉิงซานมองไปที่ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแต่ไม่กล่าวสิ่งใด
กู่เยี่ยนหยินกล่าว “ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร แต่โลกของเก้ามณฑลจะไม่ถูกทำลายโดยง่าย ขนาดของโลกใบนี้ดูเหมือนจะไม่เล็กไปกว่าโลกของเก้ามณฑล เจ้าคิดว่าจะมีสมบัติเหลืออยู่บ้างหรือไม่?” หลี่ฉิงซานรู้สึกถึงการเรียกหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ด้วยการล่มสลายของโลก ปราณจิตวิญญาณธรรมชาติทั้งหมดจะสลายไป ทุกสิ่งที่อาศัยมันจะถูกทำลายในที่สุด”
ภาพในอดีตปรากฏขึ้นในหัวของเทพราหูเสี่ยวหมิงอีกครั้ง บนพื้นสีแดงเลือด เด็กคนหนึ่งถือไม้หนังสติ๊กและล่าดวงดาวภายใต้คำแนะนำของผู้เป็นมารดา