บทที่ 66 ฉันชอบมันมาก
ก่อนที่จะขึ้นบนเวที สวี่ชิวเหวินยังคงคิดว่าจะร้องเพลงไหน
ท้ายที่สุดมีเพลงดีๆมากมายจากชีวิตที่แล้ว
เขาคิดว่าเนื่องจากเป็นงานเลี้ยงปฐมนิเทศ ผู้คนส่วนใหญ่ในกลุ่มผู้ชมจึงเป็นนักศึกษา และสำหรับนักศึกษา ความรักถือเป็นหัวข้อนิรันดร์
ทันใดนั้นเขาก็มีความคิด
“เกาไป๋ชี่ฉิว(ลูกโป่งสารภาพรัก)”
เพลงนี้ออกโดยเจย์โจวในปี 2016 เมื่อปล่อยออกมาก็ปรากฏบนชาร์ตต่างๆอย่างรวดเร็วและเป็นที่ชื่นชอบของคนหนุ่มสาว นอกจากนี้ยังมีเด็กผู้ชายหลายคนที่ใช้เพลงนี้เพื่อแสดงความรู้สึกกับหญิงสาวที่พวกเขาชอบ
ทั้งเพลงมีจังหวะเร็วและมีกลิ่นอายของรักครั้งแรกที่สดใหม่
“…บนแก้วกาแฟ ยังคงกลิ่นหอมไว้
กับรอยปากเธอ บนแก้วนั้นใช่ไหม
ให้ฉันคิดหรือเปล่านะ
บนช่อดอกไม้ ติดชื่อใครเอาไว้
บนฟ้าใครเห็นบอลลูนใบนั้นไหม
ลอยไปหาเธอนั่นไง
จะเข้าไปข้างในหัวใจ
เธอบอกฉันมันคงไม่ง่าย
จะเล่นตัวกันไปทำไม
ก็ใจเธอฟ้องว่าฉันนั้นใช่
แค่ลองมาคบคบดูกันหน่อย
ไม่ต้องกลัวให้หัวใจเอ็นจอย
แค่เธอก็เหมือนเป็นทั้งโลกของหัวใจฉัน
ตกหลุมรัก เมื่อแรกพบเจอแต่นั้นมา
อะไรก็ช่างแสนหวาน
โอ้ที่รัก ฉันรู้เพราะนัยน์ตาเธอนั้น
ฟ้องว่าเธอชอบกัน...”
แม้ว่าจะเป็นการร้องปากเปล่า แต่นักศึกษารุ่นพี่ในกลุ่มผู้ชมก็ยังคงหลงใหลกับมัน
มันฟังดูดีจริงๆ!
มีเพียงคนเคยฟังเพลงสดเท่านั้นที่รู้ว่าถึงอุปกรณ์จะดีแค่ไหนก็ไม่สามารถทดแทนการร้องสดได้
นักศึกษารุ่นพี่ทั้งสามยังได้ดูวิดีโอและฟังเพลงสองเพลงที่สวี่ชิวเหวินร้องด้วย แต่ก็ไม่มีเพลงใดที่ส่งผลกระทบมากเท่ากับปัจจุบัน
“มันโอเคไหม?” สวี่ชิวเหวินถามหลังลงจากเวที
หญิงสาวทั้งสามต่างหลงใหลไปกับมัน และใช้เวลาหลายวินาทีในการกลับมารู้สึกตัว
ก่อนที่เจียงหยินจะพูดอะไร เฉียนหยานที่อยู่ข้างๆเธอยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นแล้วพูดว่า “มันไพเราะสุดๆเลย”
เจียงหยินก็เห็นด้วย “เพลงนี้ดีและเหมาะกับการแสดงในงานเลี้ยงปฐมนิเทศมาก”
“งั้นเรามาใช้เพลงนี้กันเถอะ”
“เอาล่ะ ฉันรู้จักนักศึกษาคนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยศิลป์ข้างๆ เขารับผิดชอบเรื่องเครื่องเสียงสำหรับงานเลี้ยง ฉันสามารถขอให้เขาช่วยคุณทำดนตรีประกอบได้”
สวี่ชิวเหวินส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “มันลำบากเกินไป ลืมมันเถอะ ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือ แค่มีเครื่องดนตรีก็พอ”
“คุณต้องการเครื่องดนตรีอะไร กีตาร์หรอ?”
สวี่ชิวเหวินกำลังจะบอกว่ากีตาร์ก็ได้ แต่เมื่อคำพูดดังกล่าวหลุดออกจากปากของเขา เขาก็นึกถึงอาวุธวิเศษอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือเปียโน
ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะแสดงบนเวทีอย่างมีชื่อเสียง แล้วทำไมไม่ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งล่ะ?
สวี่ชิวเหวินเคยเรียนเปียโนเป็นเวลานานตอนที่เขาอยู่ในมหาวิทยาลัยเมื่อชีวิตก่อน
บังเอิญมีเปียโนอยู่ในชมรมดนตรีของมหาวิทยาลัยเจียวทง และในหอประชุมของมหาวิทยาลัย เขาจึงถามอย่างรู้เท่าทันว่า “ที่มหาลัยมีเปียโนไหม? ผมสามารถเล่นเปียโนและร้องเพลงไปพร้อมๆกันได้ และผลลัพธ์ก็น่าจะไม่แย่”
เมื่อรุ่นพี่ได้ยินว่าเขาเล่นเปียโนได้ ดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นราวกับนึกถึงฉากบางอย่าง
เจียงหยินเป็นคนแรกที่พูด “มีเปียโนอยู่ในหอประชุมของมหาลัย และมันเป็นที่จัดงานเลี้ยงปฐมนิเทศของเราด้วย ฉันสามารถพาคุณไปลองใช้งานได้ หากไม่เข้ามือ ชมรมดนตรีก็ยังมีเปียโนเหมือนกัน และพวกเขาสามารถให้คุณยืมได้”
“ดีเลย”
เมื่อเห็นว่าสวี่ชิวเหวินตกลง เจียงหยินก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอหันไปหาจงจู้และพูดว่า “จงจู้ คุณอยู่ที่นี่รับผิดชอบเรื่องการซ้อม ฉันจะพาเขาไปที่หอประชุม”
เดิมทีจงจู้อยากจะไปด้วย แต่เจียงหยินจัดให้เธออยู่ในหอประชุมเล็ก ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็หม่นลง “ประธาน ฉันก็อยากไปด้วย”
เจียงหยินจ้องมองเธอ “ยังมีโอกาสดูอีกครั้งในอนาคต คุณกังวลอะไร?”
เมื่อถูกบังคับโดยอำนาจของประธาน จงจู้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าเห็นด้วย
ดังนั้นสวี่ชิวเหวินจึงติดตามเจียงหยินและเฉียนหยานไปที่หอประชุมของมหาวิทยาลัย
งานเลี้ยงปฐมนิเทศประจำปีจะจัดขึ้นในหอประชุม สวี่ชิวเหวินไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับที่นี่ แต่เขายังคงประพฤติตนราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกและติดตามรุ่นพี่อย่างซื่อสัตย์
หอประชุมใหญ่และหอประชุมเล็กไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เพียงแค่ขนาดและความสูงที่ต่างกัน
ไม่เพียงแต่เวทีจะใหญ่ขึ้นเท่านั้น จำนวนที่นั่งผู้ชมด้านล่างยังมากกว่าที่นั่งในหอประชุมเล็กอีกด้วย
เวลานี้ ในห้องดนตรีด้านหลังเวทีหอประชุม เปียโนหลังหนึ่งตั้งอยู่เงียบๆ
เป็นเปียโนแบรนด์ที่ค่อนข้างทันสมัยและนิยมใช้ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม สวี่ชิวเหวินไม่ใช่นักเปียโนมืออาชีพและไม่มีความต้องการมากนัก
แค่เป็นเปียโนก็พอ
สวี่ชิวเหวินเดินไปที่เปียโน เปิดฝาครอบ นั่งลง วางนิ้วบนคีย์เบาๆ และฟื้นความรู้สึกในอดีตขึ้นมาทันที
เสียงเปียโนอันไพเราะล่องลอยอยู่ในห้องดนตรีที่ว่างเปล่า
สวี่ชิวเหวินสัมผัสความรู้สึกของเขาและพบว่าอาจเป็นเพราะการเกิดใหม่ ไม่เพียงแต่ความเร็วในการตอบสนองจะเร็วขึ้นเท่านั้น นิ้วของเขาก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และการประสานงานของทั้งร่างกายก็เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดีเสียจนผลลัพธ์ของเสียงเปียโนที่ดังออกมาเกินความคาดหมายของเขามาก
เจียงหยินและเฉียนหยานยืนอยู่ข้างหลังเขาไม่ไกล เฝ้าดูการเคลื่อนไหวอันเชี่ยวชาญของสวี่ชิวเหวิน พวกเขาทั้งสองคิดว่าสวี่ชิวเหวินเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กและเชี่ยวชาญด้านเปียโน
ทั้งสองไม่มีความสามารถด้านนี้ พวกเขาแค่คิดว่าเสียงเปียโนที่ได้ยินนั้นไพเราะมาก
สวี่ชิวเหวินลองใช้ทักษะของเขาในช่วงสั้นๆ และหลังจากได้สัมผัสแล้ว สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นทันที
นิ้วของเขาร่ายรำบนคีย์ และอินโทรของ “ลูกโป่งสารภาพรัก” ก็เริ่มโหมโรง
สวี่ชิวเหวินเล่นเพลงทั้งหมดได้ในคราวเดียว ราบรื่นมากโดยไม่มีการหยุดชะงักหรือข้อผิดพลาดใดๆ
เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
นักศึกษารุ่นพี่ทั้งสองยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
เจียงหยินยังเห็นด้วย “เพลงนี้แหละ คุณจะแสดงเป็นรายการปิดท้าย!”
เฉียนหยานพูดกับเจียงหยินทันที “ประธาน รายการสุดท้ายถูกวางไว้แล้ว”
เจียงหยินโบกมือของเธอแล้วพูดอย่างเด็ดขาด “ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าคำพูดตายตัว ใครเหมาะสมกว่าจะเป็นผู้ชนะ!”
ประธานฝ่ายวรรณกรรมและศิลปะสามารถอย่างเธอสามารถจินตนาการภาพเหตุการณ์ในวันงานเลี้ยงปฐมนิเทศได้แล้ว
เจียงหยินหันกลับไปหาสวี่ชิวเหวินและพูดว่า “น้องชิวเหวิน คุณช่วยร้องเพลงพร้อมกับเล่นอีกครั้งได้ไหม? ฉันจะฟังมัน”
“ไม่มีปัญหา”
ในไม่ช้า เปียโนก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับเสียงร้องที่ชัดเจนของสวี่ชิวเหวิน
***
หลังกลับมาที่หอพักจากมหาวิทยาลัยเจียวทง มีเพียงสามคนในห้อง
หวังจวิ้นไฉกำลังเล่นเกม หลิวจื้อฮ่าวกำลังอ่านหนังสือที่ยืมซือเซียงหมิงมา และจินฮ่าวหนานกำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ
สวี่ชิวเหวินเปิดคอมพิวเตอร์ เข้าสู่เพนกวิน และเห็นข้อความของบรรณาธิการปรากฏขึ้นทันที
ไม่มีข่าวตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่บรรณาธิการของจิ้นเจียงเสนอซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์แต่สวี่ชิวเหวินปฏิเสธ
ทันทีที่เขาออนไลน์วันนี้ เขาเห็นข้อความจากบรรณาธิการบริษัทแห่งหนึ่งที่สนใจลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ของนวนิยาย และกล่าวว่าบุคคลที่รับผิดชอบหวังที่จะสัมภาษณ์สวี่ชิวเหวิน หากเขาเห็นด้วยให้เพิ่มอีกฝ่ายในเพนกวินได้เลย
สวี่ชิวเหวินไม่สนใจการสัมภาษณ์ และเขาไม่มีแผนที่จะขายลิขสิทธิ์ในระยะสั้น
เดิมทีเขาวางแผนที่จะเพิกเฉยต่อมัน แต่เขารู้สึกว่าสุดท้ายแล้วบรรณาธิการก็เป็นเพียงคนทำงาน และไม่จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายลำบาก ดังนั้นเขาจึงเพิ่มเพนกวินของอีกฝ่ายเข้ามาด้วย
อีกฝ่ายตอบรับอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา
หลังจากที่อีกฝ่ายยอมรับแล้ว เขาก็ส่งข้อความว่า “ฉันชื่อเกาต้างจากบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จงอี้ รับผิดชอบในการพัฒนาภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ฉันได้อ่านนวนิยายของคุณแล้ว มันค่อนข้างดี เมื่อคุณมีเวลาเราควรมาพบและพูดคุยกัน”
บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์จงอี้?
สวี่ชิวเหวินเห็นชื่อนี้ และหลังจากพยายามนึกอย่างดีที่สุด เขาก็ยังคงดูสับสน
เป็นชื่อที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ต่อให้เขาจะขายลิขสิทธิ์ เขาก็ไม่ขายให้กับบริษัทเล็กๆที่ไม่รู้จักเช่นนี้
เขายังคงสงสัยว่าบริษัทเล็กๆดังกล่าวจะสามารถผลิตละครโทรทัศน์ดีๆได้หรือไม่
อีกอย่าง บริษัทขนาดเล็กจะยอมจ่ายเงินจำนวนเท่าใดเพื่อค่าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์?
สวี่ชิวเหวินยิ่งสนใจน้อยลงและตอบโดยตรงว่า “ขออภัยด้วย ผมไม่มีความคิดที่จะขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ในเวลานี้ ขอบคุณสำหรับการติดต่อ หากมีโอกาสในอนาคตเราอาจจะได้ร่วมมือกัน”
/////
(TL: ‘ลูกโป่งสารภาพรัก’《告白气球 》เนื้อเพลงแปลไทยจากช่อง HOWDYFIRZT)