ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 468 จับแยกและเผด็จศึก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 470 ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้

MDB ตอนที่ 469 ชิงลงมือก่อน


ชูโกวตกใจจนแทบจะสติแตก และในชั่วพริบตาต่อมา รูม่านตาของเขาก็ขยายออกเพราะมีอีกคนปรากฏตัวในห้องโดยที่เขาไม่รู้ตัว

เขาไม่เคยพบกับชายคนนี้มาก่อน

แต่เขาเคยเห็นภาพวาดของเขา

ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็เต้นรัว ความกลัวปรากฏไปทั่วใบหน้าของเขา

“หละ หลินจิน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่!?”

เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ชูโกวจึงพูดจาติด ๆ ขัด ๆ เขาคาดไม่ถึงว่า บุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นในบ้านของเขาอย่างกะทันหันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินจิน

คนหลังคอยสะกดรอยตามเขามาตลอดเวลา ดูเหมือนว่าความอดทนของเขาจะได้ผล เพราะเขาเพิ่งถูกพาเข้าไปในรังของชูโกว

หลินจินจิบชาที่เตรียมไว้บนโต๊ะแล้วยิ้ม

“อาจารย์ชู หัวหน้าห้องโถงแห่งความมืดของสมาคมผู้ประเมินมาร แม้ว่าเจ้าจะมีตำแหน่งที่สูงส่งถึงเพียงนั้น แต่ข้าก็ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ซอมซ่อเช่นนี้ บ้านหลังเล็ก ๆ แห่งนี้มีเพียงสองห้อง ช่างน่าสมเพชจริง ๆ”

นิ้วของชูโกวเริ่มสั่น

เขาไม่ใช่คนโง่

การเลื่อนตำแหน่งของเขาให้เป็นหัวหน้าห้องโถงแห่งความมืดเพิ่งเกิดขึ้นวันนี้เอง ไม่มีใครควรจะรู้เรื่องนี้เลยนอกจากกลุ่มของทูตดำและผู้อาวุโสเย่

แล้วหลินจินรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

คำตอบนั้นก็ชัดเจนมาก หากอีกสามคนไม่ขายเขาออกไป ก็แสดงว่าหลินจินคงคอยสะกดรอยตามเขามาตลอด แม้แต่ตอนที่พวกเขากำลังทานอาหารเย็นอยู่

‘ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้!? เขาทำได้อย่างไร!?’

ชูโกวไม่กล้าเดาคำตอบ เขารู้ว่าตอนนี้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย และอาจมองไม่เห็นแสงสว่างของวันพรุ่งนี้

“ผะผู้ประเมินหลิน ระเรามาคุยกันดี ๆ เถอะ...”

ชูโกวพูดตะกุกตะกัก เพื่อร้องขอความเมตตา

แม้ชูโกวจะโหดร้าย แต่เขาก็กลัวความตายอย่างมาก

หลินจินไม่ได้ดำเนินการทันที หากเขาต้องการ เขาสามารถทำลายอวัยวะภายในของชูโกวได้ในทันทีที่เขายิงเข็มนั้นออกไปก่อนหน้านี้ ชายคนนี้ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ได้เพียงตอนนี้เท่านั้น เพราะหลินจินยังคงมีคำถามที่ต้องการคำตอบ

“บอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้เกี่ยวกับสมาคมผู้ประเมินมารมาให้ข้า หากเจ้าคิดจะปกปิดความลับใด ๆ จากข้า หรือพยายามหลอกข้า เจ้าคงจะรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”

หลินจินเล่นกับถ้วยชาในมือของเขา แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะดูซอมซ่อ แต่สิ่งของหลายชิ้นในบ้านนี้ก็มีค่ามาก แม้แต่ถ้วยชาชิ้นนี้ก็เป็นสมบัติที่มีมูลค่าอย่างน้อยหลายร้อยเหรียญ

ดูเหมือนว่าอาจารย์ชูจะเป็นผู้ชายที่เพลิดเพลินกับสิ่งของฟุ่มเฟือย แม้ตัวเขาเองจะอยู่ในบ้านหลังโทรมก็ตาม

ชูโกวลังเล แม้ว่าเขาจะรู้หลายอย่างเกี่ยวกับสมาคมผู้ประเมินมาร แต่เขาก็รู้ถึงกฎขององค์กรเช่นกัน หากศัตรูได้ยินอะไรจากเขา เขาก็คงตายอย่างทรมาน

หลินจินแทงเข็มเงินเข้าไปในร่างของชูโกวด้วยรอยยิ้มเยาะ ในขณะนั้น เส้นเลือดเส้นหนึ่งของเขาปูดขึ้นมา

ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทำให้ชูโกวเหงื่อออกมากมาย ในขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

มีสัตว์เลี้ยงของเขาอยู่ในร่างกายของเขา แต่ชูโกวไม่สามารถใช้พลังของพันธสัญญาโลหิตของมันได้ในตอนนี้ ราวกับว่ามันตายไปแล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นฝีมือของหลินจิน

ในขณะที่ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ในที่สุด ชูโกวก็ตระหนักได้ว่าชีวิตของเขาอยู่ในมือของหลินจิน หากเขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ เขาต้องให้ข้อมูลบางอย่าง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจข้ามผ่านคืนนี้ไปได้

อย่างไรก็ตาม ชูโกวก็ตระหนักเช่นกันว่าเขาอาจไม่ได้รับการปล่อยตัวแม้จะเผยข้อมูลไปแล้วก็ตาม สิ่งสำคัญคือเขาสามารถซื้อเวลาได้ด้วยการพูดคุย แต่ถ้าเขาไม่พูด สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือความตายอย่างแน่นอน ดังนั้น ชูโกวจึงได้เปิดเผยความลับนี้ออกมาด้วยความกลัว

หลินจินตั้งใจฟังอย่างตั้งใจ เมื่อรวมกับสิ่งที่เขาได้ยินในห้องส่วนตัวของร้านอาหาร ตอนนี้หลินจินก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับสมาคมผู้ประเมินมารมากขึ้น

องค์กรนี้ใหญ่กว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก และรากฐานของมันลึกซึ้งกว่าที่เขาคาดไว้

ชูโกวเพิ่งจะกลายเป็นหัวหน้าห้องโถงแห่งความมืด เขารู้เพียงแค่ว่าผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหลายคนอยู่ในเมืองเกลียวสวรรค์ หนึ่งในนั้นก็คือ ‘ทูตดำ’

สำหรับทูตขาวกับประมุขของสมาคมผู้ประเมินมารนั้น ชูโกวก็ไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน

คนเหล่านี้เป็นคนลึกลับอย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าชูโกวจะได้พบกับทูตดำแล้ว แต่คนหลังกลับสวมหน้ากากผีสีดำ ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง อายุยังน้อยหรือแก่ชรากันแน่

อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเขาก็รู้ที่ตั้งของสาขาหนึ่งของห้องโถงแห่งความมืดอยู่ในเมืองเกลียวสวรรค์

ชูโกวถูกบังคับให้ต้องคายข้อมูลทั้งหมดที่เขารู้ออกมา แต่กระบวนการนี้ไม่ได้ราบรื่นนัก หลินจินไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาเป็นความจริงหรือไม่? เท่าที่เขารู้ มันอาจเป็นกับดักที่วางไว้สำหรับคนอย่างเขาก็ได้

“พอแค่นั้นแหละ!”

หลินจินวางถ้วยชาลง เมื่อมองดูพระจันทร์ข้างนอก เขาจึงรู้ว่ามันดึกมากแล้ว และคืนนี้ยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก หลินจินไม่สามารถเสียเวลาที่นี่ต่อไปได้อีก

ตอนนี้เครื่องรางระเบิดสารพัดพิษของชูโกวอยู่ในความครอบครองของหลินจินแล้ว นี่เป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด และเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการหลินจิน

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ตกอยู่ในมือของเขาแล้ว

แถมเขายังได้เรียนรู้วิธีเปิดใช้งานเครื่องรางจากชูโกวอีกด้วย

หลินจินก้าวออกจากบ้านโดยไม่หันกลับไปมองชูโกวด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกยินดีในใจโดยคิดว่าเขาเพิ่งหนีจากโศกนาฏกรรมมาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินจินอยู่ข้างนอก ชูโกวก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในหัวของเขา และร่างกายของเขาก็ชักกระตุกก่อนจะล้มลงกับพื้น ก่อนจะสิ้นใจในเวลาต่อมา

เข็มเงินพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา เจาะทะลุหน้าต่าง และกลับเข้าไปในแขนเสื้อของหลินจิน

เข็มเงินเหล่านี้เป็นของที่หลินจินสร้างขึ้นมา และพวกมันมีอยู่เพียงร้อยกว่าเล่มเท่านั้น

ตอนนี้ผู้วางแผน ชูโกว ถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว และหลินจินก็ไม่รู้สึกว่าเขาลงมือรุนแรงเกินไป เพราะถ้าเขาไม่ฆ่าชูโกว ก็จะเป็นชูโกวเองที่ฆ่าเขา

ที่พักอาศัยแห่งนี้เงียบสงบมากจนศพของชูโกวอาจพบได้เฉพาะตอนฟ้าสว่างเท่านั้น

หลินจินเองก็ไม่ได้พยายามซ่อนร่างของชูโกวด้วย เนื่องจากสมาคมผู้ประเมินมารตั้งใจที่จะเป็นศัตรูกับเขา ทำไมเขาไม่ประกาศสงครามที่นี่ และปล่อยให้เกมเริ่มต้นขึ้นกันล่ะ?

...

บ่อนการพนันเรียงรายอยู่ข้าง ๆ กันบนถนนในเมืองเกลียวสวรรค์ แม้ว่าข้างนอกจะดึกแล้ว แต่นักพนันหลายคนยังคงมารวมตัวกันรอบแสงเทียน เพลิดเพลินกับความตื่นเต้นของการพนัน

บนโต๊ะมีแท่งเงิน แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นชิ้น ๆ แต่ก็มีแท่งโลหะและแท่งทองด้วย ดูเหมือนว่าจะมีมูลค่าหลายเหรียญบนโต๊ะนี้ นักพนันที่เปลือยอกถือชามดินเผาสองใบเข้าด้วยกันในขณะที่เขย่าลูกเต๋าอย่างบ้าคลั่ง ชายหัวโล้นคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก

“เจ้าของร้านเว่ย กลับมาแล้ว”

“ขอคารวะ เจ้าของร้าน”

ลูกค้าหลายคนในร้านทักทายเขาในทันที แต่เจ้าของร้านหัวโล้นคนนี้กลับไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควร เขาตะคอกใส่พวกเขา

“ตอนนี้ดึกมากแล้ว คืนนี้คงพอแค่นี้ก่อน พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านก็เริ่มไล่ลูกค้าออกไป โดยรู้ว่าเจ้าของร้านมีงานมอบหมายให้พวกเขาทำ

“ไปรวบรวมพี่น้องของเรามาทั้งหมด!”

ไม่นาน ชายร่างกำยำกว่าสิบคนก็ถูกอัดแน่นอยู่ในห้องเล็ก ๆ นี้ แสงเทียนสลัว ๆ ไม่เพียงพอที่จะเผยให้เห็นใบหน้าของทุกคน เจ้าของร้านหัวโล้นอธิบายโดยไม่เสียเวลา

“เจ้านายจะออกเดินทางไกลในวันพรุ่งนี้ และข้าก็จะเดินทางไปด้วย เรายังต้องการคนอีกสองสามคนที่เก่งเรื่องการต่อสู้ ใครอยากไปกับพวกเราบ้าง?”

ชายฉกรรจ์เหล่านั้นต่างตกตะลึง และไม่มีใครพูดอะไรเลยอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เนื่องจากเจ้าของร้านกำลังจะออกไปปฏิบัติภารกิจ ความท้าทายนั้นต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นการอยู่ที่นี่ดูเหมือนจะปลอดภัยกว่า

เจ้าของร้านหัวโล้นดูไม่สะทกสะท้านกับคำตอบของพวกเขา

“เนื่องจากไม่มีใครพูดอะไร ข้าจะเป็นคนเลือกเอง เหล่าซาน ออกมา” เมื่อเจ้าของร้านหัวโล้นกล่าว ชายผิวสีแทนในมุมหนึ่งพยักหน้า

“ขอรับ เจ้าของร้าน!”

“เหล่าเซว่ เจ้าด้วย”

“ขอรับ!”

“เอ๋อร์ฉิง เจ้าด้วย”

ชายหนุ่มพยักหน้า

“ในขณะที่เจ้านายและข้าไม่อยู่ พวกเจ้าช่วยกันดูแลร้านและอย่าก่อปัญหาใด ๆ แม้ว่าจะมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น ก็รอพวกเรากลับมาก่อน”

“เข้าใจแล้วขอรับ เจ้าของร้าน!”

ทันใดนั้น สายลมพัดมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ และเทียนในห้องก็ดับลงอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้น ห้องก็มืดสนิท

เจ้าของร้านเว่ยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเสียงทึบ ๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เขานึกถึงเสียงร่างของมนุษย์ที่กระแทกลงกับพื้น...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด