บทที่ 140 ช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย
ชายหนุ่มผู้นั้นมีนามว่าหานเฟิง ดวงตาเขามองยังจางเหลียนอย่างเย้ยหยัน
“เจ้ากล่าวเสียงดังเช่นนี้ แล้วเจ้ากล้าสมัครเข้าร่วมการทดสอบชิงอวิ๋นกับข้าหรือไม่ หากไม่กล้าก็ไสหัวออกไปซะ! เจ้ามันก็แค่ขยะที่น่าอับอาย!”
ใบหน้าของจางเหลียนมืดมน เขากำหมัดกระชับแน่น แต่สุดท้ายก็ต้องเคลื่อนตัวเดินออกไป
“ฮ่าฮ่า! ข้านึกว่าเจ้าจะยังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง แต่ดูท่าตอนนี้เจ้าจะกลายเป็นขยะจริงๆ เสียแล้ว!”
หานเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าเขาแสดงความหยิ่งผยองอย่างยิ่ง
หลัวเฉิงขมวดคิ้วแล้วถามเสียงทุ้มต่ำ “มันเป็นใคร”
จางเหลียนกัดฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม “หานเฟิง เขาเป็นคนของยอดเขาหลานหลิงที่อยู่ใกล้ๆ เขามีความแข็งแกร่งและไร้ปรานี เขามีความแค้นฝังใจกับข้ามาโดยตลอด เพราะข้าหยุดเขาไม่ให้ขืนใจศิษย์บำรุงสำนักของยอดเขาจื่ออวิ๋นเรา!”
“แต่น่าเสียดาย ที่เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ได้รวดเร็วนัก ตอนนี้ข้าจึงไม่มีความสามารถจะประมือกับเขาเลย…”
จางเหลียนทอดถอนใจแล้วกล่าวเตือนว่า “หลัวเฉิง เจ้าต้องระวังหานเฟิงผู้นี้ให้ดี เขาเป็นคนที่อันตรายอย่างยิ่ง ไม่หวาดกลัวการถูกลงโทษ! เขาและหลี่ฮุ่ยเป็นสหายกัน หากเขารู้ว่าเจ้าเป็นผู้เอาชนะหลี่ฮุ่ยได้ เขาจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!”
“เช่นนั้นเองหรือ”
หลัวเฉิงเหลือบมองหานเฟิงเล็กน้อย
หานเฟิงสังเกตเห็นหลัวเฉิงทันที
นอกจากจางเหลียนแล้ว หลัวเฉิงยังเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ถอยเพื่อหลีกทางให้เขาแม้แต่ก้าวเดียว!
“เจ้าเป็นใคร! ไยยังไม่ใสหัวออกไปอีก!”
ดวงตาของหานเฟิงจ้องยังหลัวเฉิง แล้วถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
หลัวเฉิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ปรากฏว่าชายผู้นี้เป็นคนเย่อหยิ่งและชอบอวดเบ่งอำนาจอย่างแท้จริง
เมื่อจางเหลียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็สะกิดหลัวเฉิงให้ระวังตัว ทว่าระหว่างกล่าวนั้นเขากลับเอ่ยนามของหลัวเฉิงออกไปโดยไม่เจตนา “หลัวเฉิง เรารีบไปกันเถอะ!”
“ช้าก่อน!”
หานเฟิงโบกมือเพื่อหยุดจางเหลียนที่กำลังจะจากไป เขาจ้องหลัวเฉิงและนัยน์ตาเขาก็หดเล็กลง
“หลัวเฉิง... เจ้าน่ะหรือคือคนที่เอาชนะหลี่ฮุ่ยได้?”
“มิผิด”
หลัวเฉิงพยักหน้า
หานเฟิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของหลัวเฉิง แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้ารู้ไหมว่า หลี่ฮุ่ยเป็นสหายของข้า”
“หากข้ารู้ แล้วเจ้าจะทำไม?”
หลัวเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส
ครั้นได้ยินวาจาเช่นนั้น หานเฟิงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาแล้วหักนิ้วดังกรอบแกรบ แล้วกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำในลำคอ
“นับว่าเจ้ามีความกล้าไม่เบา ที่กล่าววาจาเช่นนี้กับข้า! แต่น่าเสียดายที่บางครั้งความกล้านั้นก็ไม่ใช่สิ่งดี! เจ้ารู้ผลที่จะตามมาหากทำให้ข้าผู้นี้ขุ่นเคืองหรือไม่”
หลัวเฉิงส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้และไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย รีบไสหัวไปได้แล้ว เจ้าขวางทางข้าอยู่!”
ฮะ!
ทันทีที่ได้ยินน้ำคำของหลัวเฉิง ศิษย์บำรุงสำนักที่อยู่โดยรอบก็ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึง
พวกเขาทุกคนล้วนรู้ดีว่า หานเฟิงนั้นน่ากลัวขนาดไหน เขามีความสัมพันธ์อันดีกับหลันหลิงเฟิง ผู้อาวุโสสำนักที่ชอบอวดแบ่งวางอำนาจ หากมีผู้ใดกระทำการให้ขุ่นเคือง ย่อมมีจุดจบที่ไม่ดีนัก!
แต่โดยไม่คาดคิด หลัวเฉิงผู้นี้กลับกล้าล้อเลียนกระตุกหนวดเสือที่อยู่เบื้องหน้า!
เขากล้าพูดอย่างนั้นจริงหรือ!
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
เมื่อได้ยินวาจาของหลัวเฉิง หานเฟิงก็เผยโทสะออกมาทันที ในแววตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่ดุร้ายดุจเดียวกับอสรพิษมิมีผิด
“ในเมื่อเจ้ามันรนหาที่ตาย ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้!”
หานเฟิงคำรามด้วยน้ำเสียงเปรี้ยวกราด อาภรณ์ของเขาเริ่มโบกสะบัดด้วยพลังปราณที่เอ่อล้น แล้วตั้งท่าเตรียมจะลงมือ
แต่ทันใดในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย
“หานเฟิง หยุดเดี๋ยวนี้!”
จางเหลียนผงาดตัวออกมายืนอยู่เบื้องหน้าของหลัวเฉิง
ใบหน้าของหานเฟิงแดงกล่ำด้วยความโกรธ แล้วตะคอกเสียงแข็งกร้าว “เจ้าทำอะไร คิดจะยืนหยัดเพื่อมันงั้นรึ? เช่นนั้นวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าทั้งคู่!”
ใบหน้าจางเหลียนเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย แล้วแผดเสียงดังว่า “หานเฟิง เจ้าอย่าได้ถือดีละเมิดกฎสำนัก การวิวาทกันนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม! หรือว่าเจ้าไม่เห็นหัวผู้อาวุโสแล้ว จึงกล้าทำตัวอวดดีไม่เกรงกลัวกฎฟ้าดินเยี่ยงนี้!”
เสียงตะโกนดังกังวานเมื่อครู่ ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสที่รับลงทะเบียน ทำให้พวกเขาชะเง้อศีรษะขึ้นมอง
ทันใด ใบหน้าหานเฟิงก็สะท้านสั่น เขาสูดจมูกอย่างเย็นชา ในแววตาจ้องหลัวเฉิงแล้วตวาด
“ไอ้เด็กเวร วันนี้ถือว่าเจ้าโชคดี แต่อย่าได้คิดว่าจะโชคดีอย่างนี้ทุกวัน! คราวหน้าเจอกัน ข้าจะเหยียบหัวเจ้าลงบนพื้น แล้วให้เจ้าเลียเท้าข้าให้ได้!!”
หลัวเฉิงหาได้สนใจวาจานั้นไม่ เขาเดินไปยังโต๊ะหิน แล้วมอบโอสถเลือดลมสามเม็ดพร้อมกับป้ายหยกประจำตัว
“ผู้อาวุโส ข้าต้องการเข้าร่วมในการทดสอบชิงอวิ๋น”