ตอนที่แล้วบทที่ 74 สวี่ชิวเหวินปรากฏตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 76 ถังเว่ยเว่ย: ทำไมคุณต้องยั่วยุฉันด้วย

บทที่ 75 งานเลี้ยงสิ้นสุดลง


เจียงหยิน ประธานฝ่ายวรรณกรรมและศิลปะมีดวงตาสีแดงในเวลานี้

เธอพูดอย่างตื่นเต้น “การเชิญคุณเข้าร่วมงานเลี้ยงปฐมนิเทศเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดที่ฉันเคยทำมา ฉันคิดว่างานเลี้ยงนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน”

สวี่ชิวเหวินเพียงยิ้มและไม่ตอบ

เจียงหยินรู้สึกตื่นเต้นคนเดียวอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าสวี่ชิวเหวินไม่มีความกระตือรือร้นเลย เธอก็ใช้มือขยี้ตาด้วยความเขินอาย จากนั้นจึงทุบหน้าอกของสวี่ชิวเหวินเบาๆแล้วจากไป

ก่อนจากไปเธอไม่ลืมที่จะพูดว่า “คืนนี้ทุกคนจะทานอาหารเย็นที่ถนนตะวันออก และคุณก็ต้องไปเหมือนกัน”

เมื่อมีการประกาศปิดม่านครั้งสุดท้าย หญิงสาวหลายคนยังคงตะโกนเรียกชื่อของสวี่ชิวเหวิน

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและเสียงเชียร์ของสาวๆ งานเลี้ยงปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยเจียวทงก็สิ้นสุดลง

ที่ประตูหลังของหอประชุม สวี่ชิวเหวินถูกหญิงสาวหลายคนขวางไว้ทันทีที่เขาออกมา

สาวๆล้อมรอบเขาด้วยใบหน้าตื่นเต้น มองเขาเหมือนกำลังดูดารา เต็มไปด้วยความชื่นชม

สวี่ชิวเหวินรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงบอกหมายเลขโทรศัพท์ให้กับสาวๆ

ราวกับลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ของเขา

สาวๆไม่ได้ออกไปหลังจากได้รับหมายเลขแล้ว แต่สวี่ชิวเหวินก็เพิกเฉยต่อพวกเธอและมองไปรอบๆ

จากนั้นเขาก็ได้ยินหญิงสาวข้างๆถามขึ้นว่า “สวี่ชิวเหวิน คุณกำลังมองหาใคร”

สวี่ชิวเหวินหันกลับมาเห็นเซียวโหยวหราน ซ่งซือหยู และอันซือซือ

เขาออกมาเพียงเพื่อตามหาสามสาว ไม่สิ พูดให้ถูกคือเซียวโหยวหราน

เดิมทีเซียวโหยวหรานนัดกับเขาไปที่ถนนทิศใต้เพื่อทานอาหารเย็นหลังงานเลี้ยง

เนื่องจากจู่ๆเจียงหยินก็แจ้งว่าเขาต้องไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกมาอธิบายสิ่งต่างๆให้กับเธอฟัง

“โหยวหราน ฉันต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้ ฉันจะไปกับคุณที่ถนนทิศใต้เพื่อทานอาหารว่างในครั้งต่อไป”

โดยไม่ลืมสิ่งที่ซ่งซือหยูพูดเมื่อกี้ เขาหันไปมองหญิงสาวแล้วพูดว่า “ฉันจะมองหาใครได้อีก? แน่นอนว่าเป็นคุณซ่งคนสวยของเรา”

ซ่งซือหยูไม่คาดคิดว่าสวี่ชิวเหวินจะเรียกเธอเป็น “คุณซ่งคนสวย” ต่อหน้าเซียวโหยวหราน และจู่ๆใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

อันซือซือยกนิ้วโป้งให้ก่อนจะพูดว่า “การแสดงคืนนี้น่าตื่นเต้นสุดๆเลย!”

เซียวโหยวหรานเห็นสวี่ชิวเหวินรายล้อมไปด้วยเด็กผู้หญิง และเธอก็รู้สึกเศร้า

ตอนนี้ได้ยินสวี่ชิวเหวินเรียกซ่งซือหยูว่า “คุณซ่งคนสวย” เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น รู้สึกเหมือนว่ามันใกล้ชิดเกินไป

แต่คำพูดของอันซือซือเบี่ยงเบนความสนใจของเธอ

เซียวโหยวหรานเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว เสี่ยวสวี่ การแสดงของคุณคืนนี้ยอดเยี่ยมมาก”

“ขอบคุณนะ ตราบใดที่คุณชอบมัน”

เซียวโหยวหรานอยากถามจริงๆว่าเขาเล่นเปียโนได้อย่างไร แต่ตอนนี้ยังมีคนจำนวนมาก

ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินใครบางคนเรียกหาสวี่ชิวเหวิน

หลายคนหันกลับไปและเห็นว่าคนที่ตะโกนคือจินฮ่าวหนาน เพื่อนร่วมห้องของสวี่ชิวเหวิน

“พี่ฮ่าว คุณก็อยู่ที่นี่ด้วย”

ก่อนที่จินฮ่าวหนานจะได้ตอบ หยางไป่ซานก็พูดขึ้นก่อน

“ชิวเหวิน คืนนี้นายหล่อมาก มีสาวๆหลายคนถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับนาย ทันทีที่ฉันบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมห้อง สาวๆก็ล้อมไว้เต็มไปหมด กว่าจะออกมาได้ต้องใช้เวลาตั้งนาน”

หลิวจื้อฮ่าวได้ยินสิ่งนี้ก็รีบเล่าความจริงทันที “อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระ เขาริเริ่มบอกผู้หญิงคนหนึ่งว่ารู้จักนาย หญิงสาวไม่เชื่อเขาในตอนแรก ถ้าเราไม่เป็นพยานให้ผู้หญิงคนนั้นก็คงยังไม่เชื่อ”

คนอื่นๆต่างก็หัวเราะออกมา รวมถึงสามสาวจากห้อง 301 ด้วย

หวังจวิ้นไฉยังเห็นซ่งซือหยูตรงหน้าสวี่ชิวเหวินในเวลานี้

นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นสีแดงบนใบหน้าของอีกฝ่าย โดยคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เขาจึงเดินไปหาหญิงสาวแล้วพูดเสียงเบา “ซือหยู”

ซ่งซือหยูได้ยินเสียง จึงหันกลับไปและเห็นว่าเป็นใคร จากนั้นก็เมินเฉยทันที

ใบหน้าของหวังจวิ้นไฉกลายเป็นน่าเกลียด

สวี่ชิวเหวินสังเกตเห็นการหายตัวไปของซือเซียงหมิงและถามอย่างสงสัย “พี่ซือล่ะ เขาไม่ได้อยู่ด้วยหรอ?”

จินฮ่าวหนานอธิบาย “เหล่าซือไปหาคู่หมั้นของเขา”

สวี่ชิวเหวินจำได้ว่าไป๋เยว่เอ๋อร์ก็มีส่วนร่วมในการแสดงคืนนี้ด้วย และรายการที่เธอเข้าร่วมคือการเต้นรำกลุ่ม

เขานึกถึงการเต้นรำกลุ่มที่เพิ่งเห็น

มีสาวงามหุ่นดีหลายสิบคนสวมชุดรัดรูปลายลูกไม้ ซึ่งล้วนมีหน้าโค้งและหลังเว้า ฉากนั้นแทบจะทำให้เลือดกำเดาไหล

แม้ว่าไป๋เยว่เอ๋อร์จะเป็นเพียงหนึ่งในนั้น แต่เธอก็เป็นคนที่น่าดึงดูดที่สุดเช่นกัน

เธอมีรูปลักษณ์ที่ดีที่สุดและรูปร่างที่โดดเด่นที่สุด แม้แต่ในบรรดาหญิงสาวมากกว่าสิบคน เธอก็เปล่งประกายเป็นพิเศษ

เขาทำได้เพียงถอนหายใจ... เหล่าซือได้รับพรจริงๆ!

หลังจากพูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องได้สักพัก จินฮ่าวหนานก็พาพวกเขากลับไป

ทั้งสามสาวของห้องเซียวโหยวหรานก็เช่นกัน

ก่อนจากไป เซียวโหยวหรานคอยเตือนเขาว่าอย่าลืมส่งข้อความหาเธอเมื่อกลับถึงหอพักแล้ว ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็ไม่เป็นไร

สวี่ชิวเหวินยิ้มและเห็นด้วย

ร้านอาหารหลังงานเลี้ยงอยู่ที่ถนนตะวันออกของมหาวิทยาลัยเจียวทง ไม่รู้ว่าใครเลือก มันเป็นร้านที่เชี่ยวชาญด้านอาหารเจ้อเจียง[1]

ร้านอาหารมีขนาดไม่ใหญ่ ไม่มีห้องส่วนตัว มีเพียงห้องโถงที่มีโต๊ะทั้งหมดมากกว่าหนึ่งโหล

ในตอนแรกเต็มเพียงสามโต๊ะ แต่มีคนมามากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็มีโต๊ะมากกว่าหนึ่งโหลก็ถูกจับจอง

ไม่มีการบังคับจัดที่นั่ง แต่คนส่วนใหญ่จะร่วมโต๊ะร่วมกับผู้ที่อยู่ในการแสดงเดียวกัน

เช่นเดียวกับการเต้นรำกลุ่มของหญิงสาว โต๊ะเดียวไม่พอจึงต้องนั่งแยกกัน แต่สองโต๊ะก็ไม่เต็ม

สวี่ชิวเหวินบังเอิญอยู่โต๊ะเดียวกับไป๋เยว่เอ๋อร์ และทั้งสองก็นั่งลงด้วยกัน

ที่โต๊ะของสวี่ชิวเหวิน ยกเว้นหญิงสาวที่เต้นรำกลุ่ม ที่เหลือเป็นเด็กผู้ชายที่เขาไม่รู้จักทั้งหมด มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งผมยาวมาก เขาดูเหมือนคนที่หลงใหลในงานศิลปะ

เด็กผู้ชายคนอื่นๆก็ไม่มีอะไรพิเศษ

เนื่องจากพวกเขาจองร้านไว้ล่วงหน้า เจ้าของร้านจึงสละเวลาในการเตรียมอาหารก่อน ไม่นานหลังจากที่สวี่ชิวเหวินนั่งลง อาหารก็ถูกเสิร์ฟก่อนที่ทุกคนจะมาถึง

ทันทีที่แอลกอฮอล์ถูกเสิร์ฟ สาวๆที่โต๊ะเดียวกันก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้สวี่ชิวเหวิน

กลุ่มสาวงามกำลังดื่มอวยพร สวี่ชิวเหวินไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ แถมเขาก็อารมณ์ดีเลยดื่มอย่างรวดเร็ว

หลังจากดื่มแล้ว สวี่ชิวเหวินก็เริ่มดื่มกับเหล่าเด็กหนุ่มที่โต๊ะ

ท้ายที่สุด เมื่อคนอื่นกำลังดื่มอวยพร คุณไม่สามารถปฏิเสธที่จะเผชิญหน้าพวกเขาได้

โดยเฉพาะเด็กผู้ชายผมยาวที่ดูราวกับศิลปิน

สวี่ชิวเหวินอยากมีทรงผมแบบนี้มาโดยตลอดในชีวิตก่อน แต่เขาไม่เคยกล้าไว้มันเพราะกลัวว่าแม่จะไม่ยอมให้เข้าบ้าน

หลังจากพูดคุยกันสักพัก สวี่ชิวเหวินก็ได้รู้จักชายหนุ่มนิดหน่อย

ชายหนุ่มชื่อฮวงซือ ปรากฎว่าเขาไม่ใช่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียวทง แต่เป็นนักศึกษาจากสถาบันศิลปะจินหลิงที่อยู่ติดกัน คราวนี้เขาถูกเรียกมาช่วยรับผิดชอบเรื่องเสียง ฉากเวที และอื่นๆ

เมื่อสวี่ชิวเหวินถาม เขาพบว่าอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัยแล้ว และสับสนมากเกี่ยวกับอนาคต โดยไม่รู้ว่าจะไปเมืองใหญ่หรือกลับบ้านเกิดดี

นี่เป็นปัญหาที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ต้องเผชิญหลังจากสำเร็จการศึกษา

สวี่ชิวเหวินไม่มีทางให้คำแนะนำเขาได้

สวี่ชิวเหวินทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อเท่านั้น เขาจำเรื่องละครโทรทัศน์ได้และใช้โอกาสนี้ถาม “พี่ฮวง ผมวางแผนจะถ่ายละครโทรทัศน์ คุณมีคนเหมาะๆแนะนำบ้างไหม”

ฮวงซือตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขามองสวี่ชิวเหวินด้วยสายตาสับสนเล็กน้อย “คุณจริงจังไหม”

“แน่นอน ผมจริงจัง คุณคิดว่าผมเมาหรอ?”

“บังเอิญมีนักศึกษาเอกกำกับการแสดงในหอพักของเรา เขาจะสำเร็จการศึกษาในปีนี้และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน ระดับของเขาค่อนข้างดี หากคุณมีความคิดจริงๆ ฉันสามารถแนะนำให้รู้จักได้”

เมื่อสวี่ชิวเหวินได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ดีใจมากและรีบเติมแก้วให้ทั้งสองฝ่ายทันที “มาเถอะ พี่ฮวง ผมจะดื่มกับคุณอีกแก้ว”

/////

[1] ‘อาหารเจ้อเจียง’ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘เจ้อไช่’ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลการทำอาหารของอาหารจีน มีต้นกำเนิดมาจากวิธีการปรุงอาหารแบบเก่าแก่ในมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเซี่ยงไฮ้และมีศูนย์กลางอยู่ที่หางโจว เมืองหลวงอันเก่าแก่ของจีน โดยทั่วไป อาหารเจ้อเจียงนั้นจะไม่เลี่ยน แต่มีรสชาติที่สดใหม่และนุ่มนวลพร้อมกับกลิ่นหอมกลมกล่อม