บทที่ 16
หลังจากฝนตกท้องฟ้าก็เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างเงียบเชียบ ปกคลุมทุ่งนาและภูเขาด้วยหมอกสีเขียวอ่อนชุ่มฉ่ำ ซ่งซานเฉินเพิ่งจ่ายค่าจ้างให้ชาวบ้านเสร็จ พอได้กลิ่นฝนและดินจึงปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า
"ฝนตกได้ทันเวลาจริงๆ "
กว่าครึ่งเดือนแล้วที่พวกเขาทำงานกันอย่างขะมักเขม้น อู่หลานต้องทำอาหารให้คนจำนวนมาก รวมทั้งจัดการเรื่องต่างๆ ในบ้านจนยุ่งหัวหมุนไปหมด ส่วนซ่งซานเฉินก็ต้องพาคนไปกำจัดวัชพืชในไร่นา รวมทั้งที่อยู่บนเนินเขา ตัดต้นไม้ ตัดแต่งกิ่งไม้ และยังต้องหาเวลามาสร้างคอกหมูและเล้าไก่อีก
เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้คนส่งเชื้อเห็ดก็เพิ่งจะมาถึง พวกเขาจึงจำเป็นต้องควักเงินจ่ายเงินค่าส่วนนี้ออกไปหลายหมื่นหยวน ดังนั้นภายในเวลาอันใกล้นี้จึงวางแผนจะไม่ออกไปไหนและเพาะเชื้อเห็ดที่บ้านกัน เมื่อแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าอีกครั้ง สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งพวกเขาจริงๆ
ฝนตกแล้ว!
อู่หลานถอนหายใจพร้อมกับถือสมุดบัญชี "ถานถาน เงินหกหมื่นของลูกเกลี้ยงกระเป๋าแล้วนะ"
"ต่อไปถ้าจะใช้เงินอีก ก็ต้องเป็นเงินเก็บจากแม่กับพ่อแล้ว เพราะฉะนั้นหนูต้องเชื่อฟังเราบ้างเวลาจับจ่ายใช้สอย" ไม่เช่นนั้นกลัวว่าลูกสาวจะใช้เงินมือเติบ ใช้จ่ายเงินไม่ระมัดระวังอีก
ซ่งถานคำนวณในใจ คอกหมูก็สร้างเสร็จแล้วแต่เงินที่จ้างเขาทำกลับยังไม่ได้จ่าย เงินก้อนนี้แม่ของเธอต้องจ่ายออกไปไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม และยังมีเป็ดที่ต้องตามซื้ออีก ส่วนไก่โชคดีที่ปีนี้ยังไม่ต้องซื้อเพราะรอไก่บ้านย่ากำลังฟักตัวอยู่
ทางด้านเนินเขาและป่าไม้ต่างก็จัดการหมดเรียบร้อย เมล็ดพันธุ์ก็ซื้อครบแล้ว ต่อไปนี้เหลือเพียงต้องจ้างคนมาเพาะเชื้อเห็ด ก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก
เธอพยักหน้าและถามคำถามสำคัญ "แม่ กินอะไรดี"
อู่หลานรู้สึกหงุดหงิดในใจ "ไม่มีเงิน! ยังจะมาถามว่าจะกินอะไรดีอีก ไป พาเฉียวเฉียวไปขุดหาผักป่าบนเนินเขานู่น"
"อื้ม"
ที่ลาดชันมากมายเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ที่ลาดหลังบ้านของพวกเขาก็มีแอ่งน้ำมากมายทีเดียว อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลที่เหมาะที่สุดสำหรับการขุดหาผักป่ายังมาไม่ถึง ตอนนี้ปริมาณคงไม่มากนัก อาจเพียงพอให้พวกเขากินได้เพียงมื้อหรือสองมื้อเท่านั้น
ซ่งถานกลับไปเก็บของที่ห้องสักครู่ จากนั้นก็คิดทบทวนแล้วหยิบขาตั้งโทรศัพท์ของตัวเองติดตัวไปด้วย "เฉียวเฉียว ไปขุดหาผักป่ากัน"
ซ่งเฉียวพอได้ยิน ก็รีบวิ่งออกจากลานบ้านอย่างใจจดใจจ่อ "โอ้โห! ฝนตกหนัก! ผมจะไปเล่นน้ำกับแม่หมู" แต่ฝนที่ตกอยู่นั้นเพียงพรำๆ และพื้นดินก็เปียกชื้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซ่งถานคิดตามน้องเธอไม่ทันถึงความหมายของคำว่า ‘ฝนตกหนัก’
พี่น้องทั้งสองวิ่งเข้าไปในป่า ขณะที่อู่หลานตะโกนไล่หลังตามมาติดๆ "ดึงต้นหอมป่ามาให้แม่ด้วยนะ กลับมาจะทำผัดไข่ให้กินนนน! "
เนื่องจากพวกเขาเติบโตมาในภูเขาตั้งแต่ยังเล็ก พี่น้องทั้งสองจึงเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไวมาก เพียงไม่นานก็มาถึงเนินเขาตามที่ตั้งใจไว้ ระหว่างนั้นซ่งถานก็แอบแวะไปดูคอกหมูหยาบๆ ที่ด้านหลังภูเขา
คอกหมูหลังคามุงจากและกิ่งไม้ที่อัดหนาแน่นบนหลังคา ด้านบนมีหินรองพื้นสูงขึ้นมา ขณะที่ฟางยังไม่ได้ปูลงไปที่พื้นด้านล่างในคอก เธอลองชะเง้อคอมองก็ดูสะอาดสะอ้านสบายตามาก การเลี้ยงหมูบนภูเขาแบบนี้มีกิจกรรมให้มันวิ่งเล่นมากมาย คอกหมูขนาดกว้างมากเนื้อหมูจึงจะต้องอร่อยแน่นอน แต่ก็มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือหมูพวกนั้นคงจะขับถ่ายมั่วไปหมดแน่นอน ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะพื้นที่กิจกรรมให้พวกมันเล่นในภูเขามหาศาลมากเกินไป อีกทั้งไม่สามารถทำบ่อขับถ่ายให้พวกมันได้ด้วย เหตุนี้ซ่งถานจึงคิดอยู่นาน
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเธอก็คิดออก
เมื่อลูกหมูยังเล็ก อย่าปล่อยให้พวกมันวิ่งไปทั่วไม่เช่นนั้นจะลื่นล้มได้ง่าย เพราะเนินเขาเต็มไปด้วยหญ้า รากไม้ และหิน ในเวลานี้จึงควรกั้นคอกเล็กๆ อีกชั้นหนึ่งให้พวกมันไว้ก่อน ขุดหลุมตื้นๆ แล้วโยนขี้หมูลงไปทีละน้อย หมูจะค่อยๆ เรียนรู้ว่าควรขับถ่ายที่ไหน กระทั่งเมื่อพวกมันติดเป็นนิสัยแล้ว ค่อยๆ ขยายพื้นที่ออกไปทีละเล็กทีละน้อย
จะได้ผลหรือไม่ ซ่งถานก็เป็นครั้งแรกที่เลี้ยงหมูบนภูเขา เธอก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ก็คงต้องเสี่ยงลองดู อย่างมากก็แค่เสียเวลาเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ทุกวันก็แค่ตักขี้บนภูเขา เมื่อถึงเวลาก็หมักไว้ทำปุ๋ยได้เหมือนกัน
ผ่านป่าไม้นี้ไปก็จะถึงเนินเขาที่ราบเรียบทางด้านหลัง พื้นที่เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวขจีที่เริ่มงอกงามแล้ว เฉียวเฉียวชี้ไปที่ต้นหอมป่าเป็นพุ่มใหญ่ "พี่สาว! ผัดไข่!"
ต้นหอมป่า หรือที่เรียกว่า กระเทียมป่า มีขนาดเล็กกว่าต้นหอมกระเทียมทั่วไปมาก แม้แต่ต้นกุยช่ายยังใหญ่เสียกว่าด้วยซ้ำ และทุกครั้งที่บ้านกินผักพวกนี้เฉียวเฉียวก็มักมีหน้าที่คัดแยกและล้างตลอด เขาจึงดูตื่นเต้นกว่าปกติ
ต้นหอมป่างั้นเหรอ…
ซ่งถานมองดูก็รู้สึกลังเล "ต้นหอมป่าโตขนาดนี้ เที่ยงนี้ผัดไข่จะดีหรอ หรือจะบอกแม่ต้มปลาเก๋าแทนดี" แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องถอนก่อน ไม่ใช่แค่มีต้นหอมป่าเท่านั้น ข้างป่ายังมีต้นผักโขมที่เพิ่งงอกขึ้นมาอีกหนึ่งพุ่ม ขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ก็สามารถเก็บได้หนึ่งจานแน่นอน สุดท้ายคือผักกาดขาว มีค่อนข้างเยอะทั้งใหญ่และเล็กผสมกันมากมายไปหมด เฉียวเฉียวถือพลั่วขึ้นมาขุดอย่างมีความสุข
แต่คิดแล้วก็เศร้าใจเล็กน้อย........ผักป่าพวกนี้มีจำนวนน้อยเกินไป เธออุตส่าห์พกมือถือมาด้วยแท้ๆ แต่กลับดูไม่มีอะไรน่าถ่ายสวยๆ เลย
เธอถอนหายใจ แล้วก็คิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้อีกครั้ง
ผักป่า เดี๋ยวนี้ในตลาดขายราคาเท่าไหร่กันนะ
พี่น้องทั้งสองออกไปเข้าป่าวุ่นวายกันอยู่ตั้งหนึ่งถึงสองชั่วโมง อู่หลานรับตะกร้าผักมาแล้วก็สงสัย "พวกหนูไปที่ริมคูน้ำมาด้วยเหรอ"
"ใช่แล้ว ใช่แล้ว"
แขนเสื้อของเฉียวเฉียวเปียกไปครึ่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
อู่หลานพลิกผักป่าที่นำมา "ผักกาดขาวอ่อนดีจัง มันเพิ่งจะงอกมาใหม่งามๆ ทั้งนั้น มื้อนี้กินอะไรดีล่ะเนี่ย"
ซ่งถานคิดดูแล้วจึงตัดสินใจเลือกอย่างเด็ดขาดระหว่างผัดไข่ ผัดไก่ฉีก และซุปปลาเก๋า "ผัดไก่ฉีก"
ไก่ฉีกต้องใช้เนื้ออกไก่ ในหมู่บ้านใครจะขายเนื้ออกไก่แยกต่างหากล่ะ อู่หลานตัดสินใจเด็ดขาดไม่สนใจเธอ "ไม่เอาหรอก แม่จะไปทอดน้ำมันเจียวพริกไทยดีกว่า เที่ยงนี้กับเย็นๆ พวกเราเลี้ยงแขกด้วยอาหารจานใหญ่ๆ กันเถอะ พวกเขาเหนื่อยมาหลายวันแล้ว"
ซ่งถานพยักหน้าอย่างปฏิเสธไม่ได้ "ก็ดีเหมือนกัน กำลังอยากกินอะไรเบาๆ พอดี" ปากก็บ่นขมุบขมิบ
"แล้วนี่มีผักโขมด้วยเหรอ แต่มีแค่นี้เอง ช่างเถอะเอาไว้คลุกด้วยกันทีหลังก็ได้"
อู่หลานพูดเสร็จก็หันไปมองต้นหอมป่าที่อยู่ข้างๆ กัน ดูจากลักษณะที่เรียงกันเป็นระเบียบแบบนี้ แน่ใจได้เลยว่าเป็นฝีมือของเฉียวเฉียวที่เก็บมาจากริมบ่อขณะเล่นน้ำ อู่หลานดูพอใจมาก
"พอดีกับปลาเก๋าที่ตกได้คราวก่อนคงละลายหายเย็นแล้ว เดี๋ยวเอาไปต้มซุปร้อนๆ แล้วก็หาหมูผัดอะไรอีกสักอย่าง ไม่อย่างนั้นอากาศแบบนี้กินแต่ของเย็นๆ จะหนาวเกินไป"
สุดท้ายคือผักกาดขาวที่อยู่ด้านล่าง อู่หลานตัดสินใจอย่างเด็ดขาด "พอดีกับเกี๊ยวตอนเย็น"
ซ่งถานที่ไม่ได้ทำอาหารไม่มีสิทธิ์เลือก แต่เธอก็แอบคาดหวังให้อาหารมื้อนี้อร่อยอยู่เหมือนกัน ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจหันไปพูดถึงเรื่องอื่นแทนแล้ว "แม่ อากาศช่วงนี้กำลังดี หนูว่าหลังจากฝนตกครั้งนี้ ผักป่าต้องขึ้นกันเยอะแน่ๆ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้หนูจะขุดมาเยอะๆ แล้วนั่งรถประจำทางไปขายในเมืองดีไหม"
คราวนี้ลูกสาวทำให้เธอรู้สึกภูมิใจจริงๆ "หนูจะไปตั้งแผงขายเหรอ เคยไปตลาดสดไหม"
ซ่งถานเข้าใจความหมายของเธอดี ถ้าเป็นตัวเธอคนเดิมคงจะต้องอายและทำไม่ลง เพียงแต่ถ้านึกถึงความจำเป็นดีๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว เพราะตัวเธอกลับมาวุ่นวายที่ชนบทอยู่ครึ่งเดือนเงินก็หมดเกลี้ยง ถ้าไม่ทำอะไรให้สำเร็จสักอย่าง ครั้งหน้าที่ขอเบิกเงินกับแม่คงต้องพูดจาให้เหนื่อยอีกเยอะแน่ๆ ยิ่งกว่านั้น เธอใช้ประโยชน์จากฝนที่ตกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เรียกพลังจิตวิญญาณไปที่สระน้ำบนเนินเขาไม่น้อย พรุ่งนี้ยังไงก็ต้องได้ผักป่าสักสิบกว่ากิโลกรัม!
เธอตบหน้าอกตัวเอง "วางใจได้เลย! พรุ่งนี้หนูขายได้แน่ๆ "
ซ่งซานเฉินที่เงียบมาตลอด แต่พอได้ยินก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง "รถประจำทางผ่านบ้านเราตอนหกโมงเช้า ต้องอ้อมไปในเมืองอีกนาน กว่าจะถึงตัวเมืองก็เกือบเก้าโมงแล้ว จะมีคนมาซื้อผักเหรอ"
"เอาอย่างนี้ดีกว่า ถานถาน หนูเตรียมของไว้วันนี้ช่วงเย็น แล้วพรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อย พ่อจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งหนูที่ทางแยกให้มันใกล้ขึ้นนิดนึง หนูจะได้ขึ้นรถตรงทางแยกทันตลาดขายของสดตอนเช้า"