บทที่ 141 หานเฟิงผู้ไร้พ่าย
ผู้อาวุโสที่ลงทะเบียนเป็นชายชราในชุดสีดำ เขาเก็บโอสถเลือดลมเอาไว้แล้วยกป้ายหยกประจำตัวหลัวเฉิงขึ้นมา ทันใดก็แผ่พลังปราณเข้าไปในป้ายหยก
พัฟ!
พลังปราณในป้ายหยกประจำตัวส่องประกายระบุตัวตนอย่างชัดเจน พร้อมกับเผยข้อมูลหลัวเฉิงออกมา
“หลัวเฉิง...”
ทันทีที่ได้ประจักษ์นามแววตาชายชราในอาภรณ์ดำก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ เขาอดไม่ได้ที่จะมองยังหลัวเฉิงซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าตอนนี้
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผู้มีวิญญาณยุทธ์ขยะเข้าร่วมสำนักซวนหยวน ซึ่งขาวใหญ่เช่นนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักฝ่ายในและนอก ซึ่งเขาเองก็ได้ทราบเช่นเดียวกัน
หลังขบคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ชายชราในชุดดำก็เปิดปากถามทันที
“เจ้าต้องการเข้าร่วมทดสอบชิงอวิ๋นจริงหรือ? เจ้าได้ศึกษากฎเกณฑ์การทดสอบชิงอวิ๋นมาแล้วหรือยัง? เมื่อครั้งที่เจ้าไปถึงเกาะแห่งนั้น เจ้าจะทำได้เพียงพึ่งพาตนเองโดยไร้คนปกป้อง อันตรายล้วนเต็มไปทุกหย่อมหญ้า เจ้าเข้าใจเรื่องนี้ใช่หรือไม่”
เพียงสองวันนับตั้งแต่หลัวเฉิงเข้าสู่สำนักซวนหยวน อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดเข้าร่วมทดสอบชิงอวิ๋นเร็วขนาดนี้ตั้งแต่เริ่มเข้าสำนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ชายชราอาภรณ์ดำยังได้ยินเรื่องความขัดแย้งระหว่างหลัวเฉิงและฉินต้าวหยวนอีกต่างหาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาต้องกล่าวเตือน
หลัวเฉิงรู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาดีจึงพยักหน้า “ขอบคุณผู้อาวุโสที่เตือนข้า แต่ข้าใคร่ครวญมาดีแล้ว”
ชายชราในอาภรณ์ดำส่ายศีรษะ ด้วยว่าในทุกปีศิษย์บำรุงสำนักจำนวนมากที่พึ่งอยู่ในช่วงต้นของขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ได้เข้าร่วมในการทดสอบชิงอวิ๋นเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือแสวงหาโชคลา�
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนตายในการทดสอบนี้ ซึ่งหลัวเฉิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาก็คงมีชะตากรรมมิต่างกัน
ช่างปะไร ข้าหาได้มีสิทธิ์หยุดการกระทำของเขาไม่...
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ชายชราในอาภรณ์ดำก็ลงทะเบียนข้อมูลของหลัวเฉิงทันที หลังลงทะเบียนเสร็จจึงยื่นป้ายหยกกลับคืนพลางกล่าวว่า
“พรุ่งนี้รวมตัวกันที่นี่ยามเฉินฉือ เพื่อออกเดินทางสู่เกาะชิงอวิ๋น”
“ขอรับ”
หลัวเฉิงรับป้ายหยกประจำตัวของเขากลับไป
ในเวลานี้หานเฟิงและหลัวเฉิงก็เดินผ่านซึ่งกันและกัน
เมื่อเห็นหลัวเฉิงลงทะเบียนทดสอบชิงอวิ๋น หานเฟิงก็ยิ้มจนเห็นไรฟันสีขาว ใบหน้าเผยให้เห็นความปิติยิ่ง
“เจ้าหนู ข้าหวังว่าเจ้าคงจะไม่โชคร้ายพบข้าบนเกาะชิงอวิ๋นแล้วกัน”
หลังทิ้งวาจาเย้ยหยัน หานเฟิงก็ปาดมือตบโอสถเลือดลมสามเม็ดและพร้อมป้ายหยกประจำตัวลงบนโต๊ะหินดังฉาด
“ข้าต้องการเข้าร่วมทดสอบชิงอวิ๋น!”
“ข้าต่างหากที่ตั้งตาคอยพบเจ้าอยู่...”
คราได้เห็นหานเฟิงมีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ หลัวเฉิงก็พึมพำน้ำเสียงเบาแล้วหันหลังจากไป
จางเหลียนเองก็ไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปทันที
“หลัวเฉิงเจ้าต้องการเข้าร่วมการทดสอบชิงอวิ๋นจริงหรือ?” จางเหลียนถามย้ำอีกครั้งเพื่อเป็นการเตือนให้หลัวเฉิงฉุกคิด
หลัวเฉิงพยักหน้า
จางเหลียนทำสีหน้าจริงจังแล้วกล่าวเตือนว่า “หากเจ้าพบหานเฟิง จงรีบหนีให้ห่างมันทันทีเข้าใจหรือไม่!”
หลัวเฉิงแย้มยิ้มกล่าวว่า “นี่เจ้าไม่ได้หวาดกลัวมันเกินจริงไปหรอกหรือ?”
จางเหลียนพยักหน้ารวดเร็วแล้วกล่าวเสียงหนักแน่น “สิ่งที่คาดกล่าวไปมันไม่เกินจริงเลย! หานเฟิงผู้นี้น่ากลัวมาก ในช่วงต้นปีเขาได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ และฝึกฝนวรยุทธระดับสี่ดาวเช่นเดียวกัน อีกทั้งเคล็ดวิชาฝึกปราณมันยังนับว่าโดดเด่นมากอีกด้วย!”
“หานเฟิงไม่เคยพ่ายให้กับผู้ใดในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ด้วยกัน! ว่ากันว่าความแข็งแกร่งของมันในยามนี้เทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าก็มิผิด!”
“โอ้? ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อผู้ฝึกยุทธ์ใดในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ด้วยกันงั้นหรือ?”
หลัวเฉิงเลิกคิ้วแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “น่าสนใจนัก ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่โผล่หัวมาหาข้าด้วยตนเองแล้วกัน”
ดี! เอ๊ะ!
เมื่อฉุกคิดได้จางเหลียนก็แสดงสีหน้าตกตะลึง นั่นหมายความว่าอย่างไรอย่าโผล่หัวมาให้เห็น!
วาจานี้คล้ายดั่งว่า ผู้ที่ควรหวาดกลัวนั้นมิใช่หลัวเฉิงแต่คือหานเฟิงต่างหาก!
จางเหลียนถึงกับอ้ำอึ้งคล้ายน้ำท่วมลำคอ กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม ก็ยังไม่กล้าทำให้หานเฟิงผู้นี้ขุ่นเคืองด้วยซ้ำ!
ไม่นาน พวกเขาทั้งสองเดินไปรอบๆ ยอดเขาจื่ออวิ๋นอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินกลับไปยังบริเวณเรือนพัก
“หลัวเฉิง เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่เถิด เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการทดสอบชิงอวิ๋นในวันพรุ่งนี้ ส่วนงานที่เหลือไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง ไว้ข้าจะไปพบเจ้าพรุ่งนี้เช้า”
จางเหลียนกล่าวเสียงราบเรียบ
แม้ทั้งสองเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่พวกเขาก็ล้วนเข้ากันได้เป็นอย่างดี
“รบกวนเจ้าแล้ว”
หลัวเฉิงพยักหน้า