บทที่ 405: ทำไมแตงโมนี้มีสามสี?
ฉินหลินพูดคุยกับรัฐมนตรีหลู่และซุนเจิ้งเหออย่างสนุกสนาน ต่อมาเขาก็ได้โทรหาเติ้งกวงกับฉู่เยว่ ไม่ว่าจะเป็นผงอาบน้ำร้อนหรือหญ้าแก้เมาก็เป็นหน้าที่ของบริษัทอาหารและบริษัทสุขภาพที่ต้องมาคุยกับซุนเจิ้งเหอ
เติ้งกวงกับฉู่เยว่ก็ได้พาซุนเจิ้งเหอออกจากห้องทำงานของฉินหลินไปคุยรายละเอียดกันต่อที่ห้องรับแขกบ้านไร่
รัฐมนตรีหลู่กล่าวว่า “ขอบคุณที่ช่วยนะเถ้าแก่ฉิน หอการค้าของคุณซุนช่วยเหลือเราไว้มากจริง ๆ”
ฉินหลินเข้าใจและไม่มีความคิดที่จะต่อความยาวจึงกล่าวว่า “ผมเข้าใจครับ เรื่องรายละเอียดให้พวกนั้นคุยกันไป ส่วนเรามาดื่มชากันดีกว่า”
พูดพลางนำชาทิกวนอิมป่าเลเวล 2 ออกมาชงให้รัฐมนตรีหลู่
ในอีกสองวันต่อมา เติ้งกวงและฉู่เยว่ยังคงหารือเรื่องต่าง ๆ กับซุนเจิ้งเหอต่อ จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปและเซ็นสัญญา
ส่วนราคาผงอาบน้ำร้อนนั้นสูงกว่าที่ขายในเต๋ออี้จื้อถึง 20%
ประเทศเมืองหลวงผู้ร่ำรวยก็ต้องได้รับการปฏิบัติให้สมกับคนรวย
หลังจากนั้นซุนเจิ้งเหอก็จากไป
ในเวลาต่อมาข่งหลินก็เริ่มเข้าสู่การเตรียมการสำหรับบริษัทอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างเต็มกำลัง
เติ้งกวงยังพาข่งหลินมารายงานสถานการณ์ล่าสุดให้ทราบเป็นครั้งคราว
นอกเหนือจากนั้นฉินหลินค่อนข้างจะสบาย ๆ และไม่มีอะไรทำนอกจากจ้องมองจอเกม
...............................................................................................
ผ่านไปอีกหลายวัน
ช่วงใกล้เที่ยง
ฉินหลินกำลังมองจอเกมและให้ตัวละครทำกิจวัตรประจำวันอยู่ในห้องทำงาน แต่ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงรีบร้อนตะโกนเข้ามา “น้องฉีนนนนนนนนนน คิดถืงมากกกกกกกกกก”
หลี่ไข่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มหน้าบาน เป็นอารมณ์แบบว่าทั้งมั่นใจและภาคภูมิใจสุด ๆ
ในอดีตเขาเป็นเพียงแพะรับบาปที่ไม่มีผลงานการวิจัยของตัวเองเป็นรูปธรรมชัดเจน เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับโครงการที่คนเค้าลือกันว่าเขาเป็นคนทำสำเร็จ
ดังนั้นเขาจึงอ่อนแอสุด ๆ
แม้ว่าคนอื่นจะสรรเสริญ แต่เขากลับรู้สึกว่าบ่ามันหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะเมื่อมีผลงานการวิจัยเป็นของตัวเองซึ่งความสำเร็จในด้านเทคโนโลยีพันธุกรรมที่อุณหภูมิต่ำก็เด่นไม่แพ้บาปใด ๆ ที่เคยแบกรับมาเลยแล้วมันก็ทำให้บ่ามันเบาลงเยอะเลย
ด้วยเทคโนโลยีทางพันธุกรรมที่อุณหภูมิต่ำนี้ไม่ว่าจะเป็นบาปแบบไหนที่ต้องแบกรับเขาก็สามารถยืนตรงเป็นแพะต่อไปได้สบายบรื๋อ
ฉินหลินเห็นแล้วก็ประหลาดใจเหมือนกัน “การทดลองยีนในอุณหภูมิต่ำสำเร็จสมบูรณ์แล้วเหรอพี่หลี่”
หลี่ไข่อธิบาย “ทำนองนั้นเลย ที่เยี่ยมสุดคือลองผสมเข้ากับยีนของพืชฤดูร้อนแล้วผลออกมาคือพืชรอดจริง แปลว่าตอนนี้พืชฤดูร้อนสามารถอยู่รอดและเติบโตในฤดูหนาวได้เหมือนกะแตงโมชิงหลินแล้ว ที่เหลือก็แค่งานเล็ก ๆ ที่ต้องทำให้เสร็จซึ่งให้ผู้ช่วยไม่กี่คนช่วยทำให้ก็ได้”
ฉินหลินพยักหน้า “ยินดีด้วยนะพี่หลี่!”
แล้วหลี่ไข่ก็ถามด้วยรอยยิ้ม “น้องฉิน ร่วมยินดีแค่วาจาน่ะไม่ได้นา ช่วงนี้ฉันน่ะอดอยากปากแห้งมาก ๆ เลย”
ไม่ต้องบอกตรง ๆ ก็รู้ว่าจะมาเอาอะไร “ผมกะว่าเด๋วมื้อเที่ยงจะทำอาหารพอดี พี่หลี่ก็มาพอดีเลยนะ ตกลงใช่เรื่องบังเอิญแน่ปะนิ?”
พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วออกไปที่ห้องครัว
หลี่ไข่เดินตามต้อย ๆ ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข
ช่วงนี้เขาเอาแต่โฟกัสอยู่กับงานวิจัยจนพลาดอาหารฝีมือน้องฉินมาโดยตลอดจริง ๆ
เมื่อฉินหลินเข้าไปในครัวเหล่าพ่อครัวก็เห็นเขาและถามทันที “เถ้าแก่จะทำอาหารเหรอครับ ให้ผมช่วยเตรียมส่วนผสมมั้ย”
เขารู้ว่าโดยปกติแล้วเถ้าแก่จะไม่มาที่ครัว เมื่อใดที่เถ้าแก่มาครัวก็แปลว่าต้องมาทำอาหารหรือไม่ก็ทดลองอะไรบางอย่างเท่านั้น
ฉินหลินตอบว่า “วันนี้จะทำอาหารโอสถสูงสุดระดับฮ่องเต้”
“ครับ!” อาจารย์หลินพยักหน้าและสั่งให้เด็ก ๆ ไปเตรียมของมาโดยด่วน
หลังจากที่เด็กฝึกงานสองคนเตรียมของเสร็จแล้วฉินหลินก็เริ่มลงมือทำอาหาร ทุกกระบวนการผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นมาก ๆ จนในที่สุดอาหารก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้หยุดแค่นี้ เขาหยิบกระทะใบใหม่มาใส่ส่วนผสมต่าง ๆ ลงไป เหตุเพราะในเมื่อมันถึงมื้อเที่ยงแล้วงั้นก็ทำอาหารส่วนของพวกหลี่หยวนชื่อและพวกหลินหลิ่วไปด้วยเลยแล้วกัน
............................................................................................
ในเวลาเดียวกัน
ในแผนกเพาะปลูกของบ้านไร่ชิงหลิน อวี้สุ่ยได้พาคนจำนวนหนึ่งไปยังพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งที่นั่นเป็นแปลงปลูกแตงโมชิงหลิน
แตงโมไฮคลาสชุดหนึ่งที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้ใกล้จะสุกแล้ว ซึ่งเขาได้พาคนมาช่วยเช็กและเลือกตัดไปขาย
โดยแตงโมบางส่วนจะนำออกขายที่ศูนย์การขายชิงหลิน และส่วนที่เหลือจะมีการบรรจุภัณฑ์อย่างดีส่งไปยังเมืองหลวง
เนื่องจากแตงโม่ชิงหลินไฮคลาสนี้เป็นเหมือนแตงหลวง มันแตกต่างจากแตงโมชิงหลินทั่ว ๆ ไปที่ส่งเสริมการปลูกกันข้างนอกนั่น ดังนั้นทุกครั้งที่แตงโมไฮคลาสเหล่านี้โตเต็มที่ก็จะต้องมีการส่งส่วนหนึ่งไปยังเมืองหลวง
สำหรับพนักงานในแผนกเพาะปลูกของอวี้สุ่ยแล้วการเช็กว่าแตงโมลูกไหนสุกไม่สุกนั้นง่ายเหมือนปอกกล้วยกิน แค่หยิบมาเคาะ ๆ ดูก็รู้แล้ว
“เลือกมาผ่าดูซักสองลูกซิ!” อวี้สุ่ยสั่ง
แตงโมไฮคลาสเหล่านี้ล้วนเป็นลายเซ็นของบ้านไร่หรือประดุจเครื่องบรรณาการ ดังนั้นเขาจึงต้องชิมด้วยตัวเองก่อนเป็นธรรมดา นี่เป็นสิทธิ์ของเขาในฐานะผู้จัดการแผนกเพาะปลูกพืชซึ่งคนอื่น ๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้แอบกินแน่นอน
หากตรวจเจอว่ามีใครกล้าล้ำเส้นล่ะก็จะถูกไล่ออก
แน่นอนว่าแม้แต่ตัวพนักงานของแผนกเพาะปลูกย่อมไม่กล้าละเมิด เพราะถ้าถูกไล่ออกล่ะก็การที่เกษตรกรอย่างตนจะหางานที่ดีไปกว่านี้ทำได้นั้นโอกาสแทบจะเป็นศูนย์
“โฮ่ยยยยยย ผู้จัดการกกกกกกกกก แตงลูกนี้มันผิดปกติค้าบบบบบบบบ” พนักงานคนหนึ่งตะโกนบอกด้วยความตกใจ
“มีอะไรเหรอ” อวี้สุ่ยเดินเข้าไปดูอย่างงุนงง และเมื่อเห็นเนื้อแตงโมลูกที่พนักงงานคนนั้นผ่าก็ต้องตกตะลึง
อิหยังวะ! ทำไมผ่าแตงมาแล้วมันมีสามสี
แตงโมมีเนื้อสามสี หรือจะมีอะไรผิดปกติจริง
“ผู้จัดการรรรรรรร แตงทางผมก็ผิดปกติค้าบบบบบบบบ” พนักงานอีกคนตะโกนบอกหน้านิ่วเลยเหมือนกัน
อวี้สุ่ยรีบหันไปมองและเห็นว่าแตงโมลูกนั้นก็มีสามสีด้วย
นี่เล่นเอาเขาหน้าเหวอไปไม่น้อย เขาจึงรีบตัดแตงโมมาผ่าดูอีกสองลูก ซึ่งเนื้อของทั้งสองลูกนั้นเองก็มีสามสีอีก
...............................................................................................
ครัวของคฤหาสน์ชิงหลิน
หลังจากที่ฉินหลินเตรียมอาหารโอสถสูงสุดระดับฮ่องเต้สำหรับทุกคนเสร็จแล้วก็ให้คนเอาไปเสิร์ฟ
“ได้กลิ่นแบบนี้ก็รู้เลยว่าเถ้าแก่ฉินลงมือเอง” หลี่หยวนชื่อพูดขึ้นทันทีที่เข้ามาในร้านอาหาร
“จริง กลิ่นหอมแบบนี้ฝีมือเถ้าแก่ฉินชัวร์ ๆ”
หยวนชื่อทั้งหลายต่างมานั่งที่โต๊ะอย่างคาดหวัง
พวกหลินหลิ่วสามสาวเองก็คาดหวังด้วยหลังจากที่ได้กลิ่นหอมสมุนไพรเหมือนกัน
มีเพียงเถ้าแก่ฉินเท่านั้นที่สามารถทำอาหารโอสถประเภทนี้ได้ พวกเขาคิดว่าไม่มีพ่อครัวคนใดสามารถทำอาหารที่อร่อยเช่นนี้ได้
โดยที่หลี่ไข่นั้นกำลังสวาปามอย่างเอร็ดอร่อยไม่เกรงใจใครอยู่ก่อนแล้ว
เอาตรง ๆ เลยนะ พอเทียบกับอาหารโอสถฝีมือน้องฉินแล้วไอ้ที่เรียกว่างานกินเลี้ยงระหว่างที่ทดลองอยู่นั้นแต่ละอย่างล้วนไม่ต่างจากข้าวหมา
ฉินหลินนั่งลงและกำลังจะกินอาหารโอสถกับหลี่ไข่ แต่จู่ ๆ ก็เห็นอวี้สุ่ยวิ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา “เถ้าแก่ครับ ศาสตราจารย์หลี่ไข่ก็อยู่ด้วยพอดีเลย ผมมีเรื่องจะบอก แตงโมที่ปลูกเหมือนจะกลายพันธุ์อีกแล้วล่ะครับ”
“ยังไง?” หลี่ไข่หยุดกินและถามออกมา
พวกหลี่หยวนชื่อที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ กันนั้นก็หันขวับมาอย่างไม่รู้ตัวเหมือนกัน
แตงโมกลายพันธุ์เรอะ ผลงานใหม่ฝีมือศาสตราจารย์หลี่ไข่อีกแล้วล่ะสิ
ฉินหลินรู้โดยไม่ต้องรู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จะว่าไปแล้วถ้าจู่ ๆ อวี้สุ่ยไม่มารายงานเขาก็เกือบจะลืมไปแล้วเหมือนกัน มันน่าจะเป็นแตงโมสามสี (บทที่ 324) ที่โตเต็มที่แล้ว
ก่อนหน้านี้เขาขุดได้หินเมล็ดพิเศษในเหมืองทะเลสาบและเอาไปแลกได้สิทธิ์ซื้อเมล็ดพันธุ์แตงโมสามสีมา ต่อมาเขาได้แอบเอาเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นไปใส่ปนกับเมล็ดพันธุ์แตงโมเลเวล 2 โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
และตอนนี้แตงโมสามสีดังกล่าวนั้นได้โตเต็มที่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นแตงโมสามสีนี่ยังไม่เพียงมีสามสีเท่านั้น แต่ยังมีสามรสอีกด้วย
แตงโมหนึ่งลูกมีสามรส นี่มันสุดจริงอะไรจริง
หลี่ไข่รีบถาม “ตกลงเกิดไรขึ้น!”
อวี้สุ่ยก็รีบอธิบาย “วันนี้ผมพาคนไปเก็บแตงโม พอตัดแตงออกมาผ่าดูก็เห็นว่าเนื้อข้างในมันไม่ได้มีแค่สีเดียว แต่มันมีสามสี แถมยังไม่ใช่แค่ลูกเดียวที่เป็นด้วยครับ”
“เนื้อแตงโมสามสี?” หลี่ไข่ได้ยินก็งงสิ
พวกหลี่หยวนชื่อต่างก็เงี่ยหูมาฟังด้วยความอย่างรู้อยากเห็น
แตงโมลูกเดียวจะมีเนื้อสามสีได้ยังไง เว้นแต่มันจะเติบโตอย่างผิดปกติไม่ก็เน่าไปแล้ว
อีกอย่างคือการเสียบยอดแตงโมให้สีของเนื้อออกมาผสมกันก็เป็นไปไม่ได้ด้วย
แต่มันก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าเน่ามันก็มีแค่สีเดียวอยู่ดี จะไปมีมากกว่าหนึ่งสีได้ยังไงก่อน
“ไปดูกันเถอะ!” หลี่ไข่ไม่เลิกสนใจอาหารโอสถตรงหน้าทันที เพราะท้ายที่สุดแล้วเลือดนักวิจัยมันก็เข้มกว่าเลือดคนตะกละ
ตอนนี้แตงโมชิงหลินได้กลายพันธุ์อีกครั้งทำให้เขาเชื่อมโยงมันกับการทดลองยีนในอุณหภูมิต่ำของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
แล้วกลุ่มคนก็ออกจากคฤหาสน์ไป
เมื่อหม่าหง (บทที่ 386) เห็นหยวนชื่อหลายคนออกจากคฤหาสน์ก็ได้รีบพาคนเดินตามไปอารักขาอย่างด่วน
ฉินหลินโทรหาเฉินต้าเป่ยบอกให้พาคนมาคอยดูด้วย
ท้ายที่สุดก็มีหยวนชื่อถึง 6 คนซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นถึงหยวนชื่อใหญ่ หากเกิดความผิดพลาดมีอะไรเกิดขึ้นกับหยวนชื่อเหล่านี้ขึ้นมาล่ะก็มันจะไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างแน่นอน
...............................................................................................
สวนของบ้านไร่ชิงหลินมีขนาดใหญ่กว่าที่เคยเป็นมามากแล้ว
แม้แต่พื้นที่ของแปลงปลูกแตงโมก็ยังกว้างใหญ่แบบสุดลูกหูลูกตา
เมื่อฉินหลิน หลี่ไข่ และหยวนชื่อทั้งหกมาถึง หม่าหงได้นำคนกระจายกำลังกันไปเฝ้าระวังโดยรอบ เฉินต้าเป่ยเองก็ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตนเฝ้าระวังรอบนอกอีกชั้น
เฉินต้าเป่ยยังรู้ถึงความสำคัญของหยวนชื่อทั้งหกนี้ ดังนั้นคนที่เขาเรียกมาทั้งหมดล้วนเป็นอดีตรบพิเศษจากคฤหาสน์และทหารผ่านศึกชั้นยอดจากบ้านไร่
ด้วยความสำคัญของหยวนชื่อทั้งหกนี้ไอ้เรื่องการอารักขาให้ความปลอดภัยนั้นไม่ต้องพูดเยอะให้มันเจ็บคอ
อวี้สุ่ยได้เดินไปที่พนักงานแผนกเพาะปลูกแล้วนำแตงโมที่หั่นแล้วสองลูกมาให้กับพวกฉินหลิน “เถ้าแก่ ศาสตราจารย์หลี่ไข่ ดูนี่สิครับ มันเป็นแบบนี้”
หลี่ไข่รับแตงส่วนนั้นมาดูและเห็นว่ามันมีสามสีจริง ๆ ซึ่งเป็นสีของเนื้อแตงสดใหม่ไม่มีเน่าเลย
หลี่หยวนชื่อกับหลินหยวนชื่อต่างชะโงกดูบ้างอย่างประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกตนเคยเห็นแตงโมที่มีสีของเนื้อต่างกันถึงสามสีในลูกเดียว
นอกจากนี้พื้นที่ของเนื้อแตงทั้งสามสียังแบ่งเท่า ๆ กันโดยไม่ได้สุ่มอยู่ตรงนั้นทีตรงนี้ทีซะด้วย ราวกับว่าเกิดมามันก็เป็นแบบนี้เลย
“แตงโมลูกนี้มหัศจรรย์ดีแท้” ฉู่หยวนเดินเข้ามาพูด
“มหัศจรรย์จริง ๆ นั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่ามันจะกินได้มั้ยเนี่ยสิ” เฟยหยวนชื่อพูดเสริม
หลี่หยวนชื่อหยิบแตงโมครึ่งลูกขึ้นมาจ่อที่ปลายจมูกแล้วดมกลิ่นก่อนจะบอกว่า “กลิ่นแตงโมสดไม่ได้เน่าเสีย”
หลี่ไข่ที่เห็นแบบนี้ก็ไม่ได้ลังเลอะไร เขารีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาห้องแล็บและให้ผู้ช่วยเอาอุปกรณ์ทดสอบมาให้
หลังจากวางสายแล้วก็ถามอวี้สุ่ยว่า “พอจะบอกได้มั้ยว่าแตงลูกไหนบ้างที่มีสามสี แล้วลูกไหนบ้างที่ไม่มี”
อวี้สุ่ยพยักหน้า “ครับ เถาของต้นที่มีสามสีมันจะหนากว่า ใบก็ใหญ่กว่าแถมตัวใบจะเป็นสามเหลี่ยม!”
ไม่เสียราคาที่เป็นถึงผู้จัดการแผนกเพาะปลูก แค่สังเกตดูนิดหน่อยก็สามารถบอกรายละเอียดความแตกต่างให้แก่เถ้าแก่และศาสตราจารย์หลี่ไข่ได้แล้ว
หลี่ไข่พยักหน้าและเริ่มเดินลุยทุ่งแตงโมตามที่อวี้สุ่ยบอก
หลังจากเก็บแตงโมมาสองสามลูกแล้วผ่าดูก็ปรากฏว่าเป็นเนื้อสามสีทั้งหมดจริง ๆ
ส่วนแตงโมอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบเป็นเนื้อสีแดงเดิม ๆ
ไม่นานหลังจากนั้นทางห้องแล็บก็เอาอุปกรณ์ทดสอบมาส่ง
หลี่ไข่หยิบแตงโมสามสีมาทดสอบกับเครื่องมือเหล่านั้นทันที ก่อนอื่นเลยคือทดสอบพิษว่ากินแล้วจะเป็นอันตรายหรือไม่
ถ้ากินแล้วไม่เป็นอันตรายก็สามารถกินได้เหมือนกับแตงโมทั่ว ๆ ไป
หลี่ไข่เป็นศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูกพืช ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะตรวจสอบว่าในเนื้อของพืชผลต่าง ๆ มีสารที่เป็นอันตรายแฝงอยู่หรือไม่
ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเขาก็ตรวจสอบแตงโมสามสีไปแล้ว 10 ลูก
แถมข้อสรุปก็คือ “แตงโมพวกนี้ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แถมยังสดอยู่ไม่ได้เน่าเสีย เพราะงั้นกินได้แน่นอน”
“แถมแตงโมพวกนี้น่าจะมีกันอยู่สองระดับด้วย เพราะมีองค์ประกอบที่ต่างกันอยู่ ถ้าอยากรู้ว่าต่างยังไงก็ต้องลองกินดู”
ส่วนฉินหลิน เขาย่อมรู้ผลนี้มาตั้งนานแล้ว
เมื่อปลูกเมล็ดพันธุ์เลเวล 2 ก็จะมีโอกาสโชคดีปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและรักษาผลผลิตเลเวล 2 ไว้ได้
โดยในกรณีนี้เมื่อเพาะเมล็ดพันธุ์เลเวล 1 ขึ้นมาก็จะได้แตงโมสามสีเลเวล 1 เท่านั้น ส่วนเมล็ดพันธุ์เลเวล 2 ที่เก็บมาโดยมีการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแล้วนั้นจะปลูกได้ผลผลิตเป็นแตงโมสามสีเลเวล 2 ตลอด
อย่างไรก็ตามมันคือสิ่งที่เขาไม่สามารถพลั้งปากโพล่งออกไปได้ ก็เลยได้แต่สั่งอวี้สุ่ยว่า “งั้นก็เอาแตงโมสามสีนี่ไปหั่นแบ่งให้ทุกคนลองชิมดูละกัน”
แน่นอนเขารู้ว่ามันมีสามรส และเชื่อมากว่าพวกพี่หลี่และเหล่าหยวนชื่อกินแล้วเป็นต้องอึ้งกันหมดแน่นอน
ไม่นานอวี้สุ่ยก็หั่นแตงโมเสร็จแล้วนำมาวางตรงหน้าทุกคน โดยที่แต่ละชิ้นจะมีทั้งสามสี
หลี่ไข่หยิบชิ้นแตงโมขึ้นมาใส่ปากดูทันทีโดยที่กัดตรงเนื้อสีแดงก่อน
แน่นอนว่าอร่อยมาก แต่ก็ไม่ได้ต่างจากเนื้อแตงโมชิงหลินปกติ
จากนั้นหลี่ไข่ก็กัดตรงเนื้อสีเหลืองเข้าไปอีกคำ แต่หลังจากกัดเข้าไปแล้วก็ต้องยืนตะลึงและอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อเลย “รสกล้วยเรอะ?”