บทที่ 75 งานเลี้ยงสิ้นสุดลง
เจียงหยิน ประธานฝ่ายวรรณกรรมและศิลปะมีดวงตาสีแดงในเวลานี้
เธอพูดอย่างตื่นเต้น “การเชิญคุณเข้าร่วมงานเลี้ยงปฐมนิเทศเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดที่ฉันเคยทำมา ฉันคิดว่างานเลี้ยงนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน”
สวี่ชิวเหวินเพียงยิ้มและไม่ตอบ
เจียงหยินรู้สึกตื่นเต้นคนเดียวอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าสวี่ชิวเหวินไม่มีความกระตือรือร้นเลย เธอก็ใช้มือขยี้ตาด้วยความเขินอาย จากนั้นจึงทุบหน้าอกของสวี่ชิวเหวินเบาๆแล้วจากไป
ก่อนจากไปเธอไม่ลืมที่จะพูดว่า “คืนนี้ทุกคนจะทานอาหารเย็นที่ถนนตะวันออก และคุณก็ต้องไปเหมือนกัน”
เมื่อมีการประกาศปิดม่านครั้งสุดท้าย หญิงสาวหลายคนยังคงตะโกนเรียกชื่อของสวี่ชิวเหวิน
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและเสียงเชียร์ของสาวๆ งานเลี้ยงปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยเจียวทงก็สิ้นสุดลง
ที่ประตูหลังของหอประชุม สวี่ชิวเหวินถูกหญิงสาวหลายคนขวางไว้ทันทีที่เขาออกมา
สาวๆล้อมรอบเขาด้วยใบหน้าตื่นเต้น มองเขาเหมือนกำลังดูดารา เต็มไปด้วยความชื่นชม
สวี่ชิวเหวินรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงบอกหมายเลขโทรศัพท์ให้กับสาวๆ
ราวกับลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ของเขา
สาวๆไม่ได้ออกไปหลังจากได้รับหมายเลขแล้ว แต่สวี่ชิวเหวินก็เพิกเฉยต่อพวกเธอและมองไปรอบๆ
จากนั้นเขาก็ได้ยินหญิงสาวข้างๆถามขึ้นว่า “สวี่ชิวเหวิน คุณกำลังมองหาใคร”
สวี่ชิวเหวินหันกลับมาเห็นเซียวโหยวหราน ซ่งซือหยู และอันซือซือ
เขาออกมาเพียงเพื่อตามหาสามสาว ไม่สิ พูดให้ถูกคือเซียวโหยวหราน
เดิมทีเซียวโหยวหรานนัดกับเขาไปที่ถนนทิศใต้เพื่อทานอาหารเย็นหลังงานเลี้ยง
เนื่องจากจู่ๆเจียงหยินก็แจ้งว่าเขาต้องไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกมาอธิบายสิ่งต่างๆให้กับเธอฟัง
“โหยวหราน ฉันต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้ ฉันจะไปกับคุณที่ถนนทิศใต้เพื่อทานอาหารว่างในครั้งต่อไป”
โดยไม่ลืมสิ่งที่ซ่งซือหยูพูดเมื่อกี้ เขาหันไปมองหญิงสาวแล้วพูดว่า “ฉันจะมองหาใครได้อีก? แน่นอนว่าเป็นคุณซ่งคนสวยของเรา”
ซ่งซือหยูไม่คาดคิดว่าสวี่ชิวเหวินจะเรียกเธอเป็น “คุณซ่งคนสวย” ต่อหน้าเซียวโหยวหราน และจู่ๆใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
อันซือซือยกนิ้วโป้งให้ก่อนจะพูดว่า “การแสดงคืนนี้น่าตื่นเต้นสุดๆเลย!”
เซียวโหยวหรานเห็นสวี่ชิวเหวินรายล้อมไปด้วยเด็กผู้หญิง และเธอก็รู้สึกเศร้า
ตอนนี้ได้ยินสวี่ชิวเหวินเรียกซ่งซือหยูว่า “คุณซ่งคนสวย” เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น รู้สึกเหมือนว่ามันใกล้ชิดเกินไป
แต่คำพูดของอันซือซือเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ
เซียวโหยวหรานเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว เสี่ยวสวี่ การแสดงของคุณคืนนี้ยอดเยี่ยมมาก”
“ขอบคุณนะ ตราบใดที่คุณชอบมัน”
เซียวโหยวหรานอยากถามจริงๆว่าเขาเล่นเปียโนได้อย่างไร แต่ตอนนี้ยังมีคนจำนวนมาก
ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินใครบางคนเรียกหาสวี่ชิวเหวิน
หลายคนหันกลับไปและเห็นว่าคนที่ตะโกนคือจินฮ่าวหนาน เพื่อนร่วมห้องของสวี่ชิวเหวิน
“พี่ฮ่าว คุณก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ก่อนที่จินฮ่าวหนานจะได้ตอบ หยางไป่ซานก็พูดขึ้นก่อน
“ชิวเหวิน คืนนี้นายหล่อมาก มีสาวๆหลายคนถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับนาย ทันทีที่ฉันบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมห้อง สาวๆก็ล้อมไว้เต็มไปหมด กว่าจะออกมาได้ต้องใช้เวลาตั้งนาน”
หลิวจื้อฮ่าวได้ยินสิ่งนี้ก็รีบเล่าความจริงทันที “อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระ เขาริเริ่มบอกผู้หญิงคนหนึ่งว่ารู้จักนาย หญิงสาวไม่เชื่อเขาในตอนแรก ถ้าเราไม่เป็นพยานให้ผู้หญิงคนนั้นก็คงยังไม่เชื่อ”
คนอื่นๆต่างก็หัวเราะออกมา รวมถึงสามสาวจากห้อง 301 ด้วย
หวังจวิ้นไฉยังเห็นซ่งซือหยูตรงหน้าสวี่ชิวเหวินในเวลานี้
นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นสีแดงบนใบหน้าของอีกฝ่าย โดยคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เขาจึงเดินไปหาหญิงสาวแล้วพูดเสียงเบา “ซือหยู”
ซ่งซือหยูได้ยินเสียง จึงหันกลับไปและเห็นว่าเป็นใคร จากนั้นก็เมินเฉยทันที
ใบหน้าของหวังจวิ้นไฉกลายเป็นน่าเกลียด
สวี่ชิวเหวินสังเกตเห็นการหายตัวไปของซือเซียงหมิงและถามอย่างสงสัย “พี่ซือล่ะ เขาไม่ได้อยู่ด้วยหรอ?”
จินฮ่าวหนานอธิบาย “เหล่าซือไปหาคู่หมั้นของเขา”
สวี่ชิวเหวินจำได้ว่าไป๋เยว่เอ๋อร์ก็มีส่วนร่วมในการแสดงคืนนี้ด้วย และรายการที่เธอเข้าร่วมคือการเต้นรำกลุ่ม
เขานึกถึงการเต้นรำกลุ่มที่เพิ่งเห็น
มีสาวงามหุ่นดีหลายสิบคนสวมชุดรัดรูปลายลูกไม้ ซึ่งล้วนมีหน้าโค้งและหลังเว้า ฉากนั้นแทบจะทำให้เลือดกำเดาไหล
แม้ว่าไป๋เยว่เอ๋อร์จะเป็นเพียงหนึ่งในนั้น แต่เธอก็เป็นคนที่น่าดึงดูดที่สุดเช่นกัน
เธอมีรูปลักษณ์ที่ดีที่สุดและรูปร่างที่โดดเด่นที่สุด แม้แต่ในบรรดาหญิงสาวมากกว่าสิบคน เธอก็เปล่งประกายเป็นพิเศษ
เขาทำได้เพียงถอนหายใจ... เหล่าซือได้รับพรจริงๆ!
หลังจากพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องได้สักพัก จินฮ่าวหนานก็พาพวกเขากลับไป
ทั้งสามสาวของห้องเซียวโหยวหรานก็เช่นกัน
ก่อนจากไป เซียวโหยวหรานคอยเตือนเขาว่าอย่าลืมส่งข้อความหาเธอเมื่อกลับถึงหอพักแล้ว ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นไร
สวี่ชิวเหวินยิ้มและเห็นด้วย
ร้านอาหารหลังงานเลี้ยงอยู่ที่ถนนตะวันออกของมหาวิทยาลัยเจียวทง ไม่รู้ว่าใครเลือก มันเป็นร้านที่เชี่ยวชาญด้านอาหารเจ้อเจียง[1]
ร้านอาหารมีขนาดไม่ใหญ่ ไม่มีห้องส่วนตัว มีเพียงห้องโถงที่มีโต๊ะทั้งหมดมากกว่าหนึ่งโหล
ในตอนแรกเต็มเพียงสามโต๊ะ แต่มีคนมามากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็มีโต๊ะมากกว่าหนึ่งโหลก็ถูกจับจอง
ไม่มีการบังคับจัดที่นั่ง แต่คนส่วนใหญ่จะร่วมโต๊ะร่วมกับผู้ที่อยู่ในการแสดงเดียวกัน
เช่นเดียวกับการเต้นรำกลุ่มของหญิงสาว โต๊ะเดียวไม่พอจึงต้องนั่งแยกกัน แต่สองโต๊ะก็ไม่เต็ม
สวี่ชิวเหวินบังเอิญอยู่โต๊ะเดียวกับไป๋เยว่เอ๋อร์ และทั้งสองก็นั่งลงด้วยกัน
ที่โต๊ะของสวี่ชิวเหวิน ยกเว้นหญิงสาวที่เต้นรำกลุ่ม ที่เหลือเป็นเด็กผู้ชายที่เขาไม่รู้จักทั้งหมด มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งผมยาวมาก เขาดูเหมือนคนที่หลงใหลในงานศิลปะ
เด็กผู้ชายคนอื่นๆก็ไม่มีอะไรพิเศษ
เนื่องจากพวกเขาจองร้านไว้ล่วงหน้า เจ้าของร้านจึงสละเวลาในการเตรียมอาหารก่อน ไม่นานหลังจากที่สวี่ชิวเหวินนั่งลง อาหารก็ถูกเสิร์ฟก่อนที่ทุกคนจะมาถึง
ทันทีที่แอลกอฮอล์ถูกเสิร์ฟ สาวๆที่โต๊ะเดียวกันก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้สวี่ชิวเหวิน
กลุ่มสาวงามกำลังดื่มอวยพร สวี่ชิวเหวินไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ แถมเขาก็อารมณ์ดีเลยดื่มอย่างรวดเร็ว
หลังจากดื่มแล้ว สวี่ชิวเหวินก็เริ่มดื่มกับเหล่าเด็กหนุ่มที่โต๊ะ
ท้ายที่สุด เมื่อคนอื่นกำลังดื่มอวยพร คุณไม่สามารถปฏิเสธที่จะเผชิญหน้าพวกเขาได้
โดยเฉพาะเด็กผู้ชายผมยาวที่ดูราวกับศิลปิน
สวี่ชิวเหวินอยากมีทรงผมแบบนี้มาโดยตลอดในชีวิตก่อน แต่เขาไม่เคยกล้าไว้มันเพราะกลัวว่าแม่จะไม่ยอมให้เข้าบ้าน
หลังจากพูดคุยกันสักพัก สวี่ชิวเหวินก็ได้รู้จักชายหนุ่มนิดหน่อย
ชายหนุ่มชื่อฮวงซือ ปรากฎว่าเขาไม่ใช่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียวทง แต่เป็นนักศึกษาจากสถาบันศิลปะจินหลิงที่อยู่ติดกัน คราวนี้เขาถูกเรียกมาช่วยรับผิดชอบเรื่องเสียง ฉากเวที และอื่นๆ
เมื่อสวี่ชิวเหวินถาม เขาพบว่าอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัยแล้ว และสับสนมากเกี่ยวกับอนาคต โดยไม่รู้ว่าจะไปเมืองใหญ่หรือกลับบ้านเกิดดี
นี่เป็นปัญหาที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ต้องเผชิญหลังจากสำเร็จการศึกษา
สวี่ชิวเหวินไม่มีทางให้คำแนะนำเขาได้
สวี่ชิวเหวินทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อเท่านั้น เขาจำเรื่องละครโทรทัศน์ได้และใช้โอกาสนี้ถาม “พี่ฮวง ผมวางแผนจะถ่ายละครโทรทัศน์ คุณมีคนเหมาะๆแนะนำบ้างไหม”
ฮวงซือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขามองสวี่ชิวเหวินด้วยสายตาสับสนเล็กน้อย “คุณจริงจังไหม”
“แน่นอน ผมจริงจัง คุณคิดว่าผมเมาหรอ?”
“บังเอิญมีนักศึกษาเอกกำกับการแสดงในหอพักของเรา เขาจะสำเร็จการศึกษาในปีนี้และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน ระดับของเขาค่อนข้างดี หากคุณมีความคิดจริงๆ ฉันสามารถแนะนำให้รู้จักได้”
เมื่อสวี่ชิวเหวินได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ดีใจมากและรีบเติมแก้วให้ทั้งสองฝ่ายทันที “มาเถอะ พี่ฮวง ผมจะดื่มกับคุณอีกแก้ว”
/////
[1] ‘อาหารเจ้อเจียง’ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘เจ้อไช่’ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลการทำอาหารของอาหารจีน มีต้นกำเนิดมาจากวิธีการปรุงอาหารแบบเก่าแก่ในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเซี่ยงไฮ้และมีศูนย์กลางอยู่ที่หางโจว เมืองหลวงอันเก่าแก่ของจีน โดยทั่วไป อาหารเจ้อเจียงนั้นจะไม่เลี่ยน แต่มีรสชาติที่สดใหม่และนุ่มนวลพร้อมกับกลิ่นหอมกลมกล่อม