บทเสริม 665
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<ตอนพิเศษของอารอน ตอนที่ 7>
2. ดาบที่รอการลับคม (1)
******
อารอนปิดหนังสือลง
เสียงหัวเราะของเทพธิดายังคงก้องอยู่ในหัวของเขา
“เป็นไงบ้าง?”
“.....”
“อารอน นายคิดยังไงกับเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้?....ใครคือคนดี และใครคือคนชั่ว?”
มันเป็นความผิดของใคร?
อิคาร์ที่ยอมให้โมเบียสล่มสลาย?
หรือเป็นความผิดของเทลที่ทำให้ทุกมิติต้องตกอยู่ในความทุกข์ยากเพื่อช่วยน้องสาวของเธอ?
หรือเป็นความผิดของเลคาดิสที่อยู่เบื้องหลังและคอยวางแผนทั้งหมดนี้?
หรือว่าเป็นความผิดของกฎแห่งเวลาที่ตัดสินให้โมเบียสต้องถึงแก่ความพินาศ?
"ผมไม่รู้ครับ"
“ไม่รู้ ไม่เป็นไร นั่นก็เป็นหนึ่งในคำตอบ”
ยูเน็ตยิ้ม
อารอนพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่ว่ายังไง มันก็เป็นเรื่องที่จบไปแล้ว”
ปัจจุบันเทพทั้งสามผู้วางแผนโครงการพิกมีอัพได้หายตัวไปหมดแล้ว
ไม่มีใครในมิติไหนบูชาพวกเขาอีกต่อไป
พวกเขาได้รับผลกรรมที่ยุติธรรมแล้ว
“และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สิ่งที่เทพธิดาทำก็ไม่สามารถให้อภัยได้”
มีฮีโร่และสัตว์ประหลาดกมากมายที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเทพธิดานั้น
เทลสมควรตาย...
เธอต้องตายเพื่อสันติภาพและอนาคตของโมเบียส
"ฉันก็คิดเช่นนั้น มีสิ่งมีชีวิตมากมายในโมเบียสหลายคนต้องทนทุกข์ทรมาน รวมทั้งพวกเราด้วย แต่จะเป็นอย่างไรก็ตามเทพธิดาได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้อย่างงดงาม”
“พิสูจน์แล้วเหรอ?”
"การที่พวกเรามาอยู่ที่นี่ นั้นก็เพราะโมเบียสฟื้นคืนชีพแล้ว”
“แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาดี แต่ฉันก็ไม่สามารถยอมรับกระบวนการนี้ได้”
"ถูกต้อง"
ยูเน็ตพูดต่อ
“ถ้าเทพธิดาองค์นั้นมีเมตตาสักหน่อย... เราอาจจะไม่เกลียดเทพธิดาแห่งความบริสุทธิ์มากขนาดนี้ก็ได้”
“ความเมตตา...งั้นเหรอ?”
เทลกล้าแลกทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการฟื้นคืนชีพโมเบียส
ชีวิตของโมเบียส เทพเจ้าและวิญญาณ ผู้คนบนโลก และแม้แต่ตัวเอง
ไม่มีความเมตตาแต่อย่างใด
แม้ว่าเทลจะทำให้ทุกคนตกนรก แต่เธอไม่สนใจหากคนอื่นต้องตกนรก ตราบใดที่เธอสามารถรักษาเป้าหมายอันบริสุทธิ์ของเธอไว้ได้
เขาไม่เคยคำนึงถึงความเจ็บปวดที่ผู้อื่นจะได้รับในกระบวนการนี้
‘ถ้าเทพธิดามีเมตตา’
สถานการณ์จะเปลี่ยนไปหรือไม่?
ความทุกข์ทรมานของฮีโร่และสัตว์ประหลาดจะบรรเทาลงไหม?
อารอนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เนื่องจากเขาไม่ใช่เทพเจ้า เขาจึงไม่สามารถเดาเจตนาของเทลได้
แต่การยืนยันก็เป็นไปได้
แต่เขาสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า
“มันเป็นไปไม่ได้”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?”
“เพราะความเมตตาของเทพธิดาได้ตายไปแล้ว”
“หึหึหึ ถูกต้องแล้ว”
ดังนั้น กระบวนการและบทสรุปของเรื่องจึงถูกกำหนดไว้แล้ว
เมื่อเทพธิดาแห่งความเมตตายอมสละตัวเอง เทพธิกาแห่งความบริสุทธิ์ก็ไม่มีความเมตตาอีกต่อไป
“นายรู้ไหม?”เกี่ยวกับความบริสุทธิ์และความเมตตาของลัทธิของเทพธิดา”
“ผมได้ยินเรื่องนี้มาสองสามครั้งแล้วจากผู้ศรัทธาในบ้านเกิดของผม แต่ผมก็ไม่รู้ทั้งหมด”
“ความบริสุทธิ์และความเมตตา ความเมตตาและความบริสุทธิ์ หลักการทั้งสองนี้เชื่อมโยงกันและให้พลังชีวิตแก่สิ่งมีชีวิต”
ยูเน็ตอธิบายต่อไป
“สองรวมเป็นหนึ่งเดียว หนึ่งเท่ากับสอง ตามหลักคำสอนของศาสนาเทพธิดา เมื่อความบริสุทธิ์และความเมตตาถูกแยกออกจากกัน ความหายนะก็จะบังเกิดแก่โลก”
"เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นคืออะไรครับ?"
“เพราะความเมตตาที่ปราศจากความบริสุทธิ์ก็ไม่สามารถตัดสินสิ่งใดได้ และความบริสุทธิ์ที่ปราศจากความเมตตาย่อมขับไล่ทุกสิ่งไปสู่ความพินาศ”
ยูเน็ตรินชาลงในแก้ว
อารอนพึมพำ
“ความเมตตาที่ปราศจากความบริสุทธิ์ไม่อาจตัดสินสิ่งใดได้”
“เพียงแต่พิจารณาและครุ่นคิดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าและหยุดนิ่งอยู่ตลอดไป”
“ความบริสุทธิ์ที่ปราศจากความเมตตาก็ผลักดันทุกสิ่งไปสู่ความพินาศ”
“ก้าวไปข้างหน้าเพื่อตัวเองเท่านั้น และกลืนกินจักรวาลอย่างตะกละตะกลาม”
ดังนั้นทั้งสองจึงต้องผสมกันอย่างเหมาะสม
ศาสนาเทพธิดาเรียกสถานะที่ความบริสุทธิ์และความเมตตาถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ว่า 'ความสามัคคี'
“เป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อรู้แล้ว มันไม่น่าสนใจเหรอ?”
“นั้น…ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”
“ในยามสงบ ผู้คนในโลกจะบูชาเทพธิดาแห่งความเมตตา และในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย กษัตริย์ในสมัยโบราณจะบูชาเทพธิดาแห่งความบริสุทธิ์ เพราะความบริสุทธิ์...”
“เป็นเพราะมันให้พลังที่จะต่อสู้กับความทุกข์ยากใช่ไหมครับ?”
"โอ้ นายเรียนรู้มันได้เร็วดีนะ”
ยูเน็ตหัวเราะ
“ถูกต้องแล้วอารอน ความบริสุทธิ์คือความกล้าหาญ มันไม่ย่อท้อและยังมีความอุตสาหะอีกด้วย เนื่องจากความบริสุทธิ์ที่แท้จริงหมายถึงความตั้งใจที่จะไม่ถอยจากความยากลำบากหรือความทุกข์ยากใดๆ”
“....”
“ด้วยความเมตตาเล็กน้อยที่ปะปนเข้ามา กษัตริย์ในสมัยโบราณจึงประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์”
อารอนขมวดคิ้ว
ผสมความบริสุทธิ์กับความเมตตา
มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?
“นายไม่เคยคิดเกี่ยวกับมันเลยใช่ไหม? เป็นเรื่องแปลกที่ความบริสุทธิ์และความเมตตาปะปนกัน”
“ใช่ครับ”
“ถูกต้องมันขัดแย้งกัน ความบริสุทธิ์และความเมตตาไม่สอดคล้องกันในเชิงตรรกะ ความขัดแย้งคือแก่นแท้ของมนุษย์ บนโลก คุณลักษณะของมนุษย์เหล่านี้เรียกว่า 'กลุ่มผู้ทรงอิทธิพล'”
“กลุ่มผู้ทรงอิทธิพล?”
“โอ้ บางทีการเลือกคำศัพท์ของฉันอาจผิดไปนิดหน่อยใช่ไหม? ยังไงก็ตาม ตราบใดที่ความหมายชัดเจนก็พอ”
ยูเน็ตเอียงศีรษะของเธอ
จากนั้นเธอก็ปรบมือเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“เอาล่ะ พอแค่นี้กับเรื่องยากๆ ไปต่อกันเลยดีกว่า”
“แล้วคุณเตรียมพร้อมแล้วเหรอครับ?”
“น่าเสียดายอารอน เหลือเวลาอีกน้อยมากในกระบวนการนี้”
ยูเน็ตหัวเราะเบาๆ
อารอนสงสัยว่าเธอตั้งใจทำมันหรือเปล่า
“ถ้านายเห็นแค่นี้... มันคงจะจบลงจริงๆแล้วล่ะ”
ยูเน็ตโบกมือ
หนังสือแห่งเทพเจ้าที่ถูกลืมเลือนถูกเก็บเข้าไปในชั้นหนังสือ และคราวนี้มีหนังสือเล่มอื่นถูกนำมาที่โต๊ะ
ปกสีเทาให้ความรู้สึกหยาบกระด้าง
หนังสือเล่มนี้มีขอบคมๆที่ให้ความรู้สึกเหมือนจะบาดมือถ้าสัมผัสมัน
อารอนรู้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้
“ไม่ ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ได้!”
อารอนลุกขึ้นยืนทันทีและโบกมือปฏิเสธ
“ทำไมล่ะ?”
“หนังสือเล่มนี้... นั่นคือ หนังสือของเขาไม่ใช่เหรอ!”
“นายหมายถึงรีเจียนเหรอ?”
รีเจียน
เพียงแค่สบตากับชายผู้นั้น ร่างกายของอารอนก็แข็งทื่อราวกับถูกสาป ชายผู้นั้นไม่ค่อยพูด แต่ถ้าเขาแสดงอารมณ์ออกมาเพียงเล็กน้อย ร่างกายของอารอนก็จะสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
เพียงแค่สบตากับเขา ร่างกายของอารอนก็จะแข็งทื่อเหมือนกระต่ายที่ยื่นหน้าเสือ
อารอนไม่สามารถทนต่อบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวได้ เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับชายผู้นั้น ยกเว้นในระหว่างการต่อสู้
‘น่ากลัว’
แม้ว่าอารอนจะผ่านสถานการณ์เฉียดตายและสนามรบมานับไม่ถ้วน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
อารอนรู้สึกประหลาดใจมากที่สมาชิกปาร์ตี้ที่ 1 คนอื่นๆ สามารถเล่นกับผู้ชายที่ดุร้ายเช่นนี้ได้อย่างเป็นกันเอง
“ดูเหมือนว่าการเชิญนายมาที่นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
“ครับ?”
“นายสองคนเข้ากันไม่ได้ แบบนี้จะเรียกว่าเพื่อนร่วมงานได้ยังไง? มันอาจส่งผลเสียต่อการต่อสู้ได้”
“นั่น... จริงครับ แต่ว่า”
“นายไม่ต้องกังวลรีเจียนอนุญาตให้ดูได้”
เขาอนุญาตแล้วเหรอ?
ผู้ชายคนนั้นนะน่ะ?
“ถ้านายไม่ชอบมันก็มีวิธีอื่นนะ….”
ยูเน็ตยิ้ม
“ก็ ‘ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น’ เป็นไง?จับคู่กับรีเจียนเป็นเวลาหนึ่งเดือน ตลอด 24 ชั่วโมงทุกๆวัน...”
“ผมจะอ่านมันครับ!”
อารอนนั่งลงทันที
"น่าเสียดาย รีเจียนจะต้องผิดหวังแน่ๆ ”
อารอนเริ่มคิดว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาเหมือนปีศาจ
“นายเข้าใจบางอย่างผิดไปนะ เขาเป็นคนอบอุ่นและใจดี แม้ว่าภายนอกจะดูเย็นชา”
อารอนนึกถึงการพบกันครั้งแรกกับรีเจียน
และเขาจำการสนทนาครั้งแรกกับผู้ชายคนนั้นได้
<นายเป็นผู้สืบทอดของเจ้านั้นเหรอ?>
<ใช่ครับ…>
<อยากตายหรือไง?>
เขาใจดีตรงไหน?
เหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากต้นคอของอารอน
“มาเริ่มอ่านกันเถอะ วิธีนี้เหมือนกับหนังสือเล่มแรก เปิดออกแล้วตั้งสมาธิ เรื่องราวก็จะเริ่มขึ้น”
“........เข้าใจแล้วครับ”
ดูเหมือนว่าอารอนจะติดกับดักเข้าซะเเล้ว
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเตรียมตัวให้พร้อม
ขอเพียงแค่สนุกกับมัน
เรื่องราวของผู้ชายคนนั้น
ไม่ใช่ว่าอารอนไม่อยากรู้
เพราัเขาเป็นนักดาบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวัลฮัลลา เป็นนักหอกที่แข็งแกร่งที่สุด และนักธนูศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ยงคงกระพัน
ดาบ หอก ดาบ ธนู คทา แส้ เคียว หมัด กรงเล็บ เขาไม่มีคู่ต่อสู้เลยในอาวุธทุกชนิด
ในทุกอาวุธเขาไม่มีใครสามารถเทียบได้
อะไรก็ตามที่ชายคนนั้นคว้ามาได้ก็กลายเป็นอาวุธสังหารศัตรูของเขาทันที
แม้กระทั่งมือเปล่าเขาก็ทำอย่างนั้นได้เช่นกัน
นักสู้ที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนรวมตัวกันที่วัลฮัลลา และแม้ว่าพวกเขาจะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายทศวรรษหรือหลายร้อยปี แต่พวกเขาก็ล้มเหลวต่อหน้าชายคนนั้น
มันเป็นกฎที่ถูกกำหนดไว้
เหมือนกับโชคชะตา
ชายผู้นี้เป็นอัจฉริยะ
เขาเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ และเป็นอัจฉริยะที่อยู่เหนืออัจฉริยะคนอื่นๆ
ดังนั้น
ชายผู้นั้นจึงเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะการต่อสู้ท่ามกลางนักสู้ที่แข็งแกร่งมากมายในวัลฮัลลา
บางคนชื่นชมเขา
บางคนอิจฉาเขา
บางคนพยายามที่จะเอาชนะเขา...
แต่ชายผู้นั้นไม่เคยยอมให้ใครมาแทนที่เขาในอาณาจักรของเขา
'นั้นเหมือนกันกับอารอน'
อารอนก็เป็นหนึ่งในนั้น
ชายผู้นี้มีสิ่งที่อารอนใฝ่ฝันมาตลอด
พรสวรรค์ที่โดดเด่นในศิลปะการต่อสู้
แต่เขาไม่เคยหยิ่งผยอง
เขาออกมาฝึกแต่เช้าตรู่และฝึกจนดึก
'เขาอยากจะรู้….'
ชีวิตของเขาเป็นยังไงนะ มันจะตรงข้ามกับอารอนที่ไม่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้แม้แต่น้อยหรือเปล่า
ในไม่ช้า…ความกลัวก็หายไป
ความอยากรู้อยากเห็นท่วมท้นในใจของอารอน
อารอนเปิดหนังสือขึ้นมา
มันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่