บทที่ 139 หากข้าจะรังแก แล้วเจ้าจะทำไม!
ป้ายรับสมัครผู้เข้าทดสอบชิงอวิ๋นนั้นประกาศไว้มาครึ่งเดือนแล้ว และกำหนดเริ่มคือวันที่สิบเจ็ดเดือนกันยายน!
วันนี้วันที่สิบหกเดือนกันยายน!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พรุ่งนี้เป็นวันเริ่มทดสอบชิงอวิ๋นแล้ว!
ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายในการลงทะเบียน!
หลัวเฉิงไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องมันจะบังเอิญเช่นนี้ เพราะเขานั้นทันการลงทะเบียนพอดี จึงกล่าวกับจางเหลียนทันที
“จางเหลียน ข้าจะสมัครเข้าร่วมการทดสอบชิงอวิ๋นได้ที่ไหน?”
“มันอยู่ตรงนั้น เจ้าแค่ต้องมอบป้ายหยกประจำตัวของเจ้าเพื่อลงทะเบียน และชำระค่าลงทะเบียนด้วยโอสถเลือดลมสามเม็ด”
จางเหลียนบุ้ยริมฝีปากของเขาไปทางอีกฟากฝั่งหนึ่งของจัตุรัส
ที่นั่นมีโต๊ะหินซึ่งมีผู้อาวุโสนั่งอยู่ด้านหลังพร้อมกับผู้คนมากมายที่รายล้อมในยามนี้
หลัวเฉิงไม่รอช้ารีบเดินไปที่โต๊ะหินทันที
จางเหลียนตอบสนองแล้วสืบเท้าวิ่งตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
“หลัวเฉิง เจ้าคิดจะทำอะไร!”
หลัวเฉิงแย้มยิ้มกล่าวว่า “แน่นอน ข้าก็จะลงทะเบียนไงยังจะมีสิ่งใดอีก”
จางเหลียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าเกรงว่าข้าคงไม่ได้อธิบายให้เจ้าฟังอย่างชัดเจนนัก ในการทดสอบชิงอวิ๋น มิใช่แค่การล่าสัตว์อสูรเพื่อชนะด้วยคะแนนเท่านั้น”
“ในการทดสอบนี้เจ้าจะไม่อาจหลีกเลี่ยงการฆ่าหรือต้องต่อสู้กับคนด้วยกันได้! เมื่อเจ้าไปถึงเกาะชิงอวิ๋น เจ้าจะไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากสำนักอีก! ศิษย์ส่วนใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งล้วนเข้าปล้นผู้ที่อ่อนแอกว่า เพื่อต้องการผลักดันให้ตนนั้นกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอก!”
“ในการทดสอบชิงอวิ๋นทุกปี มักจะมีผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก!”
“เชื่อคำแนะนำของข้าแล้วตัดใจเสียเถอะ! มันไม่สายเกินไปหากเจ้าจะเข้าร่วม หลังจากที่ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่!”
จางเหลียนเล่าถึงความสยดสยองอันน่าพรั่นพรึงของการทดสอบชิงอวิ๋นอยู่หลายครั้ง
ในการทดสอบชิงอวิ๋นครั้งล่าสุด มีผู้เข้าแข่งขันเกือบเจ็ดพันคน และมีผู้คนล้มตายไปมากกว่าพันคน ซึ่งนับว่าเป็นสองในสิบส่วนของผู้เข้าแข่งขันก็ว่าได้!
“จะไม่อาจหลีกเลี่ยงการฆ่าฟันมนุษย์ด้วยกันเองได้งั้นหรือ?”
หลัวเฉิงครุ่นคิด เขาไม่คาดว่าการฝึกฝนในสำนักจะโหดร้ายถึงเพียงนี้
กระนั้นแล้ว เขาก็หาได้คิดล้มเลิกการลงทะเบียนแต่อย่างใด
แม้เขาจะอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม แต่พลังของเขานั้นมีมากเกินกว่าสามหมื่นจิน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ทั่วไป!
นี่ยังไม่ได้นับรวมเพลงกระบี่ทลายสวรรค์สี่กระบวน และเพลงหมัดสยบภูผา ที่ฝึกฝนจนบรรลุขั้นปรมาจารย์!
หลัวเฉิงประมาณตนเองว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน เขาสามารถปกป้องตัวเองได้อย่างแน่นอนหลังจากเข้าทดสอบชิงอวิ๋น
เขาทำให้ผู้อาวุโสฝ่ายนอกฉินต้าวหยวน ศิษย์หลักจินหมิน และตอนนี้ก็คงเพิ่มผู้อาวุโสเหอเข้าไปอีกคน!
หลัวเฉิงตระหนักดีต่อสถานการณ์ของเขาในปัจจุบัน และจำต้องรีบตั้งหลักในสำนักซวนหยวนให้เร็วที่สุด โดยอาศัยการเป็นศิษย์ฝ่ายนอก!
ไม่เพียงเท่านั้น หลัวเฉิงยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ต้องเข้าร่วมการทดสอบชิงอวิ๋น
นั่นคือทะลวงระดับวิชามังกรแท้ให้ได้ แต่การจะทะลวงให้ได้นั้น ต้องกลืนวิญญาณสัตว์อสูรและวิญญาณยุทธ์เท่านั้น!
ซึ่งการทดสอบชิงอวิ๋นนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้!
ด้วยเหตุนี้เขาจะพลาดได้อย่างไร
“จางเหลียนขอบคุณที่เจ้าแนะนำ แต่ข้าก็มีเหตุผลที่ต้องเข้าร่วมเช่นกัน”
หลัวเฉิงยิ้มให้จางเหลียน จากนั้นสืบเท้าต่อไปยังโต๊ะหินเพื่อลงทะเบียนทันที
“เจ้า……”
จางเหลียนถึงกับกล่าวสิ่งใดไม่ออก
ไม่รู้ว่าชายผู้นี้ได้ยินสิ่งที่เขาพร่ำพรรณนาให้ฟังเมื่อครู่นี้หรือไม่ หรือว่าเขาคิดจะสังหารใครสักคนจริงๆ!
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงโต๊ะลงทะเบียน แต่ระหว่างที่หลัวเฉิงกำลังจะเข้าไปลงทะเบียน
“จางเหลียน เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ข้าไม่คิดเลยว่าคนไร้ค่าเช่นเจ้าจะกล้าสมัครเข้าร่วมการทดสอบชิงอวิ๋นจริงๆ”
ซุ่มเสียงเยือกเย็นอันน่าสยดสยองดังขึ้นในบริเวณใกล้เคียงอย่างกะทันหัน
หลัวเฉิงเอียงศีรษะหันกลับไปมอง
เขาเป็นชายหนุ่มในชุดดำ ดวงตาเล็กแคบ ใบหน้าบูดบึ้ง พานให้ผู้คนรู้สึกพรั่นพรึงไม่น้อย มุมปากเขายกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มเหยียดหยาม
ศิษย์บำรุงสำนักที่อยู่บริเวณโดยรอบ คล้ายดั่งว่ากำลังหวาดกลัวชายผู้นี้ จึงหลีกห่างออกเป็นวงกว้าง เหลือเพียงหลัวเฉิงและจางเหลียนเท่านั้น
จางเหลียนเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึงแล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “หานเฟิง อย่ารังแกคนอื่นให้มันมากนัก!”
“หากข้าจะรังแก แล้วเจ้าจะทำไม!” ชายหนุ่มชุดดำกล่าวด้วยรอยยิ้มอำมหิต