ตอนที่แล้วบรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 26 เปิดเผยตัวตน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 28 เซียนหญิงล้นหลาม

บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 27 ค่าตอบแทน


บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 27 ค่าตอบแทน

ในถุงเก็บสมบัติของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ยังมีของอยู่ไม่น้อย

นอกจากโอสถแล้วยังมีของอย่างอื่นอีก

หินวิญญาณก็มีหลายร้อยก้อน

ในบรรดาของเหล่านี้ มีบางอย่างที่เขาได้รับมาจากผู้บำเพ็ญเซียน หลังจากที่เขาสังหารสามตระกูลผู้บำเพ็ญเซียน

คนผู้นี้เป็นผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐาน ย่อมดูถูกของธรรมดาทั่วไป ดังนั้นของเหล่านี้จึงมีค่าอยู่บ้าง

หลี่ซูหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมา ปกของตำราเล่มนี้หายไปแล้ว แต่เนื้อหาข้างในกลับน่าขนลุก

เนื้อหาข้างในเขียนเกี่ยวกับวิธีการใชเลือดเนื้อของผู้บำเพ็ญเซียนและปุถุชนหลอมโอสถ

โอสถแบบนี้เรียกว่า โอสถมนุษย์

ใชผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณ บวกกับสมุนไพรบางชนิดหลอมออกมา มีประโยชน์อย่างมากต่อผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐาน

หลังจากกินโอสถชนิดนี้แล้ว ต้องใช้เวลาในการย่อยและดูดซับ

ในตำราเล่มนี้ยังเขียนถึงโอสถที่โหดร้ายยิ่งกว่า เช่น โอสถทารก

ใช้ทารกที่มีรากวิญญาณ...วิธีการนั้นอ่านแล้วขนลุก

ซูอวิ๋นมองดูด้วยความอยากรู้อยู่สองสามครั้ง ก็รู้สึกเสียใจ เพราะนางเกือบจะอาเจียนออกมา

ดังนั้น นางจึงรีบไปอยู่ด้านข้าง ไม่ยอมมองดูอีก

“ไม่แปลกใจเลยที่พลังของคนผู้นี้พัฒนาอย่างรวดเร็ว”

หลี่ซูเก็บตำราเล่มนั้นไว้ในถุงเก็บสมบัติของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ เตรียมมอบให้ประมุขจัดการ

ถึงแม้พลังของผู้บำเพ็ญสายมารจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว หลี่ซูก็คงไม่คิดจะเรียนรู้

เขาเป็นผู้ข้ามภพและเป็นเจ้าของระบบ หากต้องใช้วิธีชั่วร้ายแบบนี้ฝึกฝน เขาคงแย่เกินไป

เปลี่ยนชื่อเป็นผู้ข้ามภพผู้ไร้ยางอายไปเลยดีกว่า

.

นอกจากตำราเล่มนี้แล้ว หลี่ซูยังพบแผ่นหินสีดำแผ่นหนึ่ง ตัวอักษรบนแผ่นหินนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด

อีกอย่างหนึ่งก็คือเหรียญตราสีดำอันหนึ่ง

รูปร่างของเหรียญตรานั้นเรียบง่าย สีดำสนิท บนนั้นมีตัวอักษรตัวหนึ่งเขียนว่า ศักดิ์สิทธิ์

หลี่ซูเคาะดู พบว่าวัสดุของเหรียญตราอันนี้นับว่าดีเยี่ยม ดีกว่าวัสดุของเหรียญตราสำนักเซียนเวหาหลายเท่า

“นี่คือเหรียญตราอะไร”

หลี่ซูคิดอยู่ครู่หนึ่ง เก็บเหรียญตราและแผ่นหินไว้

ธงดำผืนนั้นของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ หลี่ซูเก็บไว้เช่นกัน

สามอย่างนี้หลี่ซูไม่คิดจะมอบให้ใคร เตรียมจะศึกษา

แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อการเรียนรู้ แต่เพื่อทำความเข้าใจผู้บำเพ็ญสายมารมากขึ้น

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ย่อมมิย่อยยับ

หากพบเจออีกในอนาคต ก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น

จากนั้น หลี่ซูก็เก็บของอย่างอื่นทั้งหมด รวมถึงหินวิญญาณไว้ในถุงเก็บสมบัติ

“ไปกันเถอะ ศิษย์น้อง”

หลังจากเก็บของเสร็จ หลี่ซูก็ปล่อยเรือเหาะออกมา โยนผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ที่กำลังจะตายขึ้นไปบนเรือเหาะ

ซูอวิ๋นกลับมาเป็นปกติแล้ว กระโดดขึ้นไปบนเรือเหาะ

“ศิษย์พี่ ทำไมผู้บำเพ็ญสายมารถึงโหดร้ายเช่นนี้ ทารกตัวเล็ก ๆ พวกเขาก็ยังลงมือได้”

ซูอวิ๋นกล่าว

หลี่ซูกล่าว “ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะเรียกว่าผู้บำเพ็ญสายมารได้อย่างไร สำหรับพวกเขาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ขอเพียงสามารถเพิ่มพูนตบะ ถึงจะต้องสังหารคนทั้งแคว้น พวกเขาก็คงไม่ลังเล”

“โชคดีที่ศิษย์พี่ค้นพบเขา มิเช่นนั้นไม่รู้ว่าจะมีคนตายอีกเท่าใด”

ซูอวิ๋นมองหลี่ซู กล่าว

แววตาของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวหลี่ซู

.

เรือเหาะแล่นไปยังทิศทางที่กองกำลังหลักของสำนักเซียนเวหาอยู่

เบื้องล่างหน้าผา เหตุการณ์ในครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้น

ผู้บำเพ็ญจำนวนมากกำลังพูดคุยกัน เมื่อพวกเขาพูดคุยและเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ไม่นานเรื่องนี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วแคว้นหวู่

.

หลังจากบินไปสักพัก เรือเหาะเทพเซียนของประมุขก็ปรากฏขึ้น

เพียงแต่หลี่ซูพาเรือเหาะเข้าไปใกล้ จึงพบว่าประมุขไม่อยู่

ครู่หนึ่ง ประมุขก็บินกลับมาจากภูเขาห้วงอุดม ในมือของนางมีหัวของสัตว์อสูรขนาดใหญ่อยู่

หลี่ซูมองดู นี่คือหัวของสัตว์อสูรที่เหมือนกับไดโนเสาร์

คนผู้นี้ควรจะเป็นสัตว์อสูรระดับสามที่เทียบเท่ากับระดับแกนทอง ในที่สุดก็ถูกประมุขสังหาร!

เบื้องล่าง ศิษย์สำนักเซียนเวหาต่างโห่ร้องดีใจ

สัตว์อสูรระดับสามผู้นี้เจ้าเล่ห์มาก ครั้งนี้ตายลง ความเร็วในการรุกคืบของสำนักเซียนเวหาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ขอเพียงกวาดล้างพื้นที่บริเวณนี้ สร้างค่ายกลตามภูมิประเทศ ก็สามารถเริ่มขุดแร่ได้

ประมุขโยนหัวของสัตว์อสูรลงไปบนเรือเหาะเทพเซียน ยาเม็ดสัตว์อสูรควรจะถูกนางเก็บไปแล้ว

อารมณ์ของนางดูเหมือนจะไม่เลว

เห็นหลี่ซูกลับมา สายตาของนางกวาดมองหลี่ซู จากนั้นก็หยุดอยู่ที่ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋

“ท่านประมุข สำเร็จภารกิจแล้ว คนร้ายที่สังหารล้างเจ็ดตระกูลใหญ่ถูกข้าจับได้แล้ว”

หลี่ซูกล่าว

“ท่านอาจารย์ เขาเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร...”

ซูอวิ๋นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น

ในคำพูดของนางเต็มไปด้วยคำชมและความชื่นชมหลี่ซู

ฟังจบแล้ว แววตาที่ประมุขมองหลี่ซูก็สว่างขึ้น

ในนั้นยังมีความชื่นชมอย่างชัดเจน

“เจ้าทำได้ดีมาก”

ประมุขเอ่ยปาก

“ข้าจะให้โถงกิจการฝ่ายนอกบันทึกแต้มคุณประโยชน์หนึ่งพันแต้มให้เจ้า ส่วนยันต์วิเศษเจ้าเก็บไว้ใช้ต่อไป นอกจากนี้ ข้าจะไปเรียกร้องผลประโยชน์จากนิกายตะวันเพลิงให้เจ้า”

ประมุขกล่าว

“ขอบคุณท่านประมุขขอรับ”

หลี่ซูกล่าว

“เจ้ายังเรียกข้าว่าท่านประมุขอีกหรือ”

สายตาของประมุขมองไปที่หลี่ซู

ตอนนี้ สถานะของหลี่ซูที่เป็นศิษย์สายตรงของประมุขแพร่กระจายออกไปแล้ว แต่หลี่ซูกลับไม่ยอมเปลี่ยนคำเรียกขาน

สาเหตุหนึ่งคือ ตอนนั้นเขาปฏิเสธประมุข อีกสาเหตุหนึ่งคือ หลี่ซูรู้สึกว่าหากเรียกท่านอาจารย์แล้ว...

หากในอนาคตมีโอกาสให้ประมุขให้กำเนิดบุตรธิดาให้เขา คงจะน่าอายมาก

ถึงแม้ตอนนี้โอกาสนั้นจะน้อยมาก แต่ตำราเรียนวิชาสังคมตอนมัธยมปลายของหลี่ซูไม่ได้เขียนไว้หรือ โลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง

เพียงแต่ถูกสายตาประมุขมองเช่นนี้ หลี่ซูจึงได้แต่เปลี่ยนคำเรียกขาน “ขอรับ ท่านอาจารย์”

ประมุขถึงจะพอใจ

“ท่านอาจารย์ นี่คือถุงเก็บสมบัติของเขา มีสามอย่างที่ข้าเตรียมเก็บไว้ศึกษา ท่านอาจารย์วางใจเถิด ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับวิชายุทธ์ของผู้บำเพ็ญสายมาร”

หลี่ซูกล่าว

เรื่องนี้ประมุขวางใจหลี่ซูมาก ไม่ได้พูดอะไร

เพียงแต่หลังจากรับถุงเก็บสมบัติมาแล้ว นางก็มอบหินวิญญาณหลายร้อยก้อนในนั้นทั้งหมดให้กับหลี่ซู และยังเพิ่มให้อีกเล็กน้อย รวมเป็นหนึ่งหมื่นก้อน

หินวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน นับว่าไม่น้อย หลังจากหลี่ซูไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้ว ทุกปีเขาจะได้รับหินวิญญาณหกร้อยก้อน

ต้องใช้เวลากว่าสิบเจ็ดปีกว่าจะได้รับมากขนาดนี้

“หินวิญญาณเหล่านี้ให้เจ้า หากเจ้าต้องการวิชายุทธ์แบบไหน ก็ไปเลือกที่ศาลาคัมภีร์ได้เลย”

ประมุขกล่าว

“ขอบคุณท่านอาจารย์ขอรับ”

หลี่ซูไม่ได้ปฏิเสธ รับหินวิญญาณไว้

“เจ้า...ช่างเถอะ”

ประมุขจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอพูดออกมาแล้วก็หยุด

ดูเหมือนว่านางอยากจะเตือนหลี่ซู เพียงแต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

“ท่านอาจารย์ หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน”

เรื่องนี้จบลงแล้ว หลี่ซูจึงเตรียมตัวจะจากไป

หลังจากมอบผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ให้ประมุขแล้ว ประมุขก็จะส่งคนไปจัดการคนผู้นี้ และคงจะสืบหาภูมิหลังของเขา

คนผู้นี้ยังสังหารล้างสี่ตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนในแคว้นซื่อฉี นิกายตะวันเพลิงคงจะไม่ปล่อยเขาไป

ไม่ต้องให้หลี่ซูจัดการแล้ว

ประมุข “อืม” เสียงหนึ่ง “ไปเถอะ”

“ศิษย์น้อง แล้วพบกันใหม่”

“เดินทางปลอดภัยนะ ศิษย์พี่”

หลังจากกล่าวลากับซูอวิ๋นแล้ว หลี่ซูก็เดินทางออกจากภูเขาห้วงอุดมด้วยเรือเหาะ

ครึ่งวันต่อมา เขาก็กลับมาถึงคฤหาสน์บนภูเขา

คฤหาสน์บนภูเขายังคงเป็นเช่นเดิม

เรื่องที่ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ถูกจับยังไม่แพร่กระจายออกไป

หลี่ซูยังคงพัฒนาตนเองต่อไปอย่างเงียบ ๆ

หลังจากผ่านไปหลายเดือนในชีวิตเช่นเทพเซียน สำนักเซียนเวหาก็ส่งข่าวมาว่า ในที่สุดเรื่องของภูเขาห้วงอุดมก็เรียบร้อยแล้ว

พื้นที่ที่สำนักเซียนเวหาอยู่นั้น เบื้องล่างมีหินวิญญาณกระจายอยู่ไม่น้อย

อีกสองนิกายเซียนใหญ่ต่างก็ได้รับผลประโยชน์

เหมืองแร่หินวิญญาณในครั้งนี้ ก็จบลงแค่นี้

ในอนาคต หลังจากหินวิญญาณในพื้นที่ของสามนิกายเซียนใหญ่ถูกขุดหมด ต้องขยายพื้นที่ใหม่ คงจะมีข้อพิพาทอีก เพียงแต่เป็นเรื่องในอนาคต

เมื่อเรื่องเหมืองแร่หินวิญญาณจบลง เรื่องของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในโลกบำเพ็ญเซียนของแคว้นหวู่

ตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนไม่น้อย เพราะสามตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนถูกสังหาร จึงย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ สำนักเซียนเวหา พวกเขาจึงได้ยินข่าวนี้

การแพร่กระจายของเรื่องนี้ ยังทำให้ชื่อเสียงของหลี่ซูโด่งดังเป็นพิเศษในโลกบำเพ็ญเซียนของแคว้นหวู่

ในแคว้นซื่อฉี แคว้นเป่ยเหยียน และอีกสองนิกายเซียนใหญ่ ผู้บำเพ็ญเซียนจำนวนไม่น้อยต่างเคยได้ยินชื่อของหลี่ซู

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด