ตอนที่แล้วบทที่ 14
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16

บทที่ 15


พี่สาวน้องชายตอนออกจากบ้านเดินทางจูงมือกันไปอย่างมีความสุข สุดท้ายขากลับดันเหลือคนมีความสุขเพียงคนเดียว

"เฉียวเฉียวอยู่ไหน" อู่หลานถามด้วยความตกใจ

ซ่งถานหัวเราะร่า "อยู่ข้างหลังนู่น! "

ทันทีที่พูดจบ เธอก็เห็นเด็กชายตัวโตคนหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวมาจากถนนด้านหลัง ศีรษะกลมเกลี้ยงสีดำเงา กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่

"เฉียวเฉียว! " อู่หลานก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน พลางหัวเราะไปรับตะกร้าจากมือของเขา "เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้? โอ้โห ดูหน้าตาเฉียวเฉียวของเราสิ ร้องไห้จนหน้าตาขี้เหร่ไปหมดแล้ว"

พอมีคนรู้สึกสงสาร เฉียวเฉียวก็เลยร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก

"แม่...อือๆๆ แม่...พี่สาว...อือๆๆ พี่สาวไม่ยอมให้ผมปลูกผักง่า"

ซ่งถานได้ยินก็ฟึดฟัดไม่ยอมรับความผิดนี้ "พูดจาเหลวไหล พี่สาวหว่านเมล็ดพันธุ์ตัวเองจนหมดแล้ว เธอยังขุดหลุมปลูกทีละเม็ดอยู่เลย และพี่สาวเหลือไว้ให้เธอตั้งกำมือหนึ่งนะ จะให้รอเธอค่อยๆ ปลูกเหรอเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ"

จากนั้นก็อธิบายให้กับอู่หลานฟังเบาๆ ว่า เมล็ดพันธุ์ของถั่วม่วงเพียงแค่หว่านลงไปในดินก็พอแล้ว แต่เฉียวเฉียวรู้วิธีปลูกเพียงข้าวโพดเท่านั้น เขาจึงหว่านเมล็ดทีละเม็ด สุดท้ายซ่งถานก็เลยอาสาแย่งเมล็ดพันธุ์มาหว่านเองทั้งหมด ทิ้งไว้ให้เขาเพียงพื้นที่เท่าฝ่ามือและเมล็ดพันธุ์ไม่ถึงสามสิบเม็ด ให้เฉียวเฉียวขุดปลูกทีละหลุม...

เฉียวเฉียวร้องไห้โฮ "แต่เธอ...แต่เธอ! เธอหว่านเมล็ดพันธุ์มั่วซั่ว ต่อไปนี้จะไม่มีข้าวโพดขึ้นแล้ว! ผม..."

ซ่งเฉียวใช้แขนเสื้อทั้งสองข้างถูไปมาบนใบหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่มีทีท่าใกล้จะหยุด "อือๆๆ แม่ พี่สาว...อึก...ให้เมล็ดพันธุ์ผมมานิดเดียวเอง ผมตั้งใจปลูก...ตอนนั้นข้าวโพดออกมาน้อยเกินไป มันกินไม่พออือๆๆ..."

เขาจ้องมองซ่งถานด้วยน้ำตาคลอเบ้า "ต่อไปนี้...ฉัน...ฉันเลี้ยงพี่สาวไม่ได้แล้วอือๆๆ..."

โธ่ เจ้าบื้อนี่!

ซ่งถานรู้สึกใจอ่อนยวบยาบในทันที ไม่แปลกใจเลยที่เฉียวเฉียวจะร้องไห้หนักขนาดนี้ อาจเป็นเพราะจำได้ว่าตอนแรกตัวเองบอกจะปลูกผักเลี้ยงพี่สาว แต่ผลก็คือเมล็ดถูกพี่สาวหว่านอย่างกระจัดกระจาย เขาคงคิดว่าข้าวโพดที่ปลูกกลัวไม่พอกิน จึงทั้งเสียใจและน้อยใจ

อย่างที่คิดไว้ อู่หลานก็จ้องซ่งถานเขม็ง รีบปลอบลูกชายว่า “ไม่เป็นไรหรอกเฉียวเฉียว เดี๋ยวแม่จะเลี้ยงหนูเอง” ซ่งเฉียวหยุดร้องไห้ ลังเลครู่หนึ่งและกลับมาสะอื้นอีกครั้ง “งั้นก็เลี้ยงพี่ด้วย”

ทันทีที่พูดจบ ซ่งถานก็โอบไหล่เขาไว้ “น้องชายที่ดี เฉียวเฉียวที่น่ารัก พี่สาวซาบซึ้งใจมากคั๊บ โอ๋ๆมา อย่าร้องไห้เลย เช็ดหน้าแล้วเรามาดูเพ็กกี้กัน”

“วันนี้ดูได้สองตอน!”

ในที่สุด หมูสีชมพูก็ทำให้น้องชายน่ารักของเธอหยุดร้องไห้ได้เสียที

เมื่อเทศกาลตรุษจีนมาถึง ปีนี้เป็นวันที่สามของเดือนกุมภาพันธ์ ฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้นสรรพสิ่งเริ่มถือกำเนิด แมลงและพืชต่างฟื้นคืนชีพ นับรวมเวลาดีๆ ซ่งถานก็กลับมาได้ครึ่งเดือนเศษแล้ว ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ซ่งซานเฉินพาชาวบ้านไปจัดการกับเนินเขาจนเกือบเสร็จสิ้น ในทุ่งนาก็มีสีเขียวชอุ่มขึ้นมาชั้นหนึ่ง

นั่นคือต้นอ่อนของหญ้าม่วงที่เพิ่งงอกขึ้นมา สีเขียวที่อ่อนนุ่มโผล่ขึ้นมาจากดินสีน้ำตาล มันสั่นไหวราวกับว่าจะหักได้หากมีลมพัดมา ชาวบ้านต่างก็ร้องเสียงอุทานด้วยความแปลกใจ “เมล็ดพันธุ์เดี๋ยวนี้ไม่กลัวความหนาวแล้วเหรอ ดูสิ ปกติจะกล้าหว่านเมล็ดพันธุ์ก็ต่อเมื่อเดือนมีนาคม แต่ตอนนี้ต้นๆ เดือนกุมภาพันธ์ก็เริ่มงอกแล้ว”

พื้นที่หลายสิบเอเคอร์เต็มไปด้วยสีเขียวขนฟูแบบนี้ ทุ่งนาสูงต่ำสลับกันไป เมื่อมองดูก็อดที่จะรู้สึกมีความสุขไม่ได้ ทุกคนในหมู่บ้านเมื่อเดินผ่านก็อดไม่ได้ที่จะหยุดดูความมหัศจรรย์ในผืนไร่นี้ ชายชราในหมู่บ้านจูงวัวแก่เดินผ่านไป ต่างอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถานถาน ถ้าหญ้าม่วงพวกนี้โตขึ้นเป็นถั่วแล้ว ฉันจะพาวัวไปปล่อยในทุ่งนาได้ไหม”

หญ้าม่วงมีสารอาหารสูง แถมกินแล้วก็ได้กากใยอาหารชั้นดี ทำให้วัวและแกะต่างชอบกินมาก แต่เดิมเมื่อต้องใช้แรงวัวในการไถนา ทุกๆ ปีจึงต้องนำถั่วม่วงจากไร่นามาให้มันกินจนอิ่มจึงจะพากันไถได้ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยมีใครนิยมปลูกถั่วม่วงแล้ว เลยพาลทำให้หาอาหารให้วัวลำบากไปด้วย

ซ่งถานรีบรับปาก "ได้เลยลุงหลี่ ถึงเวลานั้น แปลงนาสองแปลงล่างสุด คุณลุงก็พาวัวมาปล่อยไว้ในนั้นเถอะ ให้มันกินได้ตามสบาย"

สามไร่กว่าๆ เกือบสี่ไร่ ถึงแม้วัวไถนาจะยังสู้รถไถนาไม่ได้ แต่วันหนึ่งแรงวัวก็ไถได้ห้าถึงหกไร่ ขณะที่ไร่ของซ่งถานก็มีแค่สามไร่กว่าๆ ไม่ถึงสี่ไร่เท่านั้น ที่สำคัญหญ้าอ่อนของถั่วม่วงโตเร็ว เริ่มกินได้ตั้งแต่ใบเขียวๆ สามารถกินได้เป็นเดือนเลย ลุงหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง "ปีนี้เธอปลูกแค่สองแปลงนี้เหรอ? ลุงพาวัวไปไถนาให้เธอไหมล่ะ"

ไม่งั้นลุงหลี่คงไม่ยอมแน่ๆ "แต่ว่าวัวลุงแก่แล้วนะ ต้องไถช้าๆ เธออย่าเร่งล่ะ ไถให้เธอสองวันเสร็จได้ไหม"

ซ่งถานหัวเราะ "ได้สิลุงหลี่ ดีมากเลย คุณลุงหลี่งั้นฉันไม่พูดเรื่องเงินแล้วกัน พอได้ข้าวแล้วฉันจะเอาไปให้คุณลุงสักห้าสิบกิโลนะ"

คนแก่กินข้าวไม่เยอะ ห้าสิบกิโลก็พอสำหรับครึ่งปีแล้ว

ลุงหลี่ดีใจมาก

คนหนุ่มสาวสมัยนี้กลับมาก็พูดถึงแต่เรื่องเงิน ไม่ได้หมายความว่าจ้างคนทำงานแล้วจะไม่ต้องจ่ายเงิน แต่บางครั้งเพื่อนบ้านช่วยเหลือกันมันเป็นเรื่องของมิตรภาพ มันดูห่างเหินกันไปหน่อย เขารู้ว่าบางทีคนหนุ่มสาวก็ไม่ได้ไม่อยากช่วยเหลือญาติพี่น้องหรอก แต่บางทีพวกเขาอาจไม่รู้วิธีช่วย

คิดๆ ดูแล้ว อีกอย่างข้าวที่พวกเราปลูกกันเองมันจะหอมขนาดไหนกันนะ เขาไม่ได้กินข้าวที่ตัวเองปลูกมาสิบเกือบยี่สิบปี ไม่คิดว่าตอนใกล้ตายจะมีโอกาสได้กินอีกครั้ง วัวแก่ก็เหมือนจะรับรู้ถึงความสุขของเขา มันร้อง "มอ" ยาวๆ ตามไปด้วย ลุงหลี่ก็ลูบหัวมัน "ไปๆ กลับบ้านกัน อีกไม่นานก็จะมีของอร่อยกินแล้ว"

ซ่งถานกำลังคิดใคร่ครวญ

ดอกต้นถั่วม่วง, ใบสีเขียวกับดอกสีม่วง, วัวแก่...

เดี๋ยวนะ! มันดูเป็นภาพที่เข้ากันแบบสุดๆ เลยนี่นา ต้องสวยงามมากแน่นอนถ้าทั้งสามอย่างนี้รวมกันอยู่ในคลิปโปรโมทของเธอ ซ่งถานเคยคิดเรื่องนี้อยู่หลายรอบสำหรับทุ่งสีม่วงในภาพวาดจินตนาการ เพียงแต่ตอนนี้มีวัวเพิ่มเข้ามา มันกลับจะยิ่งทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น สำหรับเรื่องที่ว่าดังแล้วจะขายของได้ไหม ก็ต้องได้สิ!

ถ้าขายของไม่ได้ เธอจะเหนื่อยยากไปเพื่ออะไร

เธอรับรองได้ว่า ไม่เพียงแต่ภาพสวยๆ ในคลิปที่ชวนให้คนอยากซื้อ แต่หากใครได้กินสักครั้ง ไม่มีใครอดใจไหวที่จะไม่กลับมาซื้ออีกแน่นอน อย่าลืมสิ! ว่าเธอปลูกพืชผักสมุนไพรวิญญาณที่หลังยอดเขาอินเยว่มาเป็นร้อยปีแล้ว กำจัดแมลง กำจัดวัชพืช เพิ่มรสชาติ เทคนิคเหล่านี้เธอเรียนรู้มาอย่างดีเยี่ยม

ไม่เชื่อหรอกว่าผักที่ปลูกด้วยพลังวิญญาณจะขายไม่ออก!

นอกจากนี้เธอยังวางแผนที่จะปลูกผักที่เก็บไว้ได้นานๆ ให้หลากหลายมากขึ้น เช่น เห็ดหูหนู เห็ดหูหนูขาว เธอเชื่อเหลือเกินว่าผักพวกนี้เหมาะสำหรับการขายออนไลน์ที่สุด ปัจจุบันการขนส่งส่วนใหญ่ก็พัฒนาไปถึงเมืองต่างๆ แล้ว ตราบใดที่ยอมจ่ายเงิน ก็สามารถจัดส่งได้ภายในวันถัดไป เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการในการซื้อของออนไลน์ทั้งนั้น ส่วนผักที่เก็บไว้ไม่ได้นาน หลังจากมีชื่อเสียงแล้ว ก็สามารถจำหน่ายในท้องถิ่นได้

เธอทำไร่ทำนา ประการแรกเพื่อตอบสนองความต้องการในการกิน ประการที่สองคือเพื่อหาเงิน ส่วนเรื่องจะได้เงินเท่าไหร่ ตราบใดที่คืนทุนได้ เธอก็ไม่มีความต้องการอะไรมากนัก เมื่อคิดคำนวณแบบนี้แล้ว ต่อไปก็ยังมีสิ่งที่ต้องเตรียมอีกมากมายในหัวให้วุ่นวายไปหมด

อีกไม่กี่วันนี้เธอต้องรีบเตรียมเครื่องมือถ่ายภาพให้พร้อม และต้องฝึกฝนทักษะการตัดต่อของตัวเองให้ดีขึ้น เนื่องจากเมื่อถึงเวลานั้น เธอจะโด่งดังหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับกระแสการตอบรับของคลิปที่เธอสร้างขึ้น

ระดับชั้นหมอกสีขาวที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าค่อยๆ ซึมซาบเข้าไปในทุ่งนา ใบสีเขียวของดอกต้นถั่วม่วงราวกับได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น เมื่อลมพัดมา ความเขียวขจีที่อุดมสมบูรณ์ในขณะนี้ก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น รากของดอกต้นถั่วม่วงดูดซับสารอาหารในดินอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แบคทีเรียสีเหลืองอ่อนที่เกาะอยู่บนรากก็หล่อเลี้ยงผืนดินผืนนี้กลับคืนไป

ชีวิตในธรรมชาตินั้นเป็นเช่นนี้ วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดเป็นวัฏจักรแห่งชีวิต

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด