ตอนที่แล้วบทที่ 404: ผลกระทบครั้งใหญ่! หัวใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 406: กัปปะนี่ดู... รีบร้อนนะ!

บทที่ 405: ทำไมแตงโมนี้มีสามสี?


ฉินหลินพูดคุยกับรัฐมนตรีหลู่และซุนเจิ้งเหออย่างสนุกสนาน  ต่อมาเขาก็ได้โทรหาเติ้งกวงกับฉู่เยว่  ไม่ว่าจะเป็นผงอาบน้ำร้อนหรือหญ้าแก้เมาก็เป็นหน้าที่ของบริษัทอาหารและบริษัทสุขภาพที่ต้องมาคุยกับซุนเจิ้งเหอ

เติ้งกวงกับฉู่เยว่ก็ได้พาซุนเจิ้งเหอออกจากห้องทำงานของฉินหลินไปคุยรายละเอียดกันต่อที่ห้องรับแขกบ้านไร่

รัฐมนตรีหลู่กล่าวว่า “ขอบคุณที่ช่วยนะเถ้าแก่ฉิน  หอการค้าของคุณซุนช่วยเหลือเราไว้มากจริง ๆ”

ฉินหลินเข้าใจและไม่มีความคิดที่จะต่อความยาวจึงกล่าวว่า “ผมเข้าใจครับ  เรื่องรายละเอียดให้พวกนั้นคุยกันไป  ส่วนเรามาดื่มชากันดีกว่า”

พูดพลางนำชาทิกวนอิมป่าเลเวล 2 ออกมาชงให้รัฐมนตรีหลู่

ในอีกสองวันต่อมา  เติ้งกวงและฉู่เยว่ยังคงหารือเรื่องต่าง ๆ กับซุนเจิ้งเหอต่อ  จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญา

ส่วนราคาผงอาบน้ำร้อนนั้นสูงกว่าที่ขายในเต๋ออี้จื้อถึง 20%

ประเทศเมืองหลวงผู้ร่ำรวยก็ต้องได้รับการปฏิบัติให้สมกับคนรวย

หลังจากนั้นซุนเจิ้งเหอก็จากไป

ในเวลาต่อมาข่งหลินก็เริ่มเข้าสู่การเตรียมการสำหรับบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างเต็มกำลัง

เติ้งกวงยังพาข่งหลินมารายงานสถานการณ์ล่าสุดให้ทราบเป็นครั้งคราว

นอกเหนือจากนั้นฉินหลินค่อนข้างจะสบาย ๆ และไม่มีอะไรทำนอกจากจ้องมองจอเกม

...............................................................................................

ผ่านไปอีกหลายวัน

ช่วงใกล้เที่ยง

ฉินหลินกำลังมองจอเกมและให้ตัวละครทำกิจวัตรประจำวันอยู่ในห้องทำงาน  แต่ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงรีบร้อนตะโกนเข้ามา “น้องฉีนนนนนนนนนน  คิดถืงมากกกกกกกกกก”

หลี่ไข่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มหน้าบาน  เป็นอารมณ์แบบว่าทั้งมั่นใจและภาคภูมิใจสุด ๆ

ในอดีตเขาเป็นเพียงแพะรับบาปที่ไม่มีผลงานการวิจัยของตัวเองเป็นรูปธรรมชัดเจน  เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับโครงการที่คนเค้าลือกันว่าเขาเป็นคนทำสำเร็จ

ดังนั้นเขาจึงอ่อนแอสุด ๆ

แม้ว่าคนอื่นจะสรรเสริญ  แต่เขากลับรู้สึกว่าบ่ามันหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว  เพราะเมื่อมีผลงานการวิจัยเป็นของตัวเองซึ่งความสำเร็จในด้านเทคโนโลยีพันธุกรรมที่อุณหภูมิต่ำก็เด่นไม่แพ้บาปใด ๆ ที่เคยแบกรับมาเลยแล้วมันก็ทำให้บ่ามันเบาลงเยอะเลย

ด้วยเทคโนโลยีทางพันธุกรรมที่อุณหภูมิต่ำนี้ไม่ว่าจะเป็นบาปแบบไหนที่ต้องแบกรับเขาก็สามารถยืนตรงเป็นแพะต่อไปได้สบายบรื๋อ

ฉินหลินเห็นแล้วก็ประหลาดใจเหมือนกัน “การทดลองยีนในอุณหภูมิต่ำสำเร็จสมบูรณ์แล้วเหรอพี่หลี่”

หลี่ไข่อธิบาย “ทำนองนั้นเลย  ที่เยี่ยมสุดคือลองผสมเข้ากับยีนของพืชฤดูร้อนแล้วผลออกมาคือพืชรอดจริง  แปลว่าตอนนี้พืชฤดูร้อนสามารถอยู่รอดและเติบโตในฤดูหนาวได้เหมือนกะแตงโมชิงหลินแล้ว  ที่เหลือก็แค่งานเล็ก ๆ ที่ต้องทำให้เสร็จซึ่งให้ผู้ช่วยไม่กี่คนช่วยทำให้ก็ได้”

ฉินหลินพยักหน้า “ยินดีด้วยนะพี่หลี่!”

แล้วหลี่ไข่ก็ถามด้วยรอยยิ้ม “น้องฉิน  ร่วมยินดีแค่วาจาน่ะไม่ได้นา  ช่วงนี้ฉันน่ะอดอยากปากแห้งมาก ๆ เลย”

ไม่ต้องบอกตรง ๆ ก็รู้ว่าจะมาเอาอะไร “ผมกะว่าเด๋วมื้อเที่ยงจะทำอาหารพอดี  พี่หลี่ก็มาพอดีเลยนะ  ตกลงใช่เรื่องบังเอิญแน่ปะนิ?”

พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วออกไปที่ห้องครัว

หลี่ไข่เดินตามต้อย ๆ ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

ช่วงนี้เขาเอาแต่โฟกัสอยู่กับงานวิจัยจนพลาดอาหารฝีมือน้องฉินมาโดยตลอดจริง ๆ

เมื่อฉินหลินเข้าไปในครัวเหล่าพ่อครัวก็เห็นเขาและถามทันที “เถ้าแก่จะทำอาหารเหรอครับ  ให้ผมช่วยเตรียมส่วนผสมมั้ย”

เขารู้ว่าโดยปกติแล้วเถ้าแก่จะไม่มาที่ครัว  เมื่อใดที่เถ้าแก่มาครัวก็แปลว่าต้องมาทำอาหารหรือไม่ก็ทดลองอะไรบางอย่างเท่านั้น

ฉินหลินตอบว่า “วันนี้จะทำอาหารโอสถสูงสุดระดับฮ่องเต้”

“ครับ!” อาจารย์หลินพยักหน้าและสั่งให้เด็ก ๆ ไปเตรียมของมาโดยด่วน

หลังจากที่เด็กฝึกงานสองคนเตรียมของเสร็จแล้วฉินหลินก็เริ่มลงมือทำอาหาร  ทุกกระบวนการผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นมาก ๆ จนในที่สุดอาหารก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ

แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้หยุดแค่นี้  เขาหยิบกระทะใบใหม่มาใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ลงไป  เหตุเพราะในเมื่อมันถึงมื้อเที่ยงแล้วงั้นก็ทำอาหารส่วนของพวกหลี่หยวนชื่อและพวกหลินหลิ่วไปด้วยเลยแล้วกัน

............................................................................................

ในเวลาเดียวกัน

ในแผนกเพาะปลูกของบ้านไร่ชิงหลิน  อวี้สุ่ยได้พาคนจำนวนหนึ่งไปยังพื้นที่เพาะปลูก  ซึ่งที่นั่นเป็นแปลงปลูกแตงโมชิงหลิน

แตงโมไฮคลาสชุดหนึ่งที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้ใกล้จะสุกแล้ว  ซึ่งเขาได้พาคนมาช่วยเช็กและเลือกตัดไปขาย

โดยแตงโมบางส่วนจะนำออกขายที่ศูนย์การขายชิงหลิน  และส่วนที่เหลือจะมีการบรรจุภัณฑ์อย่างดีส่งไปยังเมืองหลวง

เนื่องจากแตงโม่ชิงหลินไฮคลาสนี้เป็นเหมือนแตงหลวง  มันแตกต่างจากแตงโมชิงหลินทั่ว ๆ ไปที่ส่งเสริมการปลูกกันข้างนอกนั่น  ดังนั้นทุกครั้งที่แตงโมไฮคลาสเหล่านี้โตเต็มที่ก็จะต้องมีการส่งส่วนหนึ่งไปยังเมืองหลวง

สำหรับพนักงานในแผนกเพาะปลูกของอวี้สุ่ยแล้วการเช็กว่าแตงโมลูกไหนสุกไม่สุกนั้นง่ายเหมือนปอกกล้วยกิน  แค่หยิบมาเคาะ ๆ ดูก็รู้แล้ว

“เลือกมาผ่าดูซักสองลูกซิ!” อวี้สุ่ยสั่ง

แตงโมไฮคลาสเหล่านี้ล้วนเป็นลายเซ็นของบ้านไร่หรือประดุจเครื่องบรรณาการ  ดังนั้นเขาจึงต้องชิมด้วยตัวเองก่อนเป็นธรรมดา  นี่เป็นสิทธิ์ของเขาในฐานะผู้จัดการแผนกเพาะปลูกพืชซึ่งคนอื่น ๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้แอบกินแน่นอน

หากตรวจเจอว่ามีใครกล้าล้ำเส้นล่ะก็จะถูกไล่ออก

แน่นอนว่าแม้แต่ตัวพนักงานของแผนกเพาะปลูกย่อมไม่กล้าละเมิด  เพราะถ้าถูกไล่ออกล่ะก็การที่เกษตรกรอย่างตนจะหางานที่ดีไปกว่านี้ทำได้นั้นโอกาสแทบจะเป็นศูนย์

“โฮ่ยยยยยย  ผู้จัดการกกกกกกกกก  แตงลูกนี้มันผิดปกติค้าบบบบบบบบ” พนักงานคนหนึ่งตะโกนบอกด้วยความตกใจ

“มีอะไรเหรอ” อวี้สุ่ยเดินเข้าไปดูอย่างงุนงง  และเมื่อเห็นเนื้อแตงโมลูกที่พนักงงานคนนั้นผ่าก็ต้องตกตะลึง

อิหยังวะ!  ทำไมผ่าแตงมาแล้วมันมีสามสี

แตงโมมีเนื้อสามสี  หรือจะมีอะไรผิดปกติจริง

“ผู้จัดการรรรรรรร  แตงทางผมก็ผิดปกติค้าบบบบบบบบ” พนักงานอีกคนตะโกนบอกหน้านิ่วเลยเหมือนกัน

อวี้สุ่ยรีบหันไปมองและเห็นว่าแตงโมลูกนั้นก็มีสามสีด้วย

นี่เล่นเอาเขาหน้าเหวอไปไม่น้อย  เขาจึงรีบตัดแตงโมมาผ่าดูอีกสองลูก  ซึ่งเนื้อของทั้งสองลูกนั้นเองก็มีสามสีอีก

...............................................................................................

ครัวของคฤหาสน์ชิงหลิน

หลังจากที่ฉินหลินเตรียมอาหารโอสถสูงสุดระดับฮ่องเต้สำหรับทุกคนเสร็จแล้วก็ให้คนเอาไปเสิร์ฟ

“ได้กลิ่นแบบนี้ก็รู้เลยว่าเถ้าแก่ฉินลงมือเอง” หลี่หยวนชื่อพูดขึ้นทันทีที่เข้ามาในร้านอาหาร

“จริง  กลิ่นหอมแบบนี้ฝีมือเถ้าแก่ฉินชัวร์ ๆ”

หยวนชื่อทั้งหลายต่างมานั่งที่โต๊ะอย่างคาดหวัง

พวกหลินหลิ่วสามสาวเองก็คาดหวังด้วยหลังจากที่ได้กลิ่นหอมสมุนไพรเหมือนกัน

มีเพียงเถ้าแก่ฉินเท่านั้นที่สามารถทำอาหารโอสถประเภทนี้ได้  พวกเขาคิดว่าไม่มีพ่อครัวคนใดสามารถทำอาหารที่อร่อยเช่นนี้ได้

โดยที่หลี่ไข่นั้นกำลังสวาปามอย่างเอร็ดอร่อยไม่เกรงใจใครอยู่ก่อนแล้ว

เอาตรง ๆ เลยนะ  พอเทียบกับอาหารโอสถฝีมือน้องฉินแล้วไอ้ที่เรียกว่างานกินเลี้ยงระหว่างที่ทดลองอยู่นั้นแต่ละอย่างล้วนไม่ต่างจากข้าวหมา

ฉินหลินนั่งลงและกำลังจะกินอาหารโอสถกับหลี่ไข่  แต่จู่ ๆ ก็เห็นอวี้สุ่ยวิ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา “เถ้าแก่ครับ  ศาสตราจารย์หลี่ไข่ก็อยู่ด้วยพอดีเลย  ผมมีเรื่องจะบอก  แตงโมที่ปลูกเหมือนจะกลายพันธุ์อีกแล้วล่ะครับ”

“ยังไง?” หลี่ไข่หยุดกินและถามออกมา

พวกหลี่หยวนชื่อที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ กันนั้นก็หันขวับมาอย่างไม่รู้ตัวเหมือนกัน

แตงโมกลายพันธุ์เรอะ  ผลงานใหม่ฝีมือศาสตราจารย์หลี่ไข่อีกแล้วล่ะสิ

ฉินหลินรู้โดยไม่ต้องรู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่จะว่าไปแล้วถ้าจู่ ๆ อวี้สุ่ยไม่มารายงานเขาก็เกือบจะลืมไปแล้วเหมือนกัน  มันน่าจะเป็นแตงโมสามสี (บทที่ 324) ที่โตเต็มที่แล้ว

ก่อนหน้านี้เขาขุดได้หินเมล็ดพิเศษในเหมืองทะเลสาบและเอาไปแลกได้สิทธิ์ซื้อเมล็ดพันธุ์แตงโมสามสีมา  ต่อมาเขาได้แอบเอาเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นไปใส่ปนกับเมล็ดพันธุ์แตงโมเลเวล 2 โดยไม่มีใครสังเกตเห็น

และตอนนี้แตงโมสามสีดังกล่าวนั้นได้โตเต็มที่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นแตงโมสามสีนี่ยังไม่เพียงมีสามสีเท่านั้น  แต่ยังมีสามรสอีกด้วย

แตงโมหนึ่งลูกมีสามรส  นี่มันสุดจริงอะไรจริง

หลี่ไข่รีบถาม “ตกลงเกิดไรขึ้น!”

อวี้สุ่ยก็รีบอธิบาย “วันนี้ผมพาคนไปเก็บแตงโม  พอตัดแตงออกมาผ่าดูก็เห็นว่าเนื้อข้างในมันไม่ได้มีแค่สีเดียว  แต่มันมีสามสี  แถมยังไม่ใช่แค่ลูกเดียวที่เป็นด้วยครับ”

“เนื้อแตงโมสามสี?” หลี่ไข่ได้ยินก็งงสิ

พวกหลี่หยวนชื่อต่างก็เงี่ยหูมาฟังด้วยความอย่างรู้อยากเห็น

แตงโมลูกเดียวจะมีเนื้อสามสีได้ยังไง  เว้นแต่มันจะเติบโตอย่างผิดปกติไม่ก็เน่าไปแล้ว

อีกอย่างคือการเสียบยอดแตงโมให้สีของเนื้อออกมาผสมกันก็เป็นไปไม่ได้ด้วย

แต่มันก็ไม่น่าใช่  เพราะถ้าเน่ามันก็มีแค่สีเดียวอยู่ดี  จะไปมีมากกว่าหนึ่งสีได้ยังไงก่อน

“ไปดูกันเถอะ!” หลี่ไข่ไม่เลิกสนใจอาหารโอสถตรงหน้าทันที  เพราะท้ายที่สุดแล้วเลือดนักวิจัยมันก็เข้มกว่าเลือดคนตะกละ

ตอนนี้แตงโมชิงหลินได้กลายพันธุ์อีกครั้งทำให้เขาเชื่อมโยงมันกับการทดลองยีนในอุณหภูมิต่ำของตัวเองโดยไม่รู้ตัว

แล้วกลุ่มคนก็ออกจากคฤหาสน์ไป

เมื่อหม่าหง (บทที่ 386) เห็นหยวนชื่อหลายคนออกจากคฤหาสน์ก็ได้รีบพาคนเดินตามไปอารักขาอย่างด่วน

ฉินหลินโทรหาเฉินต้าเป่ยบอกให้พาคนมาคอยดูด้วย

ท้ายที่สุดก็มีหยวนชื่อถึง 6 คนซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นถึงหยวนชื่อใหญ่  หากเกิดความผิดพลาดมีอะไรเกิดขึ้นกับหยวนชื่อเหล่านี้ขึ้นมาล่ะก็มันจะไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างแน่นอน

...............................................................................................

สวนของบ้านไร่ชิงหลินมีขนาดใหญ่กว่าที่เคยเป็นมามากแล้ว

แม้แต่พื้นที่ของแปลงปลูกแตงโมก็ยังกว้างใหญ่แบบสุดลูกหูลูกตา

เมื่อฉินหลิน  หลี่ไข่  และหยวนชื่อทั้งหกมาถึง  หม่าหงได้นำคนกระจายกำลังกันไปเฝ้าระวังโดยรอบ  เฉินต้าเป่ยเองก็ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตนเฝ้าระวังรอบนอกอีกชั้น

เฉินต้าเป่ยยังรู้ถึงความสำคัญของหยวนชื่อทั้งหกนี้  ดังนั้นคนที่เขาเรียกมาทั้งหมดล้วนเป็นอดีตรบพิเศษจากคฤหาสน์และทหารผ่านศึกชั้นยอดจากบ้านไร่

ด้วยความสำคัญของหยวนชื่อทั้งหกนี้ไอ้เรื่องการอารักขาให้ความปลอดภัยนั้นไม่ต้องพูดเยอะให้มันเจ็บคอ

อวี้สุ่ยได้เดินไปที่พนักงานแผนกเพาะปลูกแล้วนำแตงโมที่หั่นแล้วสองลูกมาให้กับพวกฉินหลิน “เถ้าแก่  ศาสตราจารย์หลี่ไข่  ดูนี่สิครับ  มันเป็นแบบนี้”

หลี่ไข่รับแตงส่วนนั้นมาดูและเห็นว่ามันมีสามสีจริง ๆ ซึ่งเป็นสีของเนื้อแตงสดใหม่ไม่มีเน่าเลย

หลี่หยวนชื่อกับหลินหยวนชื่อต่างชะโงกดูบ้างอย่างประหลาดใจ  เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกตนเคยเห็นแตงโมที่มีสีของเนื้อต่างกันถึงสามสีในลูกเดียว

นอกจากนี้พื้นที่ของเนื้อแตงทั้งสามสียังแบ่งเท่า ๆ กันโดยไม่ได้สุ่มอยู่ตรงนั้นทีตรงนี้ทีซะด้วย  ราวกับว่าเกิดมามันก็เป็นแบบนี้เลย

“แตงโมลูกนี้มหัศจรรย์ดีแท้” ฉู่หยวนเดินเข้ามาพูด

“มหัศจรรย์จริง ๆ นั่นแหละ  แต่ไม่รู้ว่ามันจะกินได้มั้ยเนี่ยสิ” เฟยหยวนชื่อพูดเสริม

หลี่หยวนชื่อหยิบแตงโมครึ่งลูกขึ้นมาจ่อที่ปลายจมูกแล้วดมกลิ่นก่อนจะบอกว่า “กลิ่นแตงโมสดไม่ได้เน่าเสีย”

หลี่ไข่ที่เห็นแบบนี้ก็ไม่ได้ลังเลอะไร  เขารีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาห้องแล็บและให้ผู้ช่วยเอาอุปกรณ์ทดสอบมาให้

หลังจากวางสายแล้วก็ถามอวี้สุ่ยว่า “พอจะบอกได้มั้ยว่าแตงลูกไหนบ้างที่มีสามสี  แล้วลูกไหนบ้างที่ไม่มี”

อวี้สุ่ยพยักหน้า “ครับ  เถาของต้นที่มีสามสีมันจะหนากว่า  ใบก็ใหญ่กว่าแถมตัวใบจะเป็นสามเหลี่ยม!”

ไม่เสียราคาที่เป็นถึงผู้จัดการแผนกเพาะปลูก  แค่สังเกตดูนิดหน่อยก็สามารถบอกรายละเอียดความแตกต่างให้แก่เถ้าแก่และศาสตราจารย์หลี่ไข่ได้แล้ว

หลี่ไข่พยักหน้าและเริ่มเดินลุยทุ่งแตงโมตามที่อวี้สุ่ยบอก

หลังจากเก็บแตงโมมาสองสามลูกแล้วผ่าดูก็ปรากฏว่าเป็นเนื้อสามสีทั้งหมดจริง ๆ

ส่วนแตงโมอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบเป็นเนื้อสีแดงเดิม ๆ

ไม่นานหลังจากนั้นทางห้องแล็บก็เอาอุปกรณ์ทดสอบมาส่ง

หลี่ไข่หยิบแตงโมสามสีมาทดสอบกับเครื่องมือเหล่านั้นทันที  ก่อนอื่นเลยคือทดสอบพิษว่ากินแล้วจะเป็นอันตรายหรือไม่

ถ้ากินแล้วไม่เป็นอันตรายก็สามารถกินได้เหมือนกับแตงโมทั่ว ๆ ไป

หลี่ไข่เป็นศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกพืช  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะตรวจสอบว่าในเนื้อของพืชผลต่าง ๆ มีสารที่เป็นอันตรายแฝงอยู่หรือไม่

ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเขาก็ตรวจสอบแตงโมสามสีไปแล้ว 10 ลูก

แถมข้อสรุปก็คือ “แตงโมพวกนี้ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย  แถมยังสดอยู่ไม่ได้เน่าเสีย  เพราะงั้นกินได้แน่นอน”

“แถมแตงโมพวกนี้น่าจะมีกันอยู่สองระดับด้วย  เพราะมีองค์ประกอบที่ต่างกันอยู่  ถ้าอยากรู้ว่าต่างยังไงก็ต้องลองกินดู”

ส่วนฉินหลิน  เขาย่อมรู้ผลนี้มาตั้งนานแล้ว

เมื่อปลูกเมล็ดพันธุ์เลเวล 2 ก็จะมีโอกาสโชคดีปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและรักษาผลผลิตเลเวล 2 ไว้ได้

โดยในกรณีนี้เมื่อเพาะเมล็ดพันธุ์เลเวล 1 ขึ้นมาก็จะได้แตงโมสามสีเลเวล 1 เท่านั้น  ส่วนเมล็ดพันธุ์เลเวล 2 ที่เก็บมาโดยมีการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแล้วนั้นจะปลูกได้ผลผลิตเป็นแตงโมสามสีเลเวล 2 ตลอด

อย่างไรก็ตามมันคือสิ่งที่เขาไม่สามารถพลั้งปากโพล่งออกไปได้  ก็เลยได้แต่สั่งอวี้สุ่ยว่า “งั้นก็เอาแตงโมสามสีนี่ไปหั่นแบ่งให้ทุกคนลองชิมดูละกัน”

แน่นอนเขารู้ว่ามันมีสามรส  และเชื่อมากว่าพวกพี่หลี่และเหล่าหยวนชื่อกินแล้วเป็นต้องอึ้งกันหมดแน่นอน

ไม่นานอวี้สุ่ยก็หั่นแตงโมเสร็จแล้วนำมาวางตรงหน้าทุกคน  โดยที่แต่ละชิ้นจะมีทั้งสามสี

หลี่ไข่หยิบชิ้นแตงโมขึ้นมาใส่ปากดูทันทีโดยที่กัดตรงเนื้อสีแดงก่อน

แน่นอนว่าอร่อยมาก  แต่ก็ไม่ได้ต่างจากเนื้อแตงโมชิงหลินปกติ

จากนั้นหลี่ไข่ก็กัดตรงเนื้อสีเหลืองเข้าไปอีกคำ  แต่หลังจากกัดเข้าไปแล้วก็ต้องยืนตะลึงและอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อเลย “รสกล้วยเรอะ?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด