บทที่ 142 ตัวเต็งสิบอันดับ
ระหว่างทาง หลัวเฉิงได้เรียนรู้หลายสิ่งอย่างจากจางเหลียน
ในการทดสอบชิงอวิ๋นนี้ จำนวนศิษย์บำรุงสำนักที่อยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ห้า มีมากเราร้อยคนเห็นจะได้!
และมีผู้คนอีกหลายพันที่อยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่!
เรื่องเช่นนี้ทำให้หลัวเฉิงรู้สึกกดดันเล็กน้อย
แม้คนเหล่านี้จะเป็นเพียงศิษย์บำรุงสำนักของสำนักซวนหยวน แต่ฐานะดั้งเดิมของคนเหล่านี้ที่อยู่ภายนอกนั้นล้วนเป็นผู้มีอำนาจมิอาจดูแคลน
จึงเป็นการยากนักที่จะมีฝีมือโดดเด่นเหนือกว่าคนเหล่านี้
ทว่า การมีรายชื่ออยู่ในสิบอันดับแรกนับว่ายากยิ่งกว่ามาก!
แม้นเป็นเช่นนั้น แต่หลัวเฉิงก็ไม่เคยคิดถอดใจยอมแพ้
ต่อให้เขาไม่สามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกได้ แต่การทดสอบชิงอวิ๋นนี้ ก็ถือเป็นโอกาสอันดีในการทะลวงจุดเคล็ดวิชามังกรแท้!
“มันคงจะดีไม่น้อย หากระดับพลังยุทธ์ของข้าสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ได้!”
หลัวเฉิงพึมพำกับตนเอง
ที่เขาคิดเช่นนั้นเนื่องจาก ต่อให้เขาต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้า ก็ยังมีความมั่นใจมากถึงแปดส่วน ว่าจะสามารถรับมือได้อย่างสูสี
หลังทั้งสองคุยกันได้ไม่นาน เท้าก็สืบมาจนถึงหน้าเรือนพักของหลัวเฉิง
ทันใด หลัวเฉิงก็หยุดฝีเท้ากะทันหันเมื่อมองไปยังเบื้องหน้า
นี่เป็นเพียงจุดหนึ่งในบริเวณที่พักศิษย์ และพื้นที่แถบนี้ไม่ค่อยมีผู้คนมาเพ่นพ่านนัก
ทว่าขณะนี้ ด้านหน้าห้องพักของหลัวเฉิง กลับปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น
เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม
มาตรว่าชายหนุ่มผู้นี้มีอายุสิบหกปีเศษ เขาสวมอาภรณ์เขียวพร้อมกับกระบี่เหน็บอยู่ที่เอวเล่มหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาละเอียดอ่อนยืนมือไพร่หลังอย่างสงบ เพียงแค่เห็นก็รู้ว่าชายผู้นี้มีพลังไม่ธรรมดา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ชายหนุ่มชุดเขียวก็หันกลับมา
“หลินจินไท่!”
เมื่อเห็นบุตรหนุ่มอาภรณ์เขียว จางเหลียนก็สะดุ้งเฮือกรีบกระซิบบอกหลัวเฉิง
“ชายผู้นี้เป็นศิษย์ที่ผู้อาวุโสภูมิใจมีนามว่า หลินจินไท่! เขาอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าแล้วทั้งพลังยุทธ์ยังลึกล้ำยิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นตัวเต็งสิบอันดับของการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งนี้ก็มิผิด”
“ตัวเต็งสิบอันดับงั้นรึ!”
หลัวเฉิงมองชายผู้นั้นแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาเองก็รับรู้ถึงแรงกดดันของอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน! หากเทียบกับหานเฟิงแล้วชายผู้นี้นับว่ามีความแข็งแกร่งมากกว่าหลายขุมนัก!
เสียงของจางเหลียนทุ้มต่ำ “อาจารย์ของหลินจินไท่คือผู้อาวุโสเหอ ปกติเขาจะไม่ค่อยปรากฏตัว ข้าเกรงว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่ก็คงเป็นเพราะเจ้า…”
หลัวเฉิงพยักหน้าเขาเองก็เข้าใจดีเช่นเดียวกันว่าไม่มีเหตุผลอื่นแน่นอน
ระหว่างนั้นเอง หลินจินไท่ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขาอย่างแช่มช้า
เมื่อมองยังจางเหลียน น้ำเสียงของหลินจินไท่ก็ไม่เปิดโอกาสให้เอ่ยถาม “ไปกันเถอะ!”
“อืมม์!”
แม้จางเหลียนจะรู้สึกอึดอัดในใจ แต่เขาก็มิกล้าปฏิเสธ เขาเหลือบมองหลัวเฉิงแล้วหันหลังออกไปทันที
หลินจินไท่เอียงศีรษะหันมาจ้องหลัวเฉิง คล้ายดั่งว่ามองจำอวด
“ถ้าไม่คิดเลยว่า เจ้าซึ่งเป็นคนไร้ค่าที่มีวิญญาณยุทธ์ขยะกลับสามารถเอาชนะหลี่ฮุ่ยได้ มันทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว”
หลัวเฉิงขมวดคิ้ว
แค่เปิดปากออกมาก็กล่าวคำว่าขยะ เห็นได้ชัดว่าเจตนาจะเหยียดหยาม!
“แล้วมันอย่างไร?”
หลัวเฉิงเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
หลินจินไท่เลิกคิ้วแล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “เดิมที ข้ากำลังเก็บตัวฝึกฝนสำหรับการทดสอบชิงอวิ๋นและข้าไม่อยากไปยุ่งเรื่องไร้สาระ แต่ทว่า ข้าได้ยินบางสิ่ง ว่ามีบางคนไม่ทำตามกฎและไม่ยอมจ่ายรายเดือน ดังนั้นจึงต้องมาดูด้วยตนเอง”
ดูท่าเขาคงจะมาเพราะเหตุนี้จริงๆ!
หลัวเฉิงหรี่ตาลงแต่มิได้เปิดปากกล่าวคำใด
หลินจินไท่ค่อยๆ เดินไปหาหลัวเฉิง แล้วกล่าววาจาแช่มช้า
“ศิษย์บำรุงสำนักในขั้นหลอมกายาทุกคนต้องจ่ายโอสถเลือดลมในทุกเดือน นี่เป็นกฎที่ถูกกำหนดโดยผู้อาวุโสเหอ เจ้าพึ่งมาถึงข้าจึงไม่ถือโทษเพราะคิดว่าเจ้ายังไม่เข้าใจกฎดี แต่ข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่สอง”
หลัวเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส “กฎของสำนักที่ข้าได้เรียนรู้มีเพียงในบันทึกซวนหยวนเท่านั้น ซึ่งมันไม่มีกฎที่เจ้าว่า”
“โอ้…”
หลินจินไท่ถึงกับตกตะลึงไปครู่ จากนั้นเหยียดยิ้มเล็กน้อยพร้อมประกายแสงเย็นวาบในแววตา
“ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ามีนิสัยเถรตรงนัก แต่อย่างไรเสีย ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ และผู้อ่อนแอทำได้เพียงแค่เชื่อฟัง นี่คือกฎแห่งความเป็นจริงที่เจ้าต้องยอมรับ กฎเกณฑ์สามารถถูกสร้างและควบคุมโดยผู้แข็งแกร่งเท่านั้น”
“แล้วข้าจะบอกกฎของข้าให้เจ้าได้รู้ไว้! มีอยู่สองทางเลือกให้เจ้าในตอนนี้ ทางเลือกแรกทำเหมือนหลี่ฮุ่ย ยอมเป็นสุนัขรับใช้และทำหน้าที่ให้ดี เจ้าจะได้รับโอสถเลือดลมเพิ่มสิบเม็ดในทุกเดือน”
“ส่วนทางเลือกที่สอง ฮ่าๆ...”
หลังหัวเราะราวเย้ยหยัน หลินจินไท่ก็ยื่นมือออกไปตบบนไหล่ของหลัวเฉิงสองครั้ง
“ข้าจะกลับมาฟังคำตอบเจ้าอีกครั้งหลังสิ้นสุดการทดสอบชิงอวิ๋น ข้าหวังว่าทางเลือกของเจ้านั้นจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
หลินจินไท่แสยะยิ้มอย่างมีความในแฝง จากนั้นหันหลังแล้วเดินไปทันที