บทที่ 143 ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้!
แค๊ก!
ทันทีที่หลินจินไท่จากไป ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน
กระเบื้องใต้ฝ่าเท้าของหลัวเฉิงแตกร้าวทันที พานให้เขาถึงกับต้องล่าถอยไปสามก้าว
เมื่อมองยังแผ่นหลังของหลินจินไท่ที่ค่อยๆ เลือนหาย ดวงตาของหลัวเฉิงก็ประกายแสงเยือกเย็น!
เมื่อครู่นี้คล้ายดั่งว่าหลินจินไท่เพียงตบไหล่เขาเบาๆ สองครั้ง แต่แท้จริงนั้น การตบแต่ละครั้งล้วนแฝงเร้นไปด้วยพลังมากมายหลายพันจิน!
หากเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามธรรมดาทั่วไป เกรงต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงปะทะสองครั้งนี้อย่างแน่นอน!
หลัวเฉิงรับรู้เป็นอย่างดีว่านี่คือคำเตือน เพื่อบังคับให้เขายินยอมพร้อมใจร่วมเรือโจรชั่ว ช่วยผู้อาวุโสเหอกระทำการผิดเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเหล่าศิษย์บำรุงสำนัก!
แต่อย่างไรเสีย ตัวเขาและหลินจินไท่ไม่เคยมีความแค้นใดมาก่อน แต่ทันทีที่ทั้งสองพบหน้ากันคราแรก อีกฝ่ายก็ลงมือกระทำการเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขานั้นเป็นพวกเลวทรามต่ำช้า!
“หลินจินไท่ ข้าจะจำการกระทำของเจ้าในวันนี้ไว้! วันหนึ่งข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้!”
หลัวเฉิงเอี้ยวตัวกลับเข้าห้องพร้อมสีหน้าเย็นชา
หลังปิดประตู หลัวเฉิงก็นั่งขัดสมาธิเข้าฌานสมาธิพร้อมกับหยิบขวดหยกออกมา
เมื่อเอียงขวดหยกเทลงบนฝ่ามือ ก็ปรากฏโอสถหลายเม็ดซึ่งมีสีที่แตกต่าง ปลดปล่อยปราณที่ผันผวนออกมาอย่างรุนแรง
“สู้เท่านั้น!”
หลังมองโอสถสามดาวในมือตน ดวงตาหลัวเฉิงก็เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า!
การมาเยือนของหลินจินไท่ครานี้ ทำให้หลัวเฉิงตระหนักได้ว่า หากเขาไม่สามารถกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกให้เร็วที่สุด การใช้ชีวิตของเขาในสำนักซวนหยวนจะยิ่งทวีความเลวร้ายขึ้นอย่างแน่นอน เขาจะไม่มีทางเป็นอื่นได้นอกจากปลาตัวเล็กในบ่อใหญ่
ไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่นไกลให้มากความ แค่ผู้อาวุโสเหอคนเดียวก็ไม่มีทางปล่อยเขาให้หลุดมือไปแน่
ด้วยเหตุนี้ หลัวเฉิงจึงตัดสินใจต้องทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ ก่อนการทดสอบชิงอวิ๋นจะเริ่มขึ้น!
ตราบใดที่เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ได้ หลัวเฉิงมาดมันว่าเขาต้องมีคุณสมบัติในการช่วงชิงสิบอันดับแรกในการทดสอบชิงอวิ๋นแน่นอน!
“หวังว่ามันจะประสบความสำเร็จในครั้งเดียว!”
โดยไม่ลังเล หลัวเฉิงหยิบโอสถสามดาวออกมาสองเม็ด แล้วกลืนมันเข้าไปพร้อมกันในคราเดียว!
หากคนอื่นได้ประจักษ์เห็นฉากนี้ พวกเขาต้องแสดงความตกตะลึงอย่างแน่นอน ด้วยการกระทำเยี่ยงนี้มีเพียงคนบ้าเพี้ยนเท่านั้นที่ทำได้!
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ทั่วไป ย่อมต้องมีความระแวดระวังในการกลืนโอสถสามดาว!
แต่หากกระทำการดั่งเช่นหลัวเฉิงในตอนนี้ คือกลืนโอสถสามดาวสองเม็ดในคราวเดียว มันมิต่างอันใดกับการรนหาที่ตายดีๆ นั่นเอง!
บูม!
ทันทีที่โอสถสามดาวสองเม็ดร่วงหล่นลงสู่ท้อง พลังอันมหาศาลของมันประหนึ่งภูเขาไฟปะทุก็ระเบิดขึ้นในกายหลัวเฉิง คลื่นฤทธิ์โอสถอันอบอุ่นพวยพุ่งกระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
สรรพางค์กายของหลัวเฉิงเริ่มสะท้านสั่น ใต้ผิวหนังก็ปรากฏเส้นโลหิตปูดโปนขึ้นมา ประหนึ่งว่ามันพร้อมจะระเบิดได้ทุกเสี้ยวลมหายใจ!
มาเลย! เข้ามาเลย!
หลัวเฉิงปิดตาสนิทพร้อมใบหน้าที่ซีดเผือด ปากยังพร่ำกล่าวย้ำๆ กับตนเอง
ทันทีที่โอสถสองเม็ดออกฤทธิ์ เขารู้สึกคล้ายดั่งว่าร่างจะถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ กระดูกเขากำลังรับแรงปะทะจากพลังปราณของโอสถที่ปะทุอย่างต่อเนื่อง
“จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับครั้งนี้เท่านั้น!”
จิตใจหลัวเฉิงแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าไม่มีครั่นคร้ามแม้แต่น้อย เสียงคำรามเขาก้องดังอยู่ในใจ ระงับความเจ็บปวดในกายแล้วโคจรปราณแท้มังกรอย่างสุดกำลัง
กรร!
เสียงคำรามเลื่อนลั่นของมังกรสนั่นดังออกมาจากตันเถียนของหลัวเฉิง
ปราณมังกรที่เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายมันกำลังมีชีวิตชีวาขึ้น มันแหวกว่ายทวนกระแสปราณแท้ในตันเถียนประหนึ่งมันกำลังตื่นเต้น!
ระหว่างที่หลัวเฉิงกำลังฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย
ทางด้านหลินจินไท่ก็มายังลานอันวิจิตรงดงาม
ลานเล็กๆ มีป่าสนหนุนหลัง ด้านหน้าเป็นธาราขนาดย่อม ที่มีใบบัวกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ซึ่งมันงดงามและแปลกตายิ่ง ต่างจากสถานที่ที่ศิษย์บำรุงสำนักอาศัยอยู่โดยสิ้นเชิง
“เข้ามา!”
เสียงของผู้อาวุโสเหอดังออกมาจากลานบ้าน
หลังได้ยิน หลินจินไท่จึงเข้าไปในเรือนทันที
ในสวนมีต้นหลิวโบราณต้นหนึ่ง ซึ่งใต้ต้นมีโต๊ะหินอยู่ และผู้อาวุโสเหอก็กำลังนั่งอยู่ที่นั่น พร้อมกับรินน้ำชาให้ตนเอง ก่อนยกขึ้นจิบอย่างสบายใจ
“ผู้อาวุโส!”
หลินจินไท่เอ่ยทักทายด้วยความเคารพ
ผู้เฒ่าเหอพยักหน้าแล้วถามว่า “เจ้าไปจัดการเรื่องนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าหนุ่มนั่นน่าจะตกลงใช่หรือไม่?”