ตอนที่แล้วบรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 34 ยอดเยี่ยมจริง ๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 36 ความกังวลของท่านประมุข

บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 35 ค่ายกลสังหารใต้พิภพกับผู้บำเพ็ญสายมารที่ถูกกักขัง


บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 35 ค่ายกลสังหารใต้พิภพกับผู้บำเพ็ญสายมารที่ถูกกักขัง

ไอพิษสีดำแผ่กระจายไปทั่ว

ที่นี่คือป่าไม้ดำ

ดินแดนต้องห้ามสำหรับปุถุชน

ไม่เกินจริงเลยที่จะกล่าวว่า หากแคว้นหวู่ส่งทหารทั้งหมดเข้ามาในป่าไม้ดำ จะมาเท่าใดก็ตายเท่านั้น

แม้จะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณระยะต้นที่เข้ามา ก็มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งในสิบ

ผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณระยะกลางและระยะปลาย ทำได้เพียงทำกิจกรรมบริเวณรอบนอก

สิ่งที่อันตรายที่นี่ไม่ใช่แค่สัตว์อสูร แต่ยังมีสัตว์มีพิษมากมายที่ทำให้คนตายโดยไม่รู้ตัว

สัตว์อสูรที่นี่ เมื่อเทียบกับสัตว์อสูรที่อื่นแล้ว ยิ่งชั่วร้ายมากขึ้น

บนเรือเหาะในตอนนี้ นอกจากท่านประมุขแล้ว ยังมีหลี่ซูกับซูอวิ๋น

และผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ที่ถูกมัดเอาไว้

ท่านประมุขไม่ได้ใช้เรือเหาะเทพเซียน เพียงแค่เป็นเรือเหาะทั่วไป

พวกเขาทั้งสามเดินทางอย่างเรียบง่าย มุ่งหน้าไปยังป่าไม้ดำ

ตามคำบอกเล่าของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ ป่าไม้ดำคือสถานที่ที่ผู้บำเพ็ญสายมารผู้นั้นถูกกักขังเอาไว้

การที่ป่าไม้ดำกลายเป็นแบบนี้ ก็เกี่ยวข้องกับผู้บำเพ็ญสายมารผู้นั้น

พลังของคนผู้นี้ น่าจะแข็งแกร่งมาก

ท่านประมุขคาดเดาว่า พลังดั้งเดิมของคนผู้นี้น่าจะอยู่เหนือระดับทารกก่อกำเนิด แต่เขาถูกกักขังมานานขนาดนี้ ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ พลังที่เหลืออยู่ไม่รู้ว่ามากแค่ไหน

เรือเหาะบินเข้าไปในป่าไม้ดำโดยตรง

สถานที่ที่อันตรายมากสำหรับผู้บำเพ็ญทั่วไป สำหรับท่านประมุขแล้ว สามารถบุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

เพิ่งจะเข้าไป ก็ถูกโจมตี สัตว์อสูรประเภทนกตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา จากนั้นก็ถูกซูอวิ๋นจัดการ

เรือเหาะบินต่อไปข้างหน้า

ระหว่างที่เรือเหาะบินไปข้างหน้า สัตว์อสูรหรือสัตว์มีพิษที่เข้ามาโจมตีเป็นครั้งคราวก็แข็งแกร่งขึ้น

ท่านประมุขไม่ค่อยลงมือ ส่วนใหญ่จะเป็นซูอวิ๋น

นางมีพลังถึงระดับสร้างฐานขั้นหก สัตว์อสูรหรือสัตว์มีพิษระดับสองระยะกลาง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง

แม้จะเป็นสัตว์อสูรหรือสัตว์มีพิษระดับสองระยะปลาย นางก็สามารถต้านทานได้ระยะหนึ่ง

หลี่ซูก็ลงมือเป็นครั้งคราว

วิชาโจมตีของเขาในตอนนี้ไม่ได้มีมากมาย แต่ตบะของเขาตอนนี้ บวกกับอาวุธเวท สัตว์อสูรหรือสัตว์มีพิษระดับสองระยะปลาย ปรากฏตัวขึ้นมาตัวหนึ่งก็ตายตัวหนึ่ง

หลังจากเข้าไปในป่าไม้ดำหลายสิบนาที เรือเหาะก็บินไปไกลหลายร้อยลี้แล้ว สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งก็ค่อย ๆ มากขึ้น

เพราะเรือเหาะทำตัวโดดเด่นเกินไป สัตว์อสูรบางตัวจึงเข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่อง

จำนวนครั้งที่หลี่ซูลงมือจึงมากขึ้น

.

“จากที่นี่ลงไป ก็จะเข้าไปได้แล้ว หลังจากเข้าไปแล้ว เดินทางตามแผนที่ที่ข้ามอบให้ ก็จะถึง ประมุขสำนักเซียนเวหา ข้าหวังว่าท่านจะรักษาสัญญา หลังจากทำลายตบะของข้าแล้ว ปล่อยข้าไป”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ใต้ภูเขาสูงใหญ่ที่ดูธรรมดาแห่งหนึ่ง ภายในถ้ำที่ซ่อนอยู่ เสียงที่อ่อนแรงของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ดังขึ้น

การทำให้คนผู้นี้ยอมพูด ไม่ใช่เรื่องง่าย

จับคนผู้นี้ได้นานกว่าสิบปีแล้ว คนผู้นี้ถึงยอมพูด

ส่วนวิธีการอย่างการค้นหาจิตวิญญาณ สำนักเซียนเวหาไม่รู้ว่ามีหรือไม่

ดูแล้ว น่าจะไม่มี เพราะวิธีการนี้ค่อนข้างชั่วร้าย การค้นหาหนึ่งครั้งสร้างความเสียหายอย่างมากต่อจิตวิญญาณของอีกฝ่าย ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนที่สามารถค้นหาจิตวิญญาณของผู้อื่นได้

ก็มีความเป็นไปได้ว่า ไม่สามารถใช้วิธีนี้กับผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ได้ คนผู้นี้เป็นผู้บำเพ็ญสายมาร อาจจะเป็นไปได้ว่าหลังจากค้นหาจิตวิญญาณแล้ว จิตวิญญาณของคนผู้นี้จะสลายไป

ท่านประมุขดีดนิ้ว ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ก็สลบไป

“หลี่ซู พาเขาไป ซูอวิ๋น เจ้ารออยู่ในถ้ำ”

“เจ้าค่ะ ท่านประมุข”

ถ้ำแห่งนี้ดูธรรมดามาก ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ไม่ได้ปกปิดอะไร

นี่เป็นการกระทำที่ฉลาด

ที่นี่ธรรมดาเกินไป ใครมาถึงที่นี่ก็จะไม่คิดว่าด้านล่างจะมีผู้บำเพ็ญสายมารถูกกักขังเอาไว้

หากปกปิดเอาไว้ เผื่อว่ามีผู้บำเพ็ญเซียนที่แข็งแกร่งกว่าผ่านมาที่นี่ แล้วพบความผิดปกติ ก็จะกลายเป็นการปิดบังอย่างโจ่งแจ้ง

ในมือของท่านประมุขมีแผนที่ ถึงแม้ว่าด้านล่างจะมืดมิด ก็ไม่อาจขัดขวางนางได้

ผู้บำเพ็ญระดับแกนทองระยะปลาย ถึงแม้จะไม่ฝึกฝนวิชาบำเพ็ญที่เน้นการยกระดับจิตตระหนักรู้ จิตตระหนักรู้ก็สามารถตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ ตัวในระยะร้อยลี้ได้อย่างง่ายดาย

ส่วนหากฝึกฝนวิชาบำเพ็ญที่เน้นการยกระดับจิตตระหนักรู้ หรือทานโอสถที่ช่วยยกระดับจิตตระหนักรู้ ก็จะยิ่งไกลกว่านี้

จิตตระหนักรู้สำคัญมากสำหรับผู้บำเพ็ญระดับแกนทอง ดังนั้น ผู้บำเพ็ญระดับแกนทองโดยทั่วไปแล้วจะพยายามเสริมสร้างจิตตระหนักรู้

ท่านประมุขเดินลงไปโดยไม่พูดอะไร หลี่ซูหิ้วผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ที่สลบไสล เดินตามนางไป

ร่างกายของเขาสูงใหญ่ ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ในมือของเขาจึงดูเหมือนลูกไก่

เส้นทางด้านล่างค่อนข้างซับซ้อน

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ท่านประมุขก็หยุดลง

ด้านหน้า ปรากฏถ้ำขนาดใหญ่

ข้าง ๆ ยังมีแม่น้ำใต้ดิน

ภายในถ้ำ ดูเหมือนจะไม่มีอะไร

ท่านประมุขดีดนิ้ว หินก้อนหนึ่งถูกนางดีดเข้าไป

“วูบ!”

กระบี่เล่มหนึ่งที่ดูเรียบง่าย ปรากฏขึ้นมา บดขยี้หินก้อนนั้นทันที

ท่านประมุขดีดสิ่งของอื่น ๆ เข้าไปอีก แต่ก็ถูกกระบี่เล่มนั้นบดขยี้

“ค่ายกล”

หลี่ซูคิด

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นค่ายกลสังหารที่ร้ายกาจ

กล่าวเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญสายมารผู้นั้นถูกกักขังอยู่ในค่ายกลสังหารนี้หรือ

สามารถกักขังผู้บำเพ็ญสายมารที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ค่ายกลสังหารนี้…ร้ายกาจมาก!

สิ่งของที่ท่านประมุขดีดเข้าไปก่อนหน้านี้ มีวัสดุหลอมอาวุธที่แข็งแกร่งมากบางอย่าง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่เล่มนั้น กลับเหมือนกับเต้าหู้ แตะต้องก็แตก

“หลี่ซู ปลุกเขา”

ท่านประมุขกล่าว

หลี่ซูปลุกผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋

“เขาถูกกักขังอยู่ข้างใน สามารถติดต่อได้ด้วยแผ่นหินเท่านั้น ค่ายกลสังหารนี้ร้ายกาจเกินไป เขาใช้เหรียญตราศักดิ์สิทธิ์ต้านทานกระบี่ ถึงจะส่งของบางอย่างออกมาให้ข้าได้ แต่งต้องแลกด้วยอะไรมากมาย”

ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋กล่าว

สิ่งของที่เขากล่าวถึง คือเหรียญตราศักดิ์สิทธิ์ ธงดำ และลูกแกล้วเพลิงอัคคีที่เขาใช้

ส่วนแผ่นหิน เป็นสิ่งที่คนผู้นั้นส่งออกมาอย่างยากลำบากก่อนที่จะถูกกักขัง วัสดุพิเศษ สามารถใช้ในการติดต่อได้

ตำราเล่มนั้นของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ ที่บันทึกวิชาหลอมโอสถชั่วร้ายมากมาย เป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญสายมารผู้นั้นส่งมาผ่านแผ่นหิน คนผู้นี้จดบันทึกเอาไว้

ท่านประมุขโยนแผ่นหินให้ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋

หลังจากผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋รับมา เขาก็กัดนิ้วมือ หยดเลือดลงไปบนแผ่นหิน

ไม่แปลกใจเลย หลี่ซูถึงรู้สึกว่าบนแผ่นหินมีกลิ่นเลือดจาง ๆ

เลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นาน เลือดก็เต็มตัวอักษรบนแผ่นหิน

“ข้าต้องใช้พลังวิญญาณเล็กน้อย”

ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋กล่าว

ท่านประมุขคลายพันธนาการของเขาเล็กน้อย ให้เขาสามารถใช้พลังวิญญาณได้บ้าง

ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋รวบรวมพลังวิญญาณ เริ่มขยับเส้นของตัวอักษร

ไม่สิ เส้นเหล่านั้น ความจริงแล้วสามารถบิดงอและรวมกันได้โดยอัตโนมัติ

ไม่นาน ก็รวมกันเป็นตัวอักษรใหม่ที่ส่องแสงสีเลือด

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”

หลี่ซูรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงไม่รู้จักตัวอักษรเหล่านี้ หลังจากผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ใช้แผ่นหินแล้ว คงจงใจทำให้ตัวอักษรเหล่านี้ยุ่งเหยิง สิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้ไม่ใช่ตัวอักษร ดังนั้นเขาจึงจำไม่ได้

“บอกเขาว่า เจ้าบรรลุระดับแกนทองแล้ว ถามว่าขั้นต่อไปต้องทำอย่างไร”

ท่านประมุขกล่าว

ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋เรียงตัวอักษร หลี่ซูมองดู ครั้งนี้คนผู้นี้ไม่ได้เล่นตุกติก

หลังจากเรียงตัวอักษรแล้ว พลังวิญญาณของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ก็สลายไป ตัวอักษรเหล่านั้นก็มืดมัวลง

ไม่นาน เส้นของตัวอักษรเหล่านั้นก็ขยับ เริ่มรวมกันใหม่ กลายเป็นประโยคหนึ่ง

“ข้ามอบแผนที่ให้เจ้า มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ไปที่พันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ หาเซียนกระหายเลือด อย่าได้เชื่อใจศิษย์นิกายมารใด ๆ”

หลังจากประโยคนี้ปรากฏขึ้นหนึ่งนาที เส้นก็ขยับอีกครั้ง เริ่มกลายเป็นแผนที่

“ดูแล้ว โลกของผู้บำเพ็ญสายมารช่างโหดร้าย”

ผ่านประโยคนี้ หลี่ซูก็คาดเดาได้

ไม่แปลกใจเลย ผู้บำเพ็ญสายมารผู้นั้นถึงให้ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋รอจนถึงระดับแกนทอง ค่อยไปพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์

คาดเดาว่าหากไม่ถึงระดับแกนทอง คนผู้นี้ไปถึงเขตพื้นที่ของพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่ทันได้พบใคร ก็อาจจะถูกผู้บำเพ็ญสายมารคนอื่นสังหาร

ผู้บำเพ็ญสายมารผู้นี้ส่งเหรียญตราศักดิ์สิทธิ์ออกมา ด้านหนึ่งก็เพื่อต้านทานกระบี่ หากไม่มีเหรียญตราศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่อาจส่งสิ่งของอื่น ๆ ออกมาได้ อีกด้านหนึ่งก็คือเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนให้ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋

ส่วนธงดำกับลูกแก้วเพลิงสายฟ้าที่ทำให้ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ในระดับสร้างฐานสามารถต้านทานยันต์เทพเซียนได้ ก็เพื่อให้ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ป้องกันตัว

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า โลกของผู้บำเพ็ญสายมารนั้นโหดร้ายมาก

ผู้บำเพ็ญสายมารไม่เพียงแค่สังหารผู้บำเพ็ญเซียน แต่ยังสังหาร…ผู้บำเพ็ญสายมารด้วย!

ไม่นาน แผนที่ก็ปรากฏขึ้น

หลี่ซูดูแผนที่ รีบวาดเอาไว้

แผนที่นี้ใหญ่มาก มีไม่กี่แห่งที่หลี่ซูรู้จัก

ข่าวดีก็คือ จากแผนที่แล้ว เขตพื้นที่ของพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์อยู่ห่างจากที่นี่มาก

ไม่รู้ว่าผู้บำเพ็ญสายมารผู้นี้มาที่นี่ได้อย่างไร

“น่าจะถูกคนไล่ล่า”

หลี่ซูคิด

ค่ายกลสังหารนี้…อาจจะเป็นคนที่ไล่ล่าเขาวางเอาไว้

ค่ายกลสังหารนี้สามารถกักขังผู้บำเพ็ญสายมารที่เคยอยู่ระดับทารกก่อกำเนิดได้ แสดงว่าทรงพลังมาก ด้วยประสบการณ์ด้านค่ายกลของหลี่ซูในตอนนี้ ยังมองไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

หลี่ซูคาดเดาว่า เขาต้องได้รับประสบการณ์ด้านค่ายกลอีกหลายร้อยปี หรืออาจนานกว่านั้น

หากสามารถเรียนรู้ค่ายกลสังหารนี้ได้ ก็จะทรงพลังมาก

“ประสบการณ์หนึ่งร้อยปีครั้งหน้า ขอเลือกเป็นประสบการณ์ด้านค่ายกล”

หลี่ซูคิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด