บทที่ 78 เหตุผลที่ถังเว่ยเว่ยเข้าร่วมสถาบันเจียงหลิง

สวี่ชิวเหวินทนไม่ได้ที่จะรังแกเธอต่อไป ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย

“คราวนี้ฉันจะปล่อยคุณไปก่อน แล้วเราค่อยจูบกันต่อวันหลัง เว่ยเว่ย คุณขี้อายเกินไป เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติของบ้านเกิดฉัน ระหว่างเพื่อนที่ดีก็เป็นแบบนี้ ไม่ต้องอาย แค่ทำความคุ้นเคยกับมัน”

ถังเว่ยเว่ยไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่เธอก็อายเกินกว่าจะคิดเรื่องนี้

หญิงสาวเอียงศีรษะ มองไปทางอื่นแล้วถามเบาๆ “ฉันกลับหอพักได้ไหม”

เธอคิดว่าสวี่ชิวเหวินจะไม่คัดค้าน ท้ายที่สุดเขาได้จูบเธอแล้ว

แต่เธอประเมินความโลภของสวี่ชิวเหวินต่ำเกินไป

สวี่ชิวเหวินส่ายหัวและปฏิเสธ “ไม่ นั่งกับฉันสักพัก มันยากที่จะมีเวลาอยู่กับคุณตามลำพัง”

ถังเว่ยเว่ยเงียบลงหลังจากได้ยิน

สวี่ชิวเหวินโอบแขนรอบเอวหญิงสาว มองดูผมหน้าม้าบนหน้าผากเธอ และอดไม่ได้ที่จะถาม “หน้าม้าคุณยาวมาก ทำไมไม่ตัดให้สั้นลงล่ะ? จริงๆแล้วคุณดูดีมากเมื่อเปิดหน้าผากและดวงตา”

เมื่อเห็นว่าสวี่ชิวเหวินไม่ได้ดำเนินการใดๆเพิ่มเติม ถังเว่ยเว่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แม้ว่าหญิงสาวจะเขินอายมากที่ต้องนั่งบนตักของเขา แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก

“หน้าม้ายาวสามารถปกป้องฉันได้” ถังเว่ยเว่ยอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา “อาจารย์ใหญ่สอนฉันเรื่องนี้”

“อาจารย์ใหญ่สอนนักเรียนเรื่องนี้ด้วยหรอ?” สวี่ชิวเหวินรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เมื่อพูดถึงอาจารย์ใหญ่ ความกังวลใจของหญิงสาวก็ค่อยๆผ่อนคลายลง

เธอเล่าให้สวี่ชิวเหวินฟังมากมายเกี่ยวกับอาจารย์มัธยมปลายของเธอ ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีแรกจนกระทั่งเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย

เมื่อหญิงสาวบอกว่าอาจารย์ของเธอได้ติดต่อกับผู้นำของสถาบันเจียงหลิงโดยเฉพาะเพื่อประโยชน์ของเธอ และมหาวิทยาลัยตกลงยกเว้นค่าเล่าเรียนและค่าที่พักในช่วงเวลาสี่ปีของมหาวิทยาลัย สวี่ชิวเหวินก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

เขาเกิดความประทับใจที่ดีต่ออาจารย์คนนี้ซึ่งเขาไม่เคยพบมาก่อน

การติดต่อผู้นำของสถาบันเจียงหลิงนั้นดูง่าย แต่เขากลัวว่าจะมีเพียงอาจารย์ใหญ่เท่านั้นที่รู้ว่าต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน และเขากลัวว่าเด็กสาวไร้เดียงสาตรงหน้าคงจะไม่รู้

จากการพูดคุยกับถังเว่ยเว่ย ทำให้สวี่ชิวเหวินได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหญิงสาวคนนี้

คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของถังเว่ยเว่ยอยู่ที่ 432 คะแนน

ต้องรู้ว่าคะแนนพื้นฐานระดับสามของมณฑลฮุยในปีนี้คือ 469 คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของถังเว่ยเว่ยไม่สามารถผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำในมณฑลฮุยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เกณฑ์คะแนนในมณฑลเสฉวนปีนี้ค่อนข้างต่ำ โดยอยู่ที่ 430 สำหรับมหาวิทยาลัยระดับสาม

คะแนนของถังเว่ยเว่ยอยู่เหนือเกณฑ์เพียงสองคะแนนเท่านั้น

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สวี่ชิวเหวินก็สับสน ผลการเรียนของเธอไม่ดี แล้วทำไมมหาวิทยาลัยถึงยอมยกเว้นค่าเล่าเรียนและค่าที่พักให้เป็นเวลาสี่ปี?

เพียงเพราะสภาพครอบครัวของเธอไม่ดีเหรอ?

มีผู้คนจำนวนมากที่มีฐานะย่ำแย่ และมหาวิทยาลัยยังให้เงินสนับสนุนสำหรับนักศึกษาที่ยากจนด้วย แต่ไม่มีใครได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนเป็นเวลาสี่ปี

แต่หลังจากฟังถังเว่ยเว่ยอธิบายสถานการณ์การสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เขาก็เข้าใจ

ถังเว่ยเว่ยเรียนสายวิทย์ คะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย 432 เป็นเพียงคะแนนสำหรับสามวิชาเท่านั้น หญิงสาวไม่ได้เข้าสอบวิชาวิทยาศาสตร์แบบครอบคลุม[1]ในช่วงบ่ายของวันสุดท้าย

สวี่ชิวเหวินถามเธอถึงเหตุผล แต่หญิงสาวเพียงส่ายหัวและไม่พูดอะไร

สวี่ชิวเหวินจึงหยุดถาม

อย่างไรก็ตาม เธอได้ 432 คะแนนจาก 450 ด้วยสองวิชาภาษาและคณิตศาสตร์ก็ถือว่าน่าทึ่งมากแล้ว

สวี่ชิวเหวินถามหญิงสาวว่าเธอมักจะได้คะแนนเท่าไรในการสอบวิทยาศาสตร์แบบครอบคลุม และคำตอบของถังเว่ยเว่ยก็ทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้น

คะแนนวิทยาศาสตร์แบบครอบคลุมของหญิงสาวเป็นอันดับหนึ่งในโรงเรียนมาโดยตลอด และมันแทบจะไม่ต่ำกว่า 280 จาก 300 คะแนนเลย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากหญิงสาวคนนี้เข้าสอบวิชาวิทยาศาสตร์ คะแนนของเธอจะต้องไม่ต่ำกว่า 690

หากทำผลงานได้ตามปกติ เธออาจจะได้คะแนนมากกว่า 700 คะแนน

700 คะแนน!

ด้วยคะแนนนี้ ไม่ต้องพูดถึงมณฑลเสฉวน แม้ว่าจะอยู่ในมณฑลฮุย เธอก็เป็นอันดับต้นๆอย่างแน่นอน

คาดว่าอาจารย์ใหญ่ของหญิงสาวคนนี้คงใช้คะแนนวิทยาศาสตร์แบบครอบคลุมตามปกติของเธอ รวมกับสถานการณ์ไม่คาดคิดที่พบในระหว่างการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อโน้มน้าวผู้นำของสถาบันเจียงหลิง

ท้ายที่สุดแล้ว เธอเป็นนักศึกษาชั้นนำที่สามารถไปปักกิ่งหรือชิงหวาได้ เป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมมหาวิทยาลัยถึงเปิดประตูหลังให้เธอและยกเว้นค่าเล่าเรียน

หากไม่สามารถยกเว้นค่าเล่าเรียน สภาพครอบครัวของถังเว่ยเว่ยอาจไม่สามารถรองรับเธอให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยระดับสามอย่างสถาบันเจียงหลิงซึ่งมีค่าใช้จ่ายเกินกว่าหนึ่งหมื่นหยวน

สวี่ชิวเหวินไม่ได้ถามหญิงสาวต่อไปว่าทำไมเธอไม่เข้าสอบวิชาวิทยาศาสตร์แบบครอบคลุม เธอคงต้องเผชิญกับสถานการณ์พิเศษ

เขาแค่รู้สึกเสียใจกับหญิงสาว เธออายุเพียงสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี แต่ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมายที่เด็กผู้หญิงไม่กี่คนเคยเจอในช่วงชีวิตของพวกเขา

ในเวลานี้ เขาแค่อยากจะกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนและปลอบโยนเธอ

มันไม่เกี่ยวกับการเอาเปรียบ

ถังเว่ยเว่ยดูเหมือนจะตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขา เธอโน้มตัวในอ้อมแขนของเขาอย่างเชื่อฟัง รู้สึกถึงความอบอุ่นจากหน้าอกของเพื่อนที่ดี และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันเงียบสงบที่หายากนี้

หลังจากกอดกันสักพัก ในที่สุดหญิงสาวก็ถามด้วยเสียงแผ่วเบา “ฉันขอกลับหอพักได้ไหม?”

คราวนี้สวี่ชิวเหวินไม่ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าว เขาพยักหน้าและพูดว่า “กลับไปเถอะ จะสายแล้ว”

สวี่ชิวเหวินปล่อยหญิงสาวและเห็นว่าเธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับมีเข็มอยู่ใต้ก้น เขาอดไม่ได้ที่จะอยากหัวเราะ

แต่เมื่อมองลงไปเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้และดูเขินอาย

เมื่อสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของหญิงสาว เขาจึงอยากจะอธิบายแต่พบว่าเธอก้าวไปข้างหน้าแล้ว

สวี่ชิวเหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยืดกางเกงให้ตรง ปรับทิศทางและตำแหน่ง จากนั้นก็ตามทันอย่างรวดเร็ว

เขาส่งหญิงสาวกลับมาที่ชั้นล่างของหอพัก

ถังเว่ยเว่ยที่เดินอยู่ข้างหน้า จู่ๆก็ชะลอความเร็วลงและในที่สุดก็หยุดอยู่หน้าประตูหอพักหญิง

หญิงสาวหันกลับมาและมองไปที่สวี่ชิวเหวิน ดวงตาของเธอเป็นประกาย “ขอบคุณนะ สวี่ชิวเหวิน”

การขอบคุณอย่างกะทันหันของหญิงสาวทำให้สวี่ชิวเหวินไม่ทันระวังตัว

เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวขอบคุณเรื่องอะไร

เป็นเพราะเขาเมาแล้วขอให้เธอมารับก่อนจะสร้างปัญหามากมาย?

หรือขอบคุณที่เขาจูบเธอเพราะสถานะเพื่อนที่ดี?

สวี่ชิวเหวินรู้สึกว่าใบหน้าของเขาเริ่มร้อน

แต่แล้วเขาก็ได้ยินหญิงสาวพูดว่า “คุณเป็นเพื่อนที่ดีคนแรกของฉัน และเป็นคนแรกนอกจากคุณยายและอาจารย์ใหญ่ที่ดีกับฉัน ขอบคุณนะ”

สวี่ชิวเหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นแข็งมาก

สวี่ชิวเหวินรู้ดีว่าแม้ก่อนหน้านี้เขาดูเหมือนจะดีกับถังเว่ยเว่ยมาก่อน แต่โดยพื้นฐานแล้วเขาแค่สนใจร่างกายของเธอเท่านั้น

แต่คืนนี้หลังจากพูดคุยกับหญิงสาว ทำให้เขาเข้าใจเธออย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ในเวลานี้ เขาไม่ใช่ไอ้สารเลวเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปที่แค่อยากหาประโยชน์จากเธอ

เขาต้องการให้หญิงสาวสัมผัสความอบอุ่นจริงๆ

เขาหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง และเมื่อมองดูหญิงสาวอีกครั้ง อารมณ์ต่างๆมากมายก็หายไปจากดวงตาของเขา

“กลับไปเถอะ ราตรีสวัสดิ์”

ถังเว่ยเว่ยหันหลังและกลับขึ้นไปที่หอพัก

สี่ทุ่มกว่าแล้ว หอพักหญิงปิด แต่ป้าหอพักยังไม่เข้านอน

เพราะสาวๆมักจะกลับดึก ป้าหอพักจึงเปิดไฟไว้ที่ประตูเสมอ

หากหญิงสาวมาเรียก ป้าก็จะลุกไปเปิดประตู

โดยทั่วไปแล้วเมื่อสาวๆกลับดึก การลงทะเบียนก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่เพียงแต่ต้องเขียนชื่อ หมายเลขห้อง และสาขาวิชาให้ชัดเจน แต่ยังรวมถึงเหตุผลที่กลับช้าด้วย

ระหว่างทางกลับหอพัก สวี่ชิวเหวินคิดถึงประสบการณ์ในคืนนี้และฉากก่อนหน้าของการกอดหญิงสาวและสัมผัสริมฝีปากของเธอ และร่างกายของเขาก็เกิดปฏิกิริยาแปลกๆเล็กน้อยอีกครั้ง

เขาแอบตัดสินใจว่าจะปฏิบัติต่อถังเว่ยเว่ยให้ดีขึ้นในอนาคต

หากไม่ทะนุถนอมหญิงสาวแบบนี้ คุณคงจะโดนฟ้าผ่า!

เมื่อเขากลับถึงหอพักก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม และทั้งห้าคนในหอพักก็เข้านอนแล้ว

สวี่ชิวเหวินง่วงนอนจนทนไม่ไหว เขาจึงปีนขึ้นไปบนเตียงและหลับไปโดยไม่อาบน้ำ

/////

[1] ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของจีนเรียกว่า‘เกาเข่า’ มีสองส่วน (750คะแนน) แบ่งเป็น