ตอนที่ 4 : ปริญญา
ซูฮั่นหยวนยิ้มและหยิบหนังสือสองสามเล่มออกมาจากกระเป๋าเดินทางของเธอ เธอวางพวกมันไว้บนโต๊ะแล้วพูดว่า “ดูสิ ฉันเองก็วางแผนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเย่เหมือนกัน”
เธอเตรียมพร้อมแล้วทันทีที่ออกจากบ้านของครอบครัวพร้อมกระเป๋าเดินทาง บ้านที่วุ่นวายมีแต่เรื่องปวดหัวจะสงบสุขกว่าอยู่หอพักโรงงานได้อย่างไร?
“เธอวางแผนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเย่ด้วยเหรอ?” จู้หลินรู้สึกประหลาดใจ "ทำไมล่ะ?"
จู้หลินนึกย้อนกลับไป ตอนนั้นเธอต้องการเข้ามหาวิทยาลัยด้วยความเคียดแค้นล้วน ๆ
เธอกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่คบมาสามปี แต่เขากลับเปลี่ยนใจกลางคันและไปคบหากับนักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว
พูดตรง ๆ การที่เขาชอบอีกฝ่ายเป็นเพราะคุณวุฒิการศึกษาระดับสูงและอนาคตที่สดใสกว่าของอีกฝ่าย
แม้ว่าคุณวุฒิการศึกษาของเธอจะไม่แย่ แต่จะเปรียบเทียบกับผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติได้อย่างไร? ทันทีที่หญิงสาวคนนั้นเรียนจบหล่อนก็ได้ไปทำงานในหน่วยงานของรัฐ อนาคตที่รุ่งโรจน์ของหล่อนไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถเปรียบเทียบได้
ด้วยความคับแค้นใจ จู้หลินจึงตั้งใจที่จะเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนั้นด้วย
ปริญญาของมหาวิทยาลัยเย่ได้รับการยอมรับทั่วประเทศ หากเธอสำเร็จการศึกษาจากที่นั่น เธอก็ถือว่าได้เรียบจบจนได้รับปริญญาเช่นกัน นอกจากนี้เธอยังสวยกว่าผู้หญิงคนนั้นอีกด้วย เมื่อถึงเวลา เธอก็จะไปแสดงประกาศนียบัตรให้กับชายผู้ไร้หัวใจคนนั้น ได้เห็นและทำให้เขาเสียใจ!
“ก็เพื่อ…” ซูฮั่นหยวนกระพริบตาสองครั้งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง “…อนาคตของฉันเองน่ะสิ”
เธอได้ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายในยุคแปดสิบ หลินจื่อซิว ตัวเอกหญิงของนิยายเรื่องนี้รู้วิธีปรุงอาหารรสเลิศ จึงอาศัยการขายอาหารแผงลอยริมถนนเพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต
ส่วนเธอน่ะหรือ ก็ทำอาหารไม่เป็นเลยน่ะสิ!
เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวตั้งแต่เด็ก มือของเธอไม่เคยสัมผัสสิ่งสกปรก แล้วเธอจะรู้วิธีทำอาหารได้อย่างไร?
การเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ในเมืองนี้ในยุค 80 เป็นเรื่องยาก แม้ว่าจะสามารถเปิดได้ แต่เธอไม่มีทักษะในการทำอาหารหรือการขายแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ในทศวรรษนี้ยังคงเป็นเศรษฐกิจแบบที่ต้องมีการวางแผน ประเทศกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการการค้าที่มีศักยภาพ ตัวอย่างเช่น เมืองฮั่นชอบบะหมี่มากกว่าข้าว ในขณะที่เมืองเจียงชอบข้าวมากกว่าบะหมี่ ด้วยการขายบะหมี่จากเมืองฮั่นไปยังเมืองเจียง ใคร ๆ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากส่วนต่างของราคาได้ นั่นคงจะแย่มากสำหรับเศรษฐกิจเพราะใครๆ ก็เล่นกลไกราคาตลาดหมด
ดังนั้นการทำธุรกิจจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
เดิมพันสูงแต่อาจไม่ได้อะไรกลับมาเลย หากใครไม่กลัวก็สามารถมีส่วนร่วมในการทำธุรกิจดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้สำหรับซูฮั่นหยวน กับครอบครัวชนชั้นแรงงานเช่นเธอ หากถูกจับได้ ไม่เพียงจะต้องทนทุกข์ทรมานเท่านั้น แต่ยังจะพาดพิงถึงผู้อื่นด้วย
มีทางเดียวเท่านั้น นั่นคือต้องสอบและได้ปริญญามา!
นอกจากนี้ในอีก 30 ปีข้างหน้า ประเทศจะยิ่งใส่ใจเรื่องอนุปริญญาและประกาศนียบัตรมากขึ้น ในอนาคตการสอบจะเป็นวิชาบังคับ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่เธอจะได้รับปริญญา!
อีกอย่างคือในโลกแห่งความเป็นจริงเธอยังเรียนเก่งอีกด้วย เธอน่าจะสอบผ่านในทศวรรษนี้ได้
“อนาคต?” จู้หลินรีบถาม “อนาคตอะไร? งานปัจจุบันของเราไม่ดีอยู่แล้วเหรอ? หลายคนถึงกับอิจฉาพวกเราเลยนะ อนาคตก็จะไม่เหมือนเดิมเหรอ”
“ไม่!” ซูฮั่นหยวนหันกลับไปมองหญิงสาว “ดูสิว่าประเทศนี้ให้ความสำคัญกับพวกนักวิชาการมากแค่ไหน พวกเขากำลังให้สัญญาณแก่พวกเราแล้ว อนาคตจะเป็นยุคแห่งความรู้! คนที่จบม.ต้นย่อมดีกว่าคนที่จบแค่ประถม และคนที่จบม.ปลายย่อมดีกว่าคนที่เรียนจบแค่ม.ต้น แถมนักศึกษามหาวิทยาลัยยังหายากอีกด้วย! ยุคสมัยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจะตามทันได้อย่างไรถ้าเราไม่เรียนให้สูงกว่านี้ เชื่อฉันเถอะ แค่ลองดู ถ้าเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยจะมีงานที่ดีกว่านี้รอเธออยู่ แต่ถ้าหากสอบเข้ามหาลัยไม่ได้ก็ยังมีงานนี้อยู่ แบบนี้ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่ จริงไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดอันยาวเหยียด หัวใจที่หดหู่ของจู้หลินก็เริ่มสูบฉีดอีกครั้ง
อีกฝ่ายพูดถูก ลองไปสอบดูก่อนแล้วกัน!