ตอนที่ 20 : จับกุม
ตอนที่ 20 : จับกุม
ในขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ ในที่สุดทุกคนก็มองเห็นชายหนุ่มและโครงกระดูกของเขาได้อย่างชัดเจน
หวู่เหิงอยู่ในสภาพที่ไม่ได้แย่อะไร เขาแค่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยเท่านั้น ส่วนโครงกระดูกที่อยู่ข้างๆ เขาซึ่งสวมหมวกกลมนั้นก็มีลูกศรหน้าไม้ 5-6 ดอกปักอยู่ตามหน้าอกและร่างกาย
นอกจากนี้มันยังแบกศพร่างหนึ่งเอาไว้ที่ไหล่ด้วย
นี่ทำให้ทุกคนรู้สึกสับสนขึ้นมา
พวกเขาเห็นพวกคนคลั่งใช้ระเบิดแต่ไม่เห็นคนพวกนั้นใช้หน้าไม้เลย
ถ้าคนพวกนั้นใช้หน้าไม้ได้ พวกเขาก็คงจะไม่สามารถรอดมาได้แน่ๆ
“หวู่เหิง เจ้าหนีไปไหนมา?” คาวิน่าถามทันที
“ข้าไปซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านสักพัก เมื่อข้าเห็นว่าข้างนอกสงบลงแล้ว ข้าจึงได้ออกมา” หวู่เหิงตอบ
“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว” ออทรัคพยักหน้า สายตาของเขามองไปที่ศพบนบ่าของจอมโจรโครงกระดูก “เจ้าแบกใครมา?”
“วางมันลง”
โครงกระดูกวางศพลงกับพื้นและหวู่เหิงก็ดึงผ้าปิดหน้าของอีกฝ่ายออกทันที
คนที่เหลือมองดูศพ และพวกเขาก็ขมวดคิ้ว
“มันคือพ่อบ้านของอะชิโดะ” หวู่เหิงเปิดเผยตัวตนของศพ
ในทันทีที่เขาพูดออกมา ทุกคนก็เบิกตากว้าง และเต็มไปความสับสนกับความประหลาดใจ
พวกเขาเพิ่งพูดถึงว่าพวกเขาสงสัยอะชิโดะ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไร
ในตอนนี้ที่หวู่เหิงกลับมา เขาก็ได้แบกศพของพ่อบ้านของหมอนั่นกลับมาด้วย
“เกิดอะไรขึ้น เล่ารายละเอียดมาที!” ออทรัคถามทันที
“หลังจากที่พวกเราแยกกันหนี ข้าก็ได้หนีไปทางทิศตะวันตก และบังเอิญที่ข้าได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากเหมืองด้านหลัง…”
เขาได้เล่าให้ทุกคนฟังถึงเรื่องที่เขาพบเมื่อคืน
เมื่อคนที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ กลุ่มนั้นเห็นหวู่เหิง อีกฝ่ายก็คิดจะสังหารเขาทันที แต่พวกเขากลับถูกหวู่เหิงสังหารแทน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้เล่าไปว่าเขาใช้ระเบิดควันและจอมโจรโครงกระดูกเพื่อสังหารคนเหล่านั้น และปกปิดเรื่องกองทัพโครงกระดูกของเขาเอาไว้
“เจ้าหมายความว่าพวกมันได้มาเก็บบางสิ่งไปจากเหมืองงั้นเหรอ?” พูลามอนถาม
“ใช่แล้ว หลังจากที่พวกเราดึงดูดความสนใจของคนคลั่งทั้งหมดไป พวกมันก็ได้ใช้โอกาสนั้นเพื่อไปเก็บของบางสิ่ง”
ทันใดนั้น ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดู
แววตาของพูลามอนปรากฏจิตสังหารขึ้นมา
การทำให้ทีมสืบสวนเป็นตัวตลกเช่นนี้ อะชิโดะถือเป็นคนแรกเลย!
“ตัดหัวศพนี่ซะ” พูลามอนสั่ง
ทหารคนหนึ่งก้าวออกมา และตัดหัวของศพ จากนั้นก็ห่อมันไว้ในกระเป๋าหนัง
“ไปกันเถอะ พวกมันคงจะทิ้งม้าไว้แถวๆ นี้ พวกเราคงเดินทางได้เร็วขึ้นถ้าเจอม้าพวกนั้น”
ม้าของทีมสืบสวนได้สูญหายไปหมดแล้วเนื่องจากความวุ่นวายเมื่อคืน
การเดินทางกลับไปด้วยเท้าคงจะใช้เวลานานมากแน่ และอะชิโดะก็อาจจะเตรียมคนไว้สกัดพวกเขาแล้ว
“งั้นก็แยกกันไปหาละกัน” พูลามอนสั่งการต่อ
ทุกคนแยกย้ายกันไปหาม้า และตามที่คาดไว้ พวกเขาก็พบม้าที่ถูกมัดไว้กับต้นไม้
ม้าเหล่านี้อยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควรและไม่ถูกรบกวนอะไร
ทุกคนขึ้นควบม้าและมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้าน
เมื่อพวกเขากลับมาถึงสถานีรถไฟ พวกเขาก็ไม่ได้กลับไปที่เมืองหินดำ พูลามอนได้เรียกรวมพลทหารที่ประจำการอยู่และกลับไปที่คฤหาสน์ของอะชิโดะเพื่อจับกุมตัวเขาในทันที
...
พวกเขามาถึงคฤหาสน์พร้อมด้วยกองกำลังเต็มพิกัด
การป้องกันของคฤหาสน์ไม่อาจเทียบกับการป้องกันของเมืองได้เลย ประตูเหล็กของมันเปราะบางมาก และย่อมไม่สามารถป้องกันการโจมตีของกองทหารได้
“นี่มันขัดต่อกฎนะ หากท่านต้องการจะจับกุมใคร พวกท่านต้องมีหมายจากศาลากลางซะก่อน” ยามเฝ้าประตูตะโกนออกมา
หลังจากการต่อสู้เมื่อคืน พูลามอนก็ไม่ได้มีความอดทนพอจะมาเถียงกับอีกฝ่ายแล้ว
เขาเตะประตูเหล็กด้วยเสียงดัง ‘ปัง’ และตะโกนออกมา “ใครขัดขืนถือว่าเป็นกบฏและให้สังหารให้สิ้นซะ!”
หวือ หวือ หวือ!!
ทันทีที่เขาสั่งการ หน้าไม้ก็ถูกยกขึ้นมาประทับบ่าและเล็งไปข้างหน้า
ยามเฝ้าคฤหาสน์ที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแข็งทื่อไปในทันที และไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร
จากนั้นพวกเขาก็วางอาวุธลงเพื่อไม่ให้ถูกสังหาร
เมื่อมีคำว่ากบฏถูกกล่าวถึง มันก็เห็นได้ชัดว่ามันต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ
เมื่อยามเฝ้าคฤหาสน์วางอาวุธลง เหล่าทหารก็เดินเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
พูลามอนทำท่าทางอีกครั้งและเดินหน้าไปยังสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ตรงกลาง
เมื่อเขามาถึงธรณีประตู ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออก
เจ้าของเหมืองอะชิโดะเดินออกมาโดยมีบางสิ่งที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าสีเหลือง และผ่านช่องว่างของผ้า มันก็สามารถมองเห็นขวดโหลที่เต็มไปด้วยลวดลายได้
พูลามอนเหลือบมองหวู่เหิงที่พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าของที่เขาเห็นเมื่อคืนก็คือสิ่งๆ นี้
ในเวลาเดียวกัน จากมุมมองของหวู่เหิง วัตถุชิ้นนี้ก็ได้แผ่ออร่าแห่งความตายบางๆ ออกมาด้วย
“อะชิโดะ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่?” เสียงของพูลามอนเย็นยะเยือกและมีร่องรอยของจิตสังหารอยู่
“ข้ารู้ ข้ายินดีจะไปกับพวกท่าน แต่ขออย่าทำร้ายใครที่อยู่ที่นี่เลย” อะชิโดะพูดออกมา
ฮึ่ม!
พูลามอนแค่นเสียงออกมา “เจ้ากล้าพูดแบบนี้งั้นเหรอ? แล้วชาวบ้านที่ต้องตายเพราะเจ้าล่ะ?”
ทหารคนหนึ่งก้าวเข้ามาหาอะชิโดะและอีกหลายๆ คนก็ล้อมเขาเอาไว้
ส่วนพูลามอน เขาก็ได้ส่งขวดโหลที่มีออร่าแห่งความตายให้กับหวู่เหิง “ดูแลมันให้ดี อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับมันล่ะ”
บ้าเอ้ย!
หวู่เหิงลอบสบถออกมา และเก็บของสิ่งนี้ไว้ในอ้อมแขนของจอมโจรโครงกระดูก จากนั้นเขาก็เดินตามทีมจับกุมตัวอะชิโดะกลับไป
...
บนรถไฟในระหว่างการเดินทางกลับ
กลุ่มทหารและคนจากสมาคมนักผจญภัยก็ได้เว้นระยะห่างกันอีกครั้ง
จอมโจรโครงกระดูกยืนอยู่ที่ปลายขบวนและกอดขวดโหลเอาไว้
ในขณะเดียวกัน หวู่เหิงและคนอื่นๆ ก็นั่งอยู่อีกด้าน และทอดสายตาออกไป
“หัวหน้า เล่าเรื่องสมาคมนักผจญภัยให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้เลย!” หวู่เหิงถาม
เขาเพิ่งเข้าร่วมกับสมาคมและไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับองค์กรนี้นัก
เหตุผลที่เขาเข้าร่วมกับสมาคมก็เป็นเพราะเขาต้องการสถานะทางกฎหมายก็เท่านั้น
“อืม งั้นข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเกี่ยวกับโครงสร้างภายในสมาคมก่อนละกัน” ออทรัคพูดออกมา “สมาคมนักผจญภัยก็เหมือนกับองค์กรทั่วๆ ไป มันไม่ได้ประกอบขึ้นจากหน่วยเล็กๆ แบบพวกเราที่มีหน้าที่ทำภารกิจเท่านั้น มันยังมีการแบ่งฝ่ายต่างๆ อยู่ภายในนั้นด้วย”
“หน่วยอย่างพวกเราที่ประจำการอยู่ที่สาขาต่างๆ จะถูกเรียกว่า ‘ตัวแทนภายนอก’ พวกเรามีหน้าที่ทำภารกิจและช่วยเหลือสมาชิกของสมาคม นอกเหนือจากพวกเราแล้ว มันก็ยังมีสาขาอื่นๆ ที่มีหน้าที่แตกต่างกันไปด้วย อย่างเช่นพันธมิตรหงเหวิน หน่วยฮันเตอร์ ทูตลับ และอื่นๆ”
“สมาชิกหลักของพันธมิตรหงเหวินจะเป็นพวกนักคิดและนักปราชญ์”
“หน่วยฮันเตอร์จะมีหน้าที่ในการสำรวจและผจญภัย สมาชิกส่วนใหญ่คือเรนเจอร์และโจร”
“ส่วนทูตลับ พวกเขาเชี่ยวชาญในการรวบรวมข้อมูลจากทั่วทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวภายในของอาณาจักรต่างๆ ประวัติศาสตร์ของตระกูลขุนนาง หรือความลับที่ซ่อนอยู่บางส่วนที่เผยแพร่ในคนทั่วไป ข้อมูลพวกนี้คือเป้าหมายของพวกเขานั่นเอง”
เมื่อได้ฟังเรื่องนี้ หวู่เหิงก็เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดขององค์กรนี้ขึ้นมา
สมาคมนักผจญภัยเป็นเหมือนกับโรงเรียน ทุกคนคือนักเรียนในโรงเรียนนี้ และมีหลักสูตรที่แตกต่างกันไป
ถ้าใครชอบศึกษาความรู้ก็จะเข้าร่วมกับพันธมิตรหงเหวิน ถ้าใครชอบผจญภัยก็เข้าร่วมหน่วยฮันเตอร์ ถ้าใครชอบเรื่องซุบซิบต่างๆ ก็จะเข้าร่วมกับทูตลับ
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะสังกัดอยู่ในหน่วยงานไหน แต่พวกเขาก็ยังเป็นสมาชิกของสมาคมนักผจญภัยอยู่ดี
กลไกนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ คาวิน่าก็ย้ำขึ้นมา “จงรักษาระยะห่างจากพวกทูตลับเอาไว้ การปลุกความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาขึ้นมามีแต่จะสร้างปัญหาให้กับตัวเองเท่านั้น เจ้าเองก็คงไม่อยากให้ความลับของเจ้าถูกเปิดเผยใช่ไหมล่ะ?”
บ้าเอ้ย!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าข้อมูลของเขาได้ถูกเปิดเผยไปทั่วแล้ว
“เอ่อ มันมีสมาชิกของทูตลับอยู่ในเมืองหินดำไหม?” หวู่เหิงถาม
“มีสิ ท่านหญิงสลิเธอร์แห่งแมวนำโชคไงล่ะ”