บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 26 เปิดเผยตัวตน
บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 26 เปิดเผยตัวตน
“พลังวิญญาณสีเลือด!”
“ผู้อาวุโสไป๋เป็นผู้บำเพ็ญสายมาร เป็นไปไม่ได้!”
“...”
เบื้องล่าง การเปลี่ยนแปลงมากมายทำให้ผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณต่างตกตะลึง
ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ไม่มีเวลาและโอกาสเปล่งเสียงออกมา
พวกเขาเห็นเพียงว่าหลังจากผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋เข้าไปทักทายหลี่ซู หลี่ซูก็กล่าวเสียงดังว่าผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋สังหารสามตระกูลผู้บำเพ็ญเซียน ฆ่าผู้บำเพ็ญเซียนหลายสิบคนและปุถุชนหลายพันคน จากนั้นก็ลงมือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ซู ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋อยู่กับพวกเขามาหลายเดือน อีกทั้งยังใจดีเป็นพิเศษ ไร้ซึ่งท่าทางโอหังของผู้อาวุโสระดับสร้างฐาน
ผู้บำเพ็ญบางส่วนยังได้รับความช่วยเหลือจากผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋
ดังนั้นจึงมีผู้บำเพ็ญบางส่วนอยากพูดแทนผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ และเมื่อผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋จะอธิบาย สีหน้าที่งุนงงของเขาก็หลอกผู้บำเพ็ญได้ไม่น้อย
แม้คนที่ลงมือจะเป็นหลี่ซู ผู้บำเพ็ญบางส่วนก็ยังอยากพูดแทนผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋
แต่เรื่องกลับพลิกผันอย่างรวดเร็ว
พวกเขาไม่มีโอกาสพูด
หลี่ซูลงมืออย่างรุนแรง ตั้งใจสังหารผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋เห็นหลี่ซูมุ่งมั่นที่จะสังหารเช่นนี้ เพื่อรักษาชีวิตเขาจึงต้องใช้ไม้ตายทั้งหมด
นี่จึงทำให้เขาเปิดเผยตัวตน
คนผู้นี้ช่างรู้จักซ่อนตัว ในการต่อสู้ใต้พิภพก็ไม่ได้ถูกผู้บำเพ็ญคนอื่นจับได้
แต่เขาเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร วิถีมารของเขาย่อมแข็งแกร่งที่สุด หากอยากรักษาชีวิตก็ต้องใช้วิถีมาร นี่จึงทำให้เขาเปิดเผยตัวตน
เรื่องกลับพลิกผันอย่างรวดเร็ว ผู้บำเพ็ญจำนวนมากเดิมทีจะพูดแทนผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ ใครจะรู้ว่าเรื่องจะพลิกผันเช่นนี้ พวกเขาต่างตกตะลึง
.
เหนือท้องฟ้า ในตอนนี้ หลังจากผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋แสดงพลังออกมา ในมือของเขาก็ปรากฏธงดำผืนหนึ่ง
กระบี่บินทองคำพุ่งเข้ามาใกล้ ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ไม่พูดพร่ำทำเพลง ส่งพลังวิญญาณในร่างเข้าไปในธงดำอย่างบ้าคลั่ง
“ไป!”
เขาสะบัดธงดำอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาสะบัด เปลวไฟสีเขียวดำที่เหมือนกับไฟผีก็ปรากฏออกมา หมุนวนรอบตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง
เพียงพริบตา เปลวไฟสีเขียวดำเหล่านี้ก็ก่อตัวเป็นค่ายกลไฟผี
มองดูอย่างละเอียด เปลวไฟสีเขียวดำเหล่านี้ยังก่อตัวเป็นรูปหัวกะโหลก
กระบี่บินทองคำพุ่งเข้ามาใกล้ แต่ค่ายกลไฟผีที่ก่อตัวจากเปลวไฟสีเขียวดำถูกผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋สะบัดธงดำต้านทานไว้
“เก่งไม่เบา!”
หลี่ซูหรี่ตามอง
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ผู้นี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ
ถึงแม้คนผู้นี้จะมีพลังแค่ระดับสร้างฐานขั้นแปด แต่ค่ายกลไฟผีที่เขาสะบัดธงดำออกมากลับสามารถต้านทานการโจมตีของยันต์วิเศษได้!
ธงดำผืนนี้ควรจะเป็นอาวุธเวทชั้นดีของผู้บำเพ็ญสายมาร
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋...ควรจะได้รับมรดกวิชาจากผู้บำเพ็ญสายมาร
ตอนที่หลี่ซูพบเจอผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ครั้งแรก จางเยวี่ยเอ๋อร์เคยแนะนำเขาให้หลี่ซูรู้จัก
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ในอดีตธรรมดามาก เพียงแต่จู่ ๆ เขาก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว สร้างฐานสำเร็จเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน
อืม ตอนนั้นเป็นเวลายี่สิบปีก่อน แต่ตอนนี้ระยะเวลาที่หลี่ซูเข้าร่วมงานชุมนุมผู้บำเพ็ญอิสระครั้งแรกผ่านไปสี่สิบปีกับอีกหลายเดือนแล้ว
ในช่วงเวลาสี่สิบปีมานี้ คนผู้นี้ทะลวงไปถึงระดับสร้างฐานขั้นแปด
ระหว่างนี้ ยี่สิบปีแรกพัฒนาการของเขานับว่าไม่เร็ว ตอนที่หลี่ซูพบเขาครั้งแรก คนผู้นี้มีพลังแค่ระดับสร้างฐานขั้นสอง
ควรจะเป็นเพราะตอนนั้นเขายังเก็บตัว
ต่อมา เขาก็เริ่มลงมือกับผู้บำเพ็ญเซียน ระดับของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้เวลายี่สิบปีจากระดับสร้างฐานขั้นสอง มาถึงระดับสร้างฐานขั้นแปดในตอนนี้
งานชุมนุมผู้บำเพ็ญอิสระครั้งที่แล้วเมื่อหลายเดือนก่อน เขามีพลังแค่ระดับสร้างฐานขั้นเจ็ด!
หลายเดือนมานี้ คนผู้นี้ลงมือกับตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนอย่างบ้าคลั่ง พลังของเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้น!
วิชายุทธ์ของผู้บำเพ็ญสายมาร คนผู้นี้คงคิดค้นเองไม่ได้ บวกกับธงดำผืนนี้ มองดูแล้วผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ได้รับมรดกวิชาจากผู้บำเพ็ญสายมารอย่างแน่นอน
“น่าโมโหยิ่งนัก!”
ในตอนนี้ ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋โกรธจนแทบคลั่ง
นอกจากความโกรธก็มีแต่ความโกรธ
เขาวางแผนมาอย่างดี ถอนตัวออกมาอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครสามารถโยงเรื่องมาถึงเขาได้
ถึงจะมีคนสงสัย เขาก็ไม่ต้องกังวล
หลังจากเรื่องนี้ พลังของเขาสามารถไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐาน จากนั้นก็ลงมือกับผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งกว่า เขามั่นใจว่าจะสามารถทะลวงไปถึงระดับแกนทองได้
ทุกอย่างช่างสมบูรณ์แบบ
ใครจะไปคิดว่า จะมาพบหลี่ซูที่ไม่ทำตามแบบแผน
ไม่สนใจเหตุผลใด ๆ ไม่พูดอะไรมากก็ลงมือสังหาร!
ถึงแม้ประมุขสามนิกายเซียนใหญ่จะมาเอง ก็คงไม่ไร้เหตุผลเช่นนี้
โลกบำเพ็ญเซียนนั้นแข็งแกร่งย่อมอยู่รอด แต่ก็มีกฎเกณฑ์พื้นฐาน
หลี่ซูกลับไม่สนใจเหตุผลใด ๆ ส่วนเขาก็มีความผิดติดตัว
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่า เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ มีหลักฐานยืนยันว่าเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้ทิ้งเบาะแสใด ๆ
หลี่ซูรู้ได้อย่างไร
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังสามารถต้านทานยันต์วิเศษได้ แต่พลังของเขาอยู่แค่ระดับสร้างฐานขั้นแปด พอพลังแก่นแท้หมดลง เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ด้วยอัตราการใช้พลังในตอนนี้...อย่างมากสุดก็แค่ไม่กี่นาที เขาก็ต้านทานไม่ได้แล้ว
“ต้องใช้วิธีนั้นแล้ว”
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋สะบัดธงดำด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็โยนลูกแก้วสีดำออกมา
“ตูม!”
ลูกแก้วสีดำลูกนั้นพุ่งเข้ามาใกล้หลี่ซู จากนั้นก็ระเบิด เปลวไฟสีดำก็พุ่งกระจายออกมา
ในเปลวไฟยังมีสายฟ้าแลบ
“ท่านผู้อาวุโสหลี่!”
ผู้บำเพ็ญจำนวนมากต่างหน้าซีด ลูกกลมลูกนี้น่ากลัวเกินไป
“เจ้ายังมีอีกกระบวนท่าอีกหรือไม่ ใช้มันออกมาให้หมดเถอะ”
ในตอนนี้ เสียงเรียบเฉยของหลี่ซูดังขึ้นมาจากอีกฝั่ง
เขาพุ่งเข้าใส่หลี่ซูกับซูอวิ๋นอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองกลับไปปรากฏตัวที่อื่น!
ถึงจะเป็นระดับสร้างฐานขั้นสิบ ก็คงไม่สามารถหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้!
“เป็นไปไม่ได้!”
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋หรี่ตามอง
“ที่นี่อยู่ในค่ายกลที่ข้าวางไว้ เจ้าลองเดาดูสิว่าตอนนี้ข้าอยู่ตรงไหน”
เสียงของหลี่ซูยังคงเรียบเฉย
เขารู้ล่วงหน้าแล้วว่าผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ไม่ธรรมดา ค่ายกลที่เขาวางไว้ นอกจากจะกักขังคนแล้ว ยังทำให้สับสนทิศทางและสร้างภาพลวงตา
ดังนั้น การลอบโจมตีของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋จึงล้มเหลว
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋หน้าบึ้งตึง
เขาใกล้จะต้านทานไม่ได้แล้ว ในมือมีของไม่กี่อย่างที่เป็นภัยคุกคามต่อหลี่ซู
ถึงจะเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร แต่พลังของเขาในตอนนี้ต่ำเกินไป ธงดำผืนนี้ไม่สามารถใช้พลังได้มากนัก
“น่าโมโหยิ่งนัก อีกปีเดียวเท่านั้น!”
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋โกรธจนแทบกระอักเลือด
จากนั้น
เขาก็กระอักเลือดออกมาจริง ๆ
ไม่ถึงไม่กี่นาที เพียงแค่หนึ่งนาทีกว่า ธงดำของเขาก็ต้านทานยันต์วิเศษไม่ได้แล้ว
กระบี่บินทองคำพุ่งทะลุร่างของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“อึก!”
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋กระอักเลือดออกมาคำโต
วินาทีต่อมา หลี่ซูก็ปรากฏตัวตรงหน้าเขา ยื่นฝ่ามือออกไป สลายพลังแก่นแท้ในร่างของเขา ในมือของหลี่ซูปรากฏเชือกสีทองเส้นหนึ่ง มัดผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ที่กำลังจะตายเอาไว้
.
“ใช้เลือดเนื้อของผู้บำเพ็ญเซียนหลอมโอสถ นี่คือผู้บำเพ็ญสายมารงั้นรึ”
ครู่หนึ่ง เสียงของหลี่ซูดังขึ้น
ในมือของเขามีโอสถสีเลือดอยู่ไม่น้อย
สีเลือดนี้...เป็นเลือดจริง ๆ
นี่คือโอสถที่ใชเลือดเนื้อของผู้บำเพ็ญเซียนหลอมออกมา!
ผู้บำเพ็ญรอบ ๆ ตัวต่างหน้าซีด
“ไม่แปลกใจเลยที่หลายปีมานี้ ผู้บำเพ็ญที่เดินทางไปกับเขาต่างหายสาบสูญไปหมด”
ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งดูเหมือนจะสังเกตเห็นเรื่องนี้ เพียงแต่ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ปกปิดไว้ได้ดีเกินไป ผู้บำเพ็ญผู้นี้จึงไม่ได้สงสัย
จนถึงตอนนี้จึงได้เข้าใจ
“ไม่คิดเลยว่าท่านไป๋...เขาจะเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร โชคดีที่มีท่านผู้อาวุโสหลี่ ตอนนี้นึกแล้วยังหวาดกลัว”
“ใช่แล้ว ท่านผู้อาวุโสหลี่ช่างเฉียบแหลม เขาปกปิดไว้ได้ดีเช่นนี้ ท่านผู้อาวุโสหลี่ยังคงค้นพบ”
“รู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ ชายแซ่ไป๋ช่างซ่อนตัวได้ลึก”
“...”
ผู้บำเพ็ญจำนวนมากต่างชื่นชมหลี่ซู
ผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ซ่อนตัวได้ลึกเช่นนี้ กลับถูกหลี่ซูค้นพบ นี่จึงทำให้ผู้บำเพ็ญจำนวนมากเลื่อมใส
“ศิษย์พี่ดูเหมือนจะเก่งกาจไม่น้อย”
ด้านข้าง ซูอวิ๋นฟังผู้บำเพ็ญเหล่านั้นเล่าเรื่องในอดีตของผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ ก็อดคิดไม่ได้
ในอดีต นางไม่ได้ใส่ใจหลี่ซูมากนัก เพียงแค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ไม่ได้สนใจมากนัก
จนกระทั่งช่วงนี้ ชื่อของหลี่ซูเริ่มปรากฏในบทสนทนาของศิษย์สำนักเซียนเวหาบ่อยครั้ง นางจึงได้รู้ว่าสำนักเซียนเวหามีผู้บำเพ็ญที่แปลกประหลาดเช่นนี้
สร้างฐานสำเร็จตอนอายุร้อยปี ชอบรับนางสนม หลงใหลในโลกียะ แต่พลังของเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงยี่สิบกว่าปีมานี้
ทะลวงไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้ว
เช่นนี้ต่อไป ในช่วงชีวิตนี้ หลี่ซูอาจจะสามารถทะลวงไปถึงระดับแกนทองได้!
ตอนนี้ หลี่ซูกลับสามารถจับผู้บำเพ็ญแซ่ไป๋ได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่มีเบาะแสใด ๆ แม้แต่นิกายตะวันเพลิงก็ยังไม่พบร่องรอย
หลี่ซูแบบนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาซูอวิ๋นเปลี่ยนไปอีกครั้ง