บทที่ 18 : ผิวทองแดงเเละกระดูกเหล็ก!
บทที่ 18 : ผิวทองแดงเเละกระดูกเหล็ก!
"เขาสัมผัสพลังปราณสำเร็จแล้วงั้นหรือ?"
"ทุกคนเข้าสำนักพร้อมกัน ทำไม ความเร็วในการฝึกฝนของเขาถึงเร็วขนาดนี้?"
ในเวลานี้, ศิษย์ฝึกหัดที่กำลังฟังการบรรยายพร้อมกับหลินเสวียน…ต่างก็มองหลินเสวียนด้วยความอิจฉา
พวกเขาแค่ฟังการบรรยายของศิษย์พี่หญิงรองให้เข้าใจก็ยากแล้ว
แต่หลินเสวียนกลับสามารถสัมผัสพลังปราณได้
แล้วแบบนี้เขาจะไม่อิจฉาได้อย่างไร?
"ชิ้งงง!"
ในเวลานี้, หลินเสวียนก็ได้ลืมตาขึ้นมา
"ยินดีด้วยศิษย์น้อง ที่สามารถสัมผัสพลังปราณได้เเล้ว"
ทันทีที่หลินเสวียนลืมตาขึ้น ก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของศิษย์พี่หญิงรอง
"ขอบคุณศิษย์พี่หญิง"
"ถ้าไม่ได้ศิษย์พี่บรรยายอย่างตั้งใจ…ข้าคงไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้"
หลินเสวียนพูดพร้อมรอยยิ้ม
ส่วนเรื่องที่ศิษย์พี่หญิงรองคิดว่าเขาแค่สัมผัสพลังปราณได้…หลินเสวียนก็ไม่ได้แก้ตัวอะไร
เพราะเขาเพิ่งเข้าสำนักได้นานแค่ไหนกัน?
มันพึ่งจะแค่สามวันเท่านั้นเอง!
ใครจะไปคิดว่าศิษย์ที่พึ่งเข้าสำนักได้ไม่ถึงสามวัน…จะสามารถฝึกฝนจนถึงขอบเขตหลอมรวมลมปราณขั้นที่สามได้?
"หึๆ…ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นคนบรรยาย แต่สิ่งสำคัญคือความเข้าใจของศิษย์น้องเอง!"
"เอาล่ะ…ในเมื่อศิษย์น้องสามารถสัมผัสพลังปราณได้แล้ว, การบรรยายของข้าคงไม่มีประโยชน์สำหรับศิษย์น้องอีกแล้ว" ศิษย์พี่หญิงรองส่ายหัว
วันนี้, เธอถึงกับนำความรู้ลับที่ได้ยินมาจากผู้อาวุโสฝ่ายในมาบรรยาย
ตอนนี้เธอไม่มีอะไรจะสอนหลินเสวียนได้อีกแล้ว
"หลิงซวง!"
"ขอรับ!"
ศิษย์สายนอกที่ยืนอยู่ที่มุมห้องอย่างเงียบๆรีบตอบรับ
"คืนค่าเล่าเรียนแบบเหมาจ่ายให้กับศิษย์น้องหลินเสวียนด้วย" ศิษย์พี่หญิงรองพูดพร้อมกับยิ้ม
"ศิษย์พี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร?" หลินเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย
"การบรรยายของข้าไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเจ้าแล้ว…เงินนี้ข้ารับไว้ไม่ได้"
ศิษย์พี่หญิงรองพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ท่าทีของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"ศิษย์พี่ แบบนี้ไม่ถูกต้อง!"
"ค่าเล่าเรียนที่จ่ายไปแล้ว…จะเอาคืนได้อย่างไร?"
"ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของหลินเสวียน…แค่การบรรยายครั้งนี้ของศิษย์พี่ก็มีค่ามากมายมหาศาลแล้ว!"
หลินเสวียนโบกมือปฏิเสธ และพูดอย่างหนักแน่น
"นี่..." ศิษย์พี่หญิงรองลังเล
"ศิษย์พี่, ท่านรับค่าเล่าเรียนไว้เถอะ"
"บางทีในอนาคต ศิษย์น้องอาจจะต้องรบกวนขอคำแนะนำจากศิษย์พี่หญิงอีก" หลินเสวียนพูดอย่างจริงใจ
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้…ในอนาคตถ้า ศิษย์น้องมีข้อสงสัยอะไร ก็มาหาข้าได้เลย!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ศิษย์พี่หญิงรองก็ยิ้มออกมาในที่สุด
"ถ้าอย่างนั้น ศิษย์น้องก็ไม่เกรงใจแล้ว…ต่อไปคงต้องรบกวนศิษย์พี่!"
หลินเสวียนฉวยโอกาสพูดด้วยรอยยิ้ม
"อืม!" ศิษย์พี่หญิงรองพยักหน้า
ท่าทีของพวกเขาดูสนิทสนมยิ่งกว่าเดิม
"เอาล่ะ…การบรรยายวันนี้จบเพียงเท่านี้"
"ถ้า อยากฟังต่อก็มาใหม่วันมะรืน"
เมื่อศิษย์พี่หญิงรองพูดจบ คนอื่นๆก็ทยอยออกไป
"ศิษย์น้องหลิน กลับไปอย่าลืมเตรียมตัวล่ะ"
"ภายในสามวัน จะมีผู้อาวุโสฝ่ายนอกมาหาเจ้า เพื่อทำการประเมินศิษย์สายนอก!"
ศิษย์พี่หญิงรองเรียกหลินเสวียนที่กำลังจะเดินออกไป
"การประเมินศิษย์สายนอก ไม่ใช่ว่าต้องรอให้ฝึกครบหนึ่งปีก่อนเหรอครับ?" หลินเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย
"นั่นสำหรับศิษย์ทั่วไป!"
"ศิษย์น้องหลินสามารถสัมผัสพลังปราณได้ภายในสามวันหลังจากเข้าสำนัก”
“เจ้าย่อมสามารถเข้ารับการประเมินล่วงหน้าได้!” ศิษย์พี่หญิงรองอธิบายพร้อมกับรอยยิ้ม
"อ้อ…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง" หลินเสวียนถึงบางอ้อ
กฎมีไว้แหก!
คนต่างหากที่ยืดหยุ่นได้!
เห็นได้ชัดว่าสำนักจะปล่อยให้ศิษย์ทั่วไปฝึกฝนด้วยตัวเอง
แต่สำหรับศิษย์ที่มีพรสวรรค์, มันก็จะมีการดูแลเป็นพิเศษ
"ศิษย์พี่ การประเมินศิษย์ฝ่ายนอกมีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษบ้างไหม?" หลินเสวียนถามอย่างจริงจัง
"การประเมินศิษย์ฝ่ายนอกนั้นง่ายมาก"
"ศิษย์น้องแค่จำไว้ว่าอย่าประหม่า…เเค่แสดงพรสวรรค์ของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ก็พอแล้ว!" ศิษย์พี่หญิงรองกำชับ
"ศิษย์น้องจะจดจำไว้!" หลินเสวียนพยักหน้า
…….
จากนั้นหลินเสวียนก็ลาศิษย์พี่หญิงรอง แล้วเดินกลับไป
ในใจของเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
การบรรยายครั้งนี้ หลินเสวียนได้รับผลประโยชน์มากมาย
มันทำให้วิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐาน เลื่อนระดับจากระดับพื้นฐานขั้นสูง เป็นระดับสีเหลืองขั้นต้นโดยตรง
ระดับบ่มเพาะพลัง ก็ทะลุมาถึงขั้นที่สาม!
ยิ่งไปกว่านั้น หลินเสวียนรู้สึกได้ว่า หลังจากที่เขาแสดงพลังปราณออกมา
ท่าทีของศิษย์พี่หญิงรองที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปมาก
ดูเหมือนมันจะมีความตั้งใจที่จะผูกมิตรด้วย
แต่หลังจากหลินเสวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจได้
คนอย่างหลินเสวียน ที่สามารถสัมผัสพลังปราณได้ภายในสามวันหลังจากเข้าสำนัก
ในสำนักเทียนเซียว… ถึงจะไม่ถึงกับไม่มี แต่ก็คงจะมีไม่มากนัก
ศิษย์พี่หญิงรองตั้งใจจะผูกมิตรกับเขา…ก็เพราะเห็นศักยภาพของเขา
"นี่คือความแตกต่างที่เกิดจากพลัง!"
"ในสำนักเทียนเซียว ถ้าเจ้ามีพรสวรรค์มากพอ…ก็จะได้รับสถานะที่สูงส่ง!"
"และเมื่อมีสถานะที่สูงส่ง ก็จะได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น"
หลินเสวียนครุ่นคิด จนกระทั่งกลับมาถึงที่พัก
"วันนี้ข้ายังได้เคล็ดวิชาการปรุงโอสถ มา”
“งั้นลองมาจดจำดูหน่อยก็แล้วกัน!”
หลินเสวียนสลัดความคิดในหัวออกเเล้วไปหยิบ [คัมภีร์เตาหลอมโลหิต] ทั้งเจ็ดเล่มออกมา
นี่คือวิชาการปรุงโอสถระดับพื้นฐานขั้นต้น!
พลังของพระวัยกลางคนก็แค่ขั้นที่สองของขอบเขตหลอมรวมลมปราณ….เคล็ดวิชาการปรุงโอสถที่อยู่ในมือเขาย่อมไม่แข็งแกร่งจนเกินไป
[คัมภีร์เตาหลอมโลหิต] เป็นเพียงเคล็ดวิชาการปรุงโอสถขั้นพื้นฐานเท่านั้น
มันมีภาพประกอบและคำอธิบายของสมุนไพรมากมาย…รวมถึงวิธีการแยกแยะสมุนไพรวิญญาณด้วย
นอกจากนี้, ยังมีวิธีการควบคุมเพลิง, ท่าทางการปรุงโอสถ, และเคล็ดวิชาพื้นฐานอื่นๆของการปรุงโอสถ
แน่นอน…ว่าทันยังมีวิชามารบางอย่างที่ใช้เลือดในการปรุงโอสถ
ซึ่งนั่นน่าจะเป็นวิธีที่พระวัยกลางคนใช้จัดการกับพระในวัดเสี่ยวฉาน
[คัมภีร์เตาหลอมโลหิต] ทั้งเจ็ดเล่มนี้มีความซับซ้อนมาก
ด้วยความจำอันยอดเยี่ยมของหลินเสวียน…เขาก็ยังต้องใช้เวลาจนถึงรุ่งสางกว่าจะจดจำได้หมด
……
[วิชาระฆังทองคำอมตะ ทำความเข้าใจเสียงพุทธะทั้งคืน, เลื่อนระดับเป็นระดับสีเหลืองขั้นกลางได้สำเร็จ!]
ก่อนที่คัมภีร์เตาหลอมโลหิตจะพูดอะไร…กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นเสียก่อน
……
"ครืนนนน!"
วิชาระฆังทองคำอมตะเลื่อนระดับ!
หลินเสวียนรู้สึกได้ว่า ผิวหนังและกระดูกของเขาต่างก็ปล่อยพลังดูดซับอันน่าทึ่งมาดูดซับพลังปราณในร่างกายของเขา
……
[ท่านฝึกฝนวิชาระฆังทองคำอมตะสำเร็จ, ร่างกายเปลี่ยนเป็นผิวหนังทองแดงเเละกระดูกเหล็ก!]
กล่องข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้ง
……
"อาบโอสถ!"
"นายท่าน, พระน้อยอยากอาบโอสถ!"
"การอาบโอสถสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายให้กับท่านได้อย่างรวดเร็ว, และยังเป็นประโยชน์ต่อการเลื่อนระดับของพระน้อยด้วย!"
เสียงของวิชาระฆังทองคำอมตะดังขึ้น
"อาบโอสถ?"
หลินเสวียนมีสีหน้าแปลกๆ
…….
[แค่อาบโอสถเองเหรอ?]
[มันจะไปยากอะไร!]
ในเวลานี้เอง
มันกลับมีเสียงเย็นชาแทรกขึ้นมา พร้อมกับกลิ่นอายชั่วร้าย!
……………….