ตอนที่แล้วบรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 35 ค่ายกลสังหารใต้พิภพกับผู้บำเพ็ญสายมารที่ถูกกักขัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 37 แพ้ชนะก็ต้องแต่งงานกับศิษย์น้อง

บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 36 ความกังวลของท่านประมุข


บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 36 ความกังวลของท่านประมุข

"ข้าควรตอบเขากลับอย่างไร"

ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ถาม

ท่านประมุขจ้องมองค่ายกลสังหารอยู่ครู่หนึ่ง

ค่ายกลนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า คงจะมีคุณสมบัติในการซ่อนตัว ผู้บำเพ็ญสายมารที่อยู่ด้านในจึงมองไม่เห็น

แต่หากก้าวเข้าไปในพื้นที่นั้นก็อันตราย

ค่ายกลนี้ไม่ได้ป้องกันแค่คนด้านใน แต่ยังป้องกันไม่ให้ใครก้าวเข้าไปในพื้นที่นี้ด้วย

"ตอบกลับว่า 'ดี'"

ท่านประมุขกล่าว

ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ทำตาม

"หลังจากออกไปแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้า แผ่นหินนี้เพียงหยดเลือดก็ใช้ได้หรือ"

ท่านประมุขถามอีกครั้ง

"ขอรับ เพียงหยดเลือดก็ใช้ได้ แต่ห้ามอยู่ห่างจากที่นี่เกินไป"

ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋กล่าว

ท่านประมุขเรียกแผ่นหินกลับมา

"หลี่ซู พวกเราไปกันเถอะ"

จากนั้นท่านประมุขก็หมุนตัวเดินจากไป

ดูเหมือนว่าหลังจากมาดูสถานการณ์ด้วยตนเองแล้ว ท่านประมุขจะไม่คิดลงมือ

หนึ่งคือไม่รู้ระดับของผู้บำเพ็ญสายมารที่อยู่ด้านใน หากอีกฝ่ายมีระดับทารกก่อกำเนิดขึ้นไปเล่า

สองคือค่ายกลนี้... สำหรับนางแล้ว คงจะไม่มีทางแก้

หากจะลงมือ ท่านประมุขคงจะต้องร่วมมือกับอีกสองนิกาย

ดังนั้นหลี่ซูจึงไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ขึ้นมาแล้วเดินจากไป

ไม่นานนัก ทั้งสองก็กลับมาถึงในถ้ำ ซูอวิ๋นยังคงเฝ้าอยู่ที่นี่

"ไปกันเถอะ"

ท่านประมุขขึ้นไปบนเรือเหาะ

ดูเหมือนว่าท่านประมุขจะไม่คิดวางค่ายกลอะไรไว้ที่นี่

ไม่จำเป็นต้องวาง

ถ้ำใต้ดินนั้นหายากมาก ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ถูกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งไล่ล่ามาตลอดทาง จนหนีเข้ามาในนี้

ผ่านไปหลายปี มีเพียงเขาคนเดียวที่บังเอิญเข้าไปในถ้ำนั้น ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเหตุใดผู้บำเพ็ญสายมารผู้นั้นจึงมอบของมากมายให้เขา

ผู้บำเพ็ญสายมารผู้นั้นอยู่ในถ้ำ คงจะสิ้นหวัง พอมีคนมา ก็ต้องคว้าเอาไว้

บังเอิญเป็นผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ หากเป็นหลี่ซู ต่อให้ระดับต่ำแค่ไหน ก็คงจะหาวิธียักยอกของของอีกฝ่าย จากนั้นจึงสะสมพลังเพื่อจัดการเขา

"ไปกันเถอะ ศิษย์น้อง"

"เจ้าค่ะ"

ทั้งสามคนขึ้นไปบนเรือเหาะอีกครั้ง

เรือเหาะบินออกไปเรื่อย ๆ หลังจากบินออกไปครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ท่านประมุขก็สะบัดมือ พลังสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋

ใบหน้าของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋เปลี่ยนสี ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา

ตบะของเขาถูกทำลาย!

"ข้าสัญญากับเจ้า เจ้าก็ให้ความร่วมมือ ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว"

ท่านประมุขกล่าวอย่างเย็นชา

ใบหน้าของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋เปลี่ยนสี

ให้เขาไปได้อย่างไร

บริเวณนี้ด้านล่างสัตว์อสูรหนาแน่นมาก ผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณระยะปลายเข้ามาก็ต้องตาย

หลังจากเขาถูกทำลายตบะ ก็เป็นเพียงปุถุชน

"สำนักเซียนเวหา..."

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หลี่ซูกลับลงมือ ปิดปากเขาเอาไว้

จากนั้นหลี่ซูก็ยกเขาขึ้นมา โยนลงไปด้านล่าง

อืม เขายังมีน้ำใจ จับอีกฝ่ายเอาไว้ "ส่ง" ไปถึงพื้นดิน ใกล้ ๆ รังแมลงมีพิษ ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายตายช้า

นี่ก็ถือว่าปล่อยอีกฝ่ายไปแล้ว

ยังมีน้ำใจขนาดนี้

ใบหน้าของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋เปลี่ยนสี

ไม่นานนัก ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมา เสียงนั้นดังได้ไม่นาน ก็เงียบลง

ด้วยจำนวนแมลงมีพิษมากมายขนาดนั้น อีกฝ่ายคงไม่เหลือแม้แต่กระดูก

เรือเหาะบินออกไปต่อ

ดูเหมือนท่านประมุขจะไม่ใช่คนไม่รู้จักยืดหยุ่น

การจัดการเช่นนี้ตรงใจหลี่ซูมาก

หลี่ซูมองท่านประมุขที่ยืนอยู่ด้านหน้าเรือเหาะ ร่างของนางดูสง่างามยิ่งนัก

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองจากด้านหลัง ร่างของท่านประมุขยิ่งดูดี

หลี่ซูคิดถึงคำหนึ่ง

เรียกว่า งดงามชวนให้กำเนิดบุตร

หากให้นางให้กำเนิดบุตรให้เขา จะดีเพียงใด

.

ซูอวิ๋นมองท่านประมุข จากนั้นมองหลี่ซู ทันใดนั้นก็รู้สึกว่า เหตุใดหลี่ซูถึงได้เหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ของท่านประมุขมากกว่านาง

นางไม่ได้คิดว่าการจัดการเช่นนี้มีอะไรผิด

กลับรู้สึกสาแก่ใจ ทั้งสาแก่ใจและไม่ผิดคำพูด

ผู้บำเพ็ญเซียนควรจะไม่ผิดคำพูด พูดแล้วทำ จึงจะสามารถเสริมสร้างความมั่นคงทางจิตใจได้

คนที่ปากกับใจไม่ตรงกัน พูดไม่คิด จะสามารถเสริมสร้างจิตใจได้อย่างไร

.

"หลี่ซู ข้าจะยกซูอวิ๋นให้เจ้าเป็นอย่างไร"

ตอนนี้เอง ท่านประมุขกลับพูดขึ้นมา คำพูดนี้ทำให้หลี่ซูถึงกับอึ้ง

คำพูดนี้ออกมาอย่างกะทันหัน

ใบหน้าของซูอวิ๋น "แดงก่ำ" ขึ้นมาทันที

"ข้าเลี้ยงดูอวิ๋นมาตั้งแต่เล็ก นางมีความรู้สึกต่อเจ้าอยู่บ้าง หากปล่อยให้ความรู้สึกนี้ส่งผลต่อการฝึกฝน สู้ให้พวกเจ้าเป็นคู่บำเพ็ญเพียร ฝึกฝนร่วมกันจะดีกว่า"

ท่านประมุขกล่าว

อืม

หลี่ซูมองซูอวิ๋นที่ใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู

แม้จะประหลาดใจ แต่ในพริบตานั้นเขาก็เข้าใจความหมายของท่านประมุข

ท่านประมุข

ยังคงคิดจะช่วยเขาตัดขาดจากเรื่องทางโลก

ผู้บำเพ็ญเซียนไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคู่บำเพ็ญเพียร หลังจากทั้งสองเกิดความรู้สึกต่อกัน ก็สามารถเป็นคู่บำเพ็ญเพียร ฝึกฝนร่วมกัน ช่วยเหลือกัน ผลลัพธ์ก็ไม่ได้แย่

แต่หากมีคู่บำเพ็ญเพียรมากเกินไป เช่น หลี่ซู ก็จะส่งผลเสีย

ที่พูดถึงนี้หมายถึง คนอื่นหากทำเช่นหลี่ซูจะส่งผลเสีย

เว้นแต่จะใช้วิถีมารบางอย่าง เช่น การดูดพลัง...

แต่หากใช้วิธีนั้น ฝ่ายหญิงจะน่าสงสารมาก หลี่ซูนางสนมมากมาย แต่นางสนมเหล่านั้นต่างดูดี มีชีวิตชีวา แน่นอนว่าไม่ได้ใช้วิธีการดูดพลัง

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีวิถีมารอื่น ๆ เช่น วิชาลับร่วมรัก...

แต่วิธีการนั้นโดยทั่วไปจะไม่มีลูกหลาน ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าหลี่ซูจะใช้วิธีนั้น

หลี่ซูมีลูกหลานมากมาย!

นี่จึงเป็นเหตุผลว่า เหตุใดหลี่ซูถึงมีนางสนมมากมาย แต่ผู้บำเพ็ญเซียนกลับไม่คิดว่าหลี่ซูจะใช้วิถีมาร

ท่านประมุขเพียงแค่คิดว่าหลี่ซูหลงใหลในโลกียะ

.

"ส่วนตระกูลหลี่ของเจ้า หากเจ้ายินยอม ข้าสามารถให้ตระกูลหลี่ขึ้นมาแทนราชวงศ์ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกหลานอีก"

ท่านประมุขกล่าวอีกครั้ง

เป็นเช่นนี้เอง

ความคิดของท่านประมุข คงจะใช้ซูอวิ๋นที่งดงามราวกับนางฟ้า และมีคุณสมบัติที่ดี มาทำให้หลี่ซูลืมหญิงสาวในโลกียะ

เช่นนี้หลี่ซูก็จะสามารถตั้งใจฝึกฝนได้

ซูอวิ๋นมีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น นางไม่เพียงแค่สวย แต่ยังเป็นอัจฉริยะ ผู้บำเพ็ญเซียนในเขตพื้นที่ของสามนิกายเซียนใหญ่ ใครบ้างไม่อยากเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับนาง

ขณะเดียวกัน ท่านประมุขกลัวว่าหลี่ซูจะกังวลเรื่องตระกูลหลี่ จึงให้ตระกูลหลี่ขึ้นมาแทนราชวงศ์แคว้นหวู่ มอบชีวิตที่ดีให้ตระกูลหลี่

กล่าวได้ว่า

เพื่อให้หลี่ซูฝึกฝนเหมือนผู้บำเพ็ญเซียนทั่วไป ท่านประมุขคิดมากจริง ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด