ตอนที่ 12 เสแสร้ง
ซูฮั่นหยวนเพิ่งจะมาถึงประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกแม่ของเจ้าของร่างเดิมและพี่ชายคนที่สามขวางไว้ข้างนอก
“นังเด็กเหลือขอนี่ เวลานี้ยังหายไปไหนอีก ไม่เห็นหรือว่าตอนนี้พ่อแกอยู่ในสภาพไหน” เว่ยกุ้ยฉินเริ่มตำหนิเธอ คงลืมไปแล้วว่าถ้าไม่มีเธอ สามีของหล่อนคงตายไปแล้ว
“แกมันไร้หัวใจจริงๆ!” ซูจิ่งรุ่ยกัดฟันและยกมือขึ้นเขย่าศีรษะของน้องสาว
“นี่!” ซูฮั่นหยวนปักมือเขาออกและก้าวไปด้านข้างสองก้าว “พี่ไม่มีมารยาทหรือไง อย่ามาแตะตัวฉัน!”
“แกกำลังกบฏเรอะ?” ซูจิ่งรุ่ยกัดฟันด้วยความโกรธ “อยากตายใช่ไหม หา! นี่เป็นวิธีที่พูดกับพี่ชายของแกงั้นเรอะ?”
เธอเม้มริมฝีปากและจ้องมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “คนที่สนใจแต่การแต่งงานของตัวเองโดยที่ไม่สนใจชีวิตของน้องสาว พี่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพี่ชายของฉัน!”
“ซูฮั่นหยวน!”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกแกสองคนจะทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอกันเลยใช่ไหม” จิตใจของเว่ยกุ้ยฉินสับสนวุ่นวาย หล่อนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะฟังลูก ๆ ทะเลาะกัน จึงต้องขัดจังหวะขึ้นและพูดกับลูกสาวตรงๆ ว่า “แกก็อารมณ์ร้อนเกินไป เมื่อวานออกจากบ้านไปแบบนั้น คิดว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ เหรอ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านซะ”
เพื่อนบ้านทั้งหมู่บ้านต่างพากันคาดเดาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนไม่เห็นด้วย คนบางคนก็ชอบชี้นิ้วสั่งและนินทาเธอลับหลัง ซึ่งมันน่าหงุดหงิดรำคาญใจ
เว่ยกุ้ยฉินเป็นคนหยิ่งยโสมาตลอด ตอนนี้เธอแก่แล้ว การที่คนอื่นนินทาเธอลับหลังทำให้เธอเสียใจมาก
“หนูจะไม่กลับบ้าน” ซูฮั่นหยวนปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “อย่ามาพูดให้หนูกลับเลย ชีวิตที่โรงงานก็สุขสบายดี หนูไม่มีทางกลับบ้านแน่”
“พูดจบหรือยัง” ซูจิ่งรุ่ยชี้ไปที่จมูกของเธอ
เธอขมวดคิ้วขณะจ้องไปที่นิ้วตรงหน้า “อย่าชี้นิ้วใส่ฉันนะ! ทำไมพี่ถึงมีนิสัยแย่เยอะจัง ถ้าพี่ชี้นิ้วไปที่จมูกของคนอื่นบนถนน นิ้วของพี่อาจจะหักได้นะ!”
ซูจิ่งรุ่ยอยากจะตะคอกใส่น้องสาว แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาล เขาจึงกลั้นความโกรธเอาไว้ “ถ้าอย่างนั้นอยากทำไรก็ทำเลย! บอกไว้ก่อนนะ ถ้าพ่อถามก็อย่าบอกว่าพวกเราไล่แกออกจากบ้านล่ะ แกต่างหากที่ไม่อยากกลับมา ไม่ใช่ว่าเราไม่ให้แกกลับมา จำไว้!”
ซูฮั่นหยวนเข้าใจว่าทั้งสองคนไม่ได้ขอร้องให้เธอกลับไปอย่างจริงใจ พวกเขาแค่กลัวว่าพ่อจะถามถึงเหตุผลเมื่อเขารู้ ดังนั้นจึงบอกให้เธอกลับบ้าน
จะอะไรก็ช่างเถอะ!
เธอไม่มีความตั้งใจที่จะกลับบ้านทันทีทั้งๆที่เพิ่งออกมา
การอยู่หอพักคนเดียวและอยู่ห่างจากปัญหาต่างๆ ไม่ใช่สิ่งที่ดีหรอกหรือ?
ภายในห้องคนไข้อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ซูต้าเจียงนอนอยู่บนเตียงสีขาวโดยหลับตาและหลับอย่างเงียบๆ อาจต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว
อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ซู่ต้าเจียงนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลสีขาวโดยหลับตาและหลับอย่างเงียบๆ อาจต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว
ครอบครัวซูใช้เวลานี้เพื่อหารือกันว่าจะดูแลเขาอย่างไร
ในตอนกลางวันเว่ยกุ้ยฉินจะเป็นคนดูแลเขา ลูกชายคนโต ‘ซู่จิ่งเหิง’ และลูกชายคนที่สาม ‘ซู่จิ่งรุ่ย’ จะไปทำงานที่โรงงานเครื่องจักร ส่วนในตอนกลางคืนผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลซูต้าเจียงคือซูฮั่นหยวน
การจัดการแบบนี้ไม่ยุติธรรมและไม่มีเหตุผล แต่เธอก็ไม่อยากจับผิด สำหรับเธอแล้ว ตอนกลางคืนก็มีข้อดีเหมือนกัน โรงพยาบาลจะเงียบสงบและไม่มีอะไรให้ต้องจัดการมากนัก เธอแค่ต้องอยู่ข้างเตียงของพ่อและสามารถนอนหลับพักผ่อนไปด้วยได้
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอตรงกลับไปที่หอพักโรงงานเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ ในตอนเย็นเธอกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อรับช่วงต่อ เธอซื้อผลไม้สดและนำมาที่หอผู้ป่วย
โดยบังเอิญ ซูต้าเจียงตื่นแล้ว
เมื่อเขาเห็นเธอเข้ามา ใบหน้าใจดีของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้ม เขาพยายามยกมือขึ้นและตะโกนด้วยเสียงแหบพร่าว่า “หยวนหยวน มานี่มา”