บทที่ 137 ค่าคุ้มครอง!
“ผ่อนผันรายเดือนงั้นหรือ? ผ่อนผันอะไร?”
หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น เมื่อเห็นศิษย์บำรุงสำนักมีท่าทางหวาดกลัวขณะนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
ชายหนุ่มอายุสิบสี่หรือสิบห้าปีรูปร่างผอมเพรียว เมื่อเห็นว่าหลัวเฉิงหน้าลิ่วคิ้วขมวด เขาก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นจนแทบจะร่ำไห้ออกมา
“ศิษย์พี่หลัวเฉิง โปรดให้เวลาข้าอีกสองสามวัน ข้าจะหาวิธีชดเชยการชำระเงินรายเดือนของข้าได้อย่างแน่นอน!”
ศิษย์บำรุงสำนักที่อยู่ข้างๆ รีบกลับขึ้นว่า “ศิษย์พี่หลัวเฉิง มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่บ้านข้า เนื่องจากหมู่บ้านที่ข้าอาศัยอยู่ถูกโจรปล้น และแม่ข้าก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าส่งโอสถเลือดลมกลับไปเพื่อช่วยเหลือ ศิษย์พี่หลัวเฉิงโปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าขอยืดเวลาผ่อนผันออกไปอีกแค่สองสามวันเท่านั้น”
หลัวเฉิงมองยังจางเหลียนที่ยืนอยู่ข้างๆ
จางเหลียนดึงหลัวเฉิงออกไปแล้วกระซิบว่า “เจ้ารู้ใช่หรือไม่ ว่าศิษย์บำรุงสำนักเราสามารถรับโอสถเลือดลมจำนวนหนึ่งทุกเดือนตามระดับพลังยุทธ์ของพวกเขา”
“ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายาสามารถรับโอสถเลือดลมได้สามเม็ดทุกเดือน ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์สามารถรับได้ทุกที่ตั้งแต่สี่ถึงเก้าเม็ด”
หลัวเฉิงพยักหน้า
เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้จากบันทึกซวนหยวน
“แล้วการจ่ายรายเดือนนี้ล่ะ? สิ่งนี้ไม่มีในบันทึกซวนหยวนมิใช่หรือ”
“แน่นอนว่ามันไม่มีในบันทึกซวนหยวน”
จางเหลียนแสดงรอยยิ้มเจื่อนๆ เหลียวซ้ายแลขวาก่อนกระซิบว่า “การจ่ายรายเดือน เป็นสิ่งที่ศิษย์บำรุงสำนักต้องจ่ายให้กับผู้บังคับบัญชาของตนทุกเดือน หรือเจ้าจะเรียกว่าค่าคุ้มครองก็ได้”
หลัวเฉิงแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ค่าคุ้มครองงั้นหรือ? แล้วข้าต้องนำไปมอบให้ใคร?”
จางเหลียนชี้นิ้วขึ้นไปด้านบนแล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่อยู่เหนือหลี่ฮุ่ย เมื่อก่อนเขานำค่าคุ้มครองในแต่ละเดือนไปมอบให้กับผู้อาวุโสเหอ ส่วนใครที่อยู่เหนือผู้อาวุโสเหอนั้น ข้าเองก็มิอาจทราบได้”
หลัวเฉิงขมวดคิ้วทันที “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ!”
จางเหลียนหัวเราะเบาๆ “ที่ใดมีคนที่นั่นย่อมมีความโลภเป็นธรรมดา ลองคิดดูสิ แม้จะถูกเอาเปรียบโดยการจ่ายโอสถเลือดลมคนละเม็ด แต่ศิษย์บำรุงสำนักมีมากถึงแสนคน อย่างไรเสียนั่นก็นับว่าเป็นโชคลาภมหาศาลทีเดียว!”
“ความมั่งคั่งและผ้าไหมเรียบรื่นนั้นดึงดูดใจผู้คน และผู้ฝึกฝนนั้นก็มิใช่ผู้ใจบุญ ดังนั้นจึงเป็นปกติที่พวกเขาจะเกิดความโลภ....”
จางเหลียนส่ายศีรษะแล้วมองลูกศิษย์ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเวทนา
“ยอดเขาอื่นๆ นับว่าดีกว่ามาก แต่ละคนได้จ่ายโอสถเลือดลมเพียงเม็ดเดียวต่อเดือน หรือผู้อาวุโสบางคนใจกว้างก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าคุ้มครองด้วยซ้ำ แต่ช่างน่าเสียดายที่มิใช่ยอดเขาจื่ออวิ๋น ศิษย์บำรุงสำนักในขั้นหลอมกายาที่อยู่ในยอดเขาจื่ออวิ๋นนี้ต้องจ่ายเดือนสองเม็ด!”
“มากมายเช่นนี้เชียวหรือ!”
หลัวเฉิงตกตะลึงในทันที
ศิษย์บำรุงสำนักในขั้นหลอมกายานั้น ได้รับโอสถเลือดลมต่อเดือนเพียงสามเม็ด หากพวกเขาต้องจ่ายสองเม็ดในครั้งเดียว พวกเขาจะยังสามารถฝึกฝนได้อย่างไรกัน
“ไม่มีใครดูแลเรื่องนี้เลยหรืออย่างไรกัน?” หลัวเฉิงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จางเหลียนยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างขมขื่น “หากเราในแง่ดี ศิษย์บำรุงสำนักก็คือศิษย์ของสำนักซวนหยวน แต่หากจะกล่าวในแง่ร้าย พวกเราก็เป็นเพียงขยะไร้ค่าในสำนักเท่านั้น ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแม้จะมีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ตาม”
“ยิ่งกว่านั้น มิใช่ว่าทุกคนต้องจ่ายค่าคุ้มครอง เฉพาะผู้มีศักยภาพจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นศิษย์ฝ่ายนอกเท่านั้นที่จะได้รับการยกเว้น ส่วนคนที่ต้องทนทุกข์คือพวกไร้พรสวรรค์และเบื้องหลังตระกูลไม่โดดเด่น ดังเช่นพวกเขาที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านี้! หากพวกเขาแสดงความไม่พอใจ ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่!”
จางเหลียนชี้ไปที่ศิษย์บำรุงสำนักสามคนที่อยู่ข้างๆ เขา
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลัวเฉิงก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เลือดในกายร้อนผ่าวพุ่งพล่านไปทั่วใบหน้า
เมื่อคิดถึงประสบการณ์ที่ตนเองได้ประสบพบ หลังจากได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิดขึ้นมา
เพียงเพราะเขาปลุกวิญญาณยุทธ์ไร้ค่า จึงถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ล้วนกลายเป็นปัญหายุ่งยาก!
หมายความว่า คนที่ไร้พรสวรรค์นั้นมิใช่มนุษย์งั้นหรือ?
ศิษย์บำรุงสำนักไม่ใช่คนเหมือนกันหรืออย่างไร?
ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับให้ผู้เหนือกว่าคอยเอาเปรียบเช่นนี้ตลอดไปหรือไรกัน!
นี่เท่ากับว่าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นคนเกินไปแล้ว!
หากวันนั้นเขาไม่สามารถเอาชนะหลี่ฮุ่ยได้ เขาจะต้องสูญเสียโอสถเลือดลมของตนเองทุกเดือนงั้นหรือ เพียงปลุกวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิดขึ้นมา ก็นับว่ามิใช่เป็นคนแล้วหรือ!
บัดซบ!
หลังจากนั้นไม่นาน หลัวเฉิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับสติอารมณ์ จากนั้นเดินไปหาศิษย์น้องทั้งสาม
“พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด”
ศิษย์น้องอวี้มองหลัวเฉิงด้วยแววตาตื่นกลัว “ศิษย์พี่หลัวเฉิง ท่านจะให้โอกาสข้าหรือไม่?”
หลัวเฉิงมิได้กล่าวสิ่งใดให้มากความ เขาคืนโอสถเลือดลมทั้งสี่เม็ดให้กับศิษย์บำรุงสำนักอีกสองคน จากนั้นหยิบโอสถเลือดลมออกมาอีกสองสามเม็ดแล้ววางไว้ในมือของศิษย์น้องอวี้
“เจ้ารับสิ่งนี้เอาไว้แล้วตั้งใจฝึกฝนให้ดี”