ตอนที่แล้วบทที่ 12 เดิมพัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 ยาวิเศษ 

บทที่ 13: ข้าไม่เห็น


แม้ว่าเซารอนมาที่นี่เพื่อเลือกฝั่งพนันการต่อสู้จริงๆ หลังจากเรียนรู้ท่าที่ให้ความรู้สึกทรงพลังมาก เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากลองของ เขาคิดว่าทุกคนสามารถเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการคาสิโนยังแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาด เขายัดม้วนคัมภีร์เวทย์มนต์ 3 ม้วนเข้าไปพร้อมกับการแสดงให้เขาเห็นถึงไมตรีจิตรจนทำให้เซารอนพูดไม่ออก

เขาต้องกลับไปหาเบลสซิ่งโรส

แต่เธอกำลังต่อสู้กับวอลรัสในห้องโถงเสียอย่างนั้น

อะไรเนี่ย?

"เซารอน มันขโมยเงินที่เป็นของข้าไป!" พูดให้ถูกก็คือ เบลสซิ่งโรส ที่ฉุนเฉียวกำลังเหยียบวอลรัสไว้ใต้เท้าของเธอ มีผู้เข้าร่วมวงต่อสู้นี้สามหรือสี่คนเท่าที่เขาสังเกตความอยู่ดีได้ที่มาเพื่อสลายการต่อสู้แม้พวกเขาจะนอนกองข้างๆในตอนนี้ก็ตาม แน่นอนว่าทุกตัวตนที่ว่าต่างมีรอยบุบที่หน้าเป็นรอยประทับกีบเดียวจนทำให้ไม่รู้ว่าหน้าตาดั้งเดิมของพวกเขาเป็นยังไง

ผู้จัดการคาสิโนดูเหมือนผีตายซากในตอนนี้มาอยู่ข้างๆ เซารอน ไอกระแอมและพูดออกมา "ท่านโปรดช่วยข้าหน่อยเถิด"

อนิจจาเมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้ยังมีสติสัมปชัญญะ เซารอนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้าวไปข้างหน้าและดึงเบลสซิ่งเบลสซิ่งโรสออกจากวง “เป็นอะไรไปเนี่ย?”

วอลรัสซึ่งมีลำตัวหนาและถูกเหยียบย่ำยังไม่ตาย แม้จะมีรอยเตะที่หัวมากมาย มันกอดหัวแล้วตะโกนว่า “เกินไปแล้ว มากเกินไปแล้ว ข้าชนะสิ่งนี้ รางวัลใหญ่ ใช่แล้ว เป็นมันที่ขโมยเงินค่าไป!”

"แกนั่นแหละที่ปล้นเงิน! มันคือเครื่องของข้า! มันคือเครื่องของข้า!!" เบลสซิ่งโรสรู้สึกเสียใจจนร่ำร้องออกมา

ผู้จัดการเข้ามากระซิบอยู่พักหนึ่ง

ลูกหินสิบห้าลูกที่เซารอนมอบให้นั้นสูญหายไปนานแล้ว จากนั้น เบลสซิ่งโรส ก็ใช้เงินของตัวเองแลกเป็นคริสตัลสามลูกและลูกหินสามร้อยลูก นั่นคือสิ่งที่ อะเบดิส จ่ายให้เขา เหรียญทองของเซารอน ก็แลกเป็นหนึ่งพันและ แปดสิบ ดูเหมือนว่าแซลลี่ไวท์เมนบอกว่าเหรียญทองจะแลกทรายทองอย่างน้อย 2 กิโลกรัม อัตราการแลกเปลี่ยนในคาสิโนนี้แย่มากจริงๆ

กล่าวโดยสรุปคือสูญเสียลูกหินไปเกือบสามร้อยลูกในช่วงเวลาสั้นๆ ด้วยความไม่พอใจจึงทิ้งลูกเหล็กไว้บนโต๊ะสล็อตแมชชีนและไปเปลี่ยนชิปอีกครั้ง  โดยปกติหากว่าเป็นผู้เยี่ยมชมคาสิโนบ่อยครั้ง คนๆ นั้นจะรู้ว่านี่หมายถึงการที่มีคนเล่นอยู่ที่โต๊ะนี้เมื่อได้เห็นลูกเหล็กบนโต๊ะ หรือก็คือการจองที่ไว้แล้ว แต่วอลรัสมาจากนอกเมือง และเขาไม่รู้กฎที่ไม่ได้พูดเหล่านี้ เขาเพิ่งโยนลูกหินเข้าไปและได้รับรางวัลใหญ่ ลูกหินหนึ่งแสนลูก และคริสตัลสองร้อยแก้ว

เบลสซิ่งโรสไม่สามารถทนได้หลังจากเห็นสิ่งนี้ เซารอนเองที่ไม่ได้ทำอะไร แต่เขากลับเริ่มสางปัญหานี้เสียแล้ว

“มันควรจะเป็นของข้า!”

“โอ๊ยอย่าได้มาทำตัวขี้อิจฉานักเลย มันขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็น ใช่ว่าเธอนั่งตรงนี้แล้วมันจะได้สักหน่อย มันไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอน”

“อะแฮ่ม นั่นก็จริงนะ มันไม่แน่นอนจริงๆ” ผู้จัดการพึมพำ “นี่เขาจำมันไม่ได้ว่าเป็นม้าของอบีดิสเหรอ? หรือเพราะว่ารู้แล้วจึงตั้งใจทำให้ออกเป็นแบบนี้ เพียงแต่เป็นเบลสซิ่งโรสที่โชคไม่ดีเท่านั้น” เซารอนจ้องมองพลางครุ่นคิด

เขาดึงเบลสซิ่งเบลสซิ่งโรสออกไปจากวงการต่อสู้แล้วพูดออกมา "ไปเถอะ เก้าในสิบของการพนันล้วนแล้วเต็มไปด้วยกลโกง ผู้ให้บริการคาสิโนเหล่านี้ล้วนเป็นคนเลวทราม พวกเขายอมให้เธอชนะเงินจำนวนเล็กน้อยเป็นครั้งคราวเพื่อทำเงินจากเธอให้ได้มากขึ้น ไม่ช้าก็เร็ว เธอจะติดการพนัน ชีวิตของเธอจะถูกทำลาย และแม้แต่ตระกูลเองก็อาจไม่เหลือ หวังว่าเธอจะได้บทเรียนในครั้งนี้แล้วไม่ไปลงทุนในหลุมลึกที่ยากจะหวนกลับแบบนี้อีกนะ"

เบลสซิ่งเบลสซิ่งโรสระบายความโกรธของเธอแล้วติดตามเซารอนไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด

แต่วอลรัสไม่พอใจมาก “อาณาจักรพลังจิตของพวกแกมันอะไรกัน! พ่อของข้าคือเฮซาผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลน้ำแข็งเลยนะโว้ย! เขาเป็นถึงทูตพิเศษแห่งท้องทะเล! และข้าเองก็ได้รับเชิญจากเจ้ากรัฐมนตรีของพวกแกให้มาเป็นแขกด้วย! แล้วนี่คือสิ่งที่พวกแกปฏิบัติต่อทูตพิเศษของประเทศอย่างไรเนี่ยนะ!”

เซารอนขมวดคิ้วและชี้นิ้วให้ผู้จัดการจัดการเรื่องนี้ ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายโกรธมากหลังจากถูกทุบตีอย่างหนักจึงแสดงเขี้ยวและคำรามว่า “ข้าจะดวลกับแก!”

เซารอนตะลึงมองไปรอบๆ ก่อนจะยืนยันความเข้าใจแล้วชี้นิ้วสลับไปมากับอีกฝ่าย , "กับข้าเหรอ นี่มันเรื่องห่าเหวอะไรกัน"

"นี่คือสัตว์พาหนะของแก! มักโกร่า! ข้าจะดวลกับแก!! อาณาจักรแห่งท้องทะเลไม่ยอมกับเรื่องนี้เป็นอันขาด!" วอลรัสแสดงเขี้ยวและเสียงคำราม

เซารอนเลิกคิ้วและมองดูผู้ชายเนรคุณคนนี้ขึ้นๆ ลงๆ เนื่องจากสิ่งนี้ดูคล้ายกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่เซารอนมีในชีวิตก่อนมาก เขาจึงเรียกเขาว่าวอลรัส จริงๆ แล้วควรถือเป็นสัตว์คล้ายมนุษย์ชนิดหนึ่งที่ยังมีแขนขาคล้ายมนุษย์อยู่เหมือนกัน แน่นอนว่าสิ่งที่คล้ายกับวอลรัสไม่ใช่แขนขาของมนุษย์ แต่เป็นรูปร่างของหัวของเขา

แม้ว่าจะถูกเบลสซิ่งโรสเหยียบและเตะก็ไม่เสียหาย ผิวหนังที่หนาและทนทานและลำตัวที่ใหญ่โตมีเขี้ยวคล้ายกริชยื่นออกมาจากปาก เมื่อเขายืนขึ้น เขาเกือบจะอ้วนพอๆ กับยักษ์และออร์ค มัน โดยพื้นฐานแล้วเหมือนกับที่เซารอนไม่ได้มีน้ำหนักเท่ากัน พูดให้ถูกคือชายวอลรัสคนนี้อาจหนักได้ 1 ตัน กับเขาเองก็ยังไม่รู้ว่ารูปร่างผอมของเซารอนหนักถึง 100 ปอนด์หรือเปล่า

จะดวลกับเขาเนี่ยนะ? ล้อเล่นน่า...

"โอ้ มักโกร่า นั่นต้องได้รับการปฏิบัติด้วยความระมัดระวังจริงๆ เจ้าสองคนจำเป็นต้องใช้สถานที่พิเศษหรือไม่? ร้านของเรายินดีให้สัญญาดวลที่ยุติธรรม" ผู้จัดการลูบมือแล้วยิ้ม

เซารอนขมวดคิ้ว

“ฮ่าๆ ท่านคงไม่รู้ มักโกร่าเป็นประเพณีที่สืบทอดมาจากอารยธรรมออร์ค ซึ่งเรียกว่า การประลองกิตติมศักดิ์ ทั้งสองฝ่ายที่มีความคับข้องใจแก้ไขข้อคับข้องใจด้วยการประลองอย่างยุติธรรมและเข้าใจเหตุและผล ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ห้ามมิให้แก้แค้นในภายหลังเด็ดขาด จะเป็นการดีที่สุดหากท่านสองคนเต็มใจที่จะแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยวิธีนี้”

แม้ว่าผู้จัดการแวมไพร์จะยิ้มหวาน แต่แสงอันโหดร้ายก็ฉายแวววาวอยู่ในรูม่านตาของเขา "ยังไงก็ตาม ถ้าข้าจำไม่ผิด ในสัญญาของอัศวินก็มีคำสาบานด้วยนี่ , ท่านจะไม่มีวันหนีจากความท้าทายใดๆ ใช่ไหม หากท่านเป็นผู้ดูแล(เด็กฝึก)อัศวินแห่งความตาย ท่านย่อมจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”

ใบหน้าของเซารอนเผยแววเย็นชา พลางอดคิดไม่ได้ว่าสรุปอีกฝ่ายต้องการใช้ประโยชน์จากเขาในทุกด้านเลยใช่รึเปล่า ถึงคิดอยากใช้เขาที่พึ่งชนะพนันมาแล้วอยากจะให้แพ้ในทันทีเสียอย่างนั้น?

ดูเหมือนว่าเขายังไร้เดียงสาเกินไปและสิ่งที่เกิดก่อนหน้านี้เองก็เป็นสิ่งที่ผู้จัดการคาสิโนยอมให้เขาชั่วคราว แต่นั่นก็คงเป็นเพราะอีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าคนที่เขาคิดว่าเป็นเพียงเด็กรับใช้คนนี้แข็งแกร่งเพียงใดเพราะไม่แสดงความแข็งแกร่งออกมาเลยหมายที่จะทำการแก้แค้น... นี่ล้วนแต่เป็นคนเข้าสังคมที่ยิ้มต่อหน้าและแทงฆ่ากันยับให้ตายลับหลัง...

เอาน่า ข้ามีอาวุธวิเศษอยู่บนตัว แล้วข้าจะกลัวทำไม?

“มันง่ายถ้าเจ้าเห็นด้วย แต่ข้าต้องเตือนเจ้าว่า มักโกร่า เป็นการประลองที่ยุติธรรมและไม่อนุญาตให้ใช้เวทมนต์ โอเคไหม?” ผู้จัดการแวมไพร์ยังคงมีสีหน้าเสแสร้งราวกับว่าเขากำลังเตือนเซารอนอย่างกรุณา แต่ในความเป็นจริงคือเขากำลังถูกเตือนว่าห้ามใช้เวทย์มนต์ที่พึ่งได้รับไป

เซารอนกลอกตา ยังกล้าที่จะบอกว่านี่ยุติธรรมอีกงั้นรึ? ไม่อนุญาตให้ใช้เวทมนต์ในโลกเวทมนต์เนี่ยนะ? ทำไมไม่เอาเรื่องนี้ไปเล่นงานลิชกัน?

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้ามันเป็นทักษะหรือคาถาจากช่องคาถาก็ยังใช้ได้อยู่หรอก แต่ยา ม้วนคัมภีร์ เครื่องประดับ อุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุ ฯลฯ เป็นสิ่งต้องห้าม…” คนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ เขาเตรียมสัญญาไว้แล้วเสร็จจึงเข้ามาขยายความต่อ ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังใส่ใจเซารอนจริงๆ

เซารอนถือหอกมังกรและเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยของเขาออกมา "ทำไมไม่บอกให้ข้าผูกมือปิดตาปล่อยให้ไอ้เจ้านี่ทุบตีไปเลยล่ะ?"

"ฮึ่ม! ห้ามใช้อาวุธและชุดเกราะ!" วอลรัสกดลายนิ้วมือของเขาโดยตรงลงบนสัญญาก่อนจะพูดต่อ "แต่ข้ายกให้แกเป็นกรณีพิเศษเรื่องอาวุธก็ได้!"

ผู้จัดการและเซารอนมองดูวัลลัสด้วยความสงสาร อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการไม่ได้หยุดเขาแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าหอกของเซารอนเป็นสิ่งประดิษฐ์ แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เขาอาจต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าไพ่เด็ดของเซารอนคืออะไร และอีกฝ่ายเองก็ดูเหมือนจะขี้ขลาดอยู่ไม่น้อยที่กล้าท้าประลองกับผู้ที่ดูอ่อนแอกว่าเช่นเซารอน

เซารอนทำตามและวางลายนิ้วมือของเขาในสัญญา เขาเห็นว่าวงจรลับในสัญญาถูกเปิดใช้งานราวกับว่ามีแสงสลัวพันอยู่บนนิ้วหัวแม่มือของเขา ดูเหมือนว่า มักโกร่า นี้ไม่ได้เป็นเพียงสารเติมเต็มแค่ปากว่าเท่านั้น แต่ยังมีผลทางเวทย์มนต์อยู่บ้างหากผิดสัญญา

เซารอนคิดอยู่ครู่หนึ่งแสร้งทำเป็นตรวจสอบสภาพของหอกแล้วใช้นิ้วโป้งแตะปลายหอกมังกร แน่นอนว่า แสงวิเศษถูกผนึกไป ดูเหมือนว่าสิ่งประดิษฐ์เองก็มีระดับขั้นในตัวของมันเอง และนี่ทำให้เพียงแค่ทำสัญญาก็ไม่อาจฝืนกดเกณฑ์ได้

เบลสซิ่งโรสกัดแขนเสื้อของเซารอนแล้วดึงก่อนจะพูดออกมา "เซารอน ข้าสร้างปัญหาให้เจ้าหรือเปล่า"

"ไม่เป็นไร มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ข้าจัดการได้" ในความเป็นจริง การขี่เบลสซิ่งโรสและต่อสู้ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากพลังเวทย์มนต์ที่เซารอนเห็นเพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถตัดสินตามมาตรฐานว่าพลังเวทย์มนต์คือพลังการต่อสู้ อาจมีอันเดธหรือพวกบ้าการพนันในกลุ่มผู้ชมไม่มากนักที่สามารถเอาชนะไนท์แมร์ระดับสูงอย่างเบลสซิ่งโรส

ดังนั้นเขาจึงอยากลองต่อสู้กับวอลรัสดู ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องอับอายจนต้องร้องขอความเมตตาในภายหลัง

เบลสซิ่งโรสดูกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกว่ากำลังสร้างปัญหา "เซารอน...สัมผัสเขาของข้าสิ"

"เขาเหรอ?" เขาของม้าแห่งฝันร้าย อยู่ตรงหน้าจมูกของเธอ เซารอนไม่รู้ว่ามันเป็นกระดูกหรือเขาที่แข็งกระด้าง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นวัสดุเวทย์มนต์ล้ำค่าที่ควบแน่นพลังเวทย์มนต์มหาศาล

“ข้าขอสาปแช่งเจ้า”

“...เธอพูดผิดรึเปล่าเนี่ย?” เซารอนพูดไม่ออก ยามที่ฟังคำพูดเมื่อครู่ ฟังดูราวกับเบลสซิ่งโรสกำลังกังวลว่าเขาจะชนะง่ายเกินไปหรืออะไรสักอย่างพวกนั้น

“ไม่ มันเป็นคำสาป เราทำได้เพียงปล่อยคำสาปเท่านั้น” เบลสซิ่งโรสยกเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง “ไม่เป็นไร มักโกร่าไม่ได้ห้ามคำอวยพรและคำสาปซะหน่อย”

แล้วมันยุติธรรมยังไงล่ะนั่น?

เซารอนสังเกตว่าแวมไพร์และวอลรัสรอบตัวเขาไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเบลสซิ่งโรส และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าไนท์แมร์ไม่ได้ 'พูด' ออกมาตรงๆ ผ่านพลังจิต แต่กำลังแอบสื่อสารกับเขาผ่านความสามารถในการ 'ส่งสัญญาณกระแสจิต' กับเซารอน เขาจึงเดินตามผู้จัดการล็อบบี้ไปที่สนามกีฬา ถือหอกด้วยมือซ้าย ยื่นมือขวาออกไปแตะมุมเขาของเบลสซิ่งโรส

มันอบอุ่นและเรียบเนียน ไม่แข็งมาก และให้ความรู้สึกเป็นสีเหลืองอำพัน อาจมีเส้นเลือด และเส้นประสาท เซารอนมองเห็นพลังงานเวทมนต์จำนวนมากถูกถ่ายโอนไปยังมือของเขา เหมือนกับหมอกหนาสีแดงและดำที่กลิ้งมาจากดาวอังคาร พันรอบและปกคลุมแขนขวาของเขา

“สิ่งนี้มีผลอะไรบ้าง?” เซารอนสังเกตว่าหมอกหนาทึบก่อตัวเป็นกรงเล็บที่มีลักษณะคล้ายกับสัตว์ร้าย

“ข้าไม่รู้”

“…”เซารอนตกใจมากเมื่อได้ยินจนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเธอจะฆ่าข้างั้นเหรอ?

"ครั้งหนึ่ง อบีดิส ถูกอัศวินแห่งความตายจำนวนมากปิดล้อม เธอสอนข้าว่าจะทำอย่างไรกับเธอในเวลานั้น เจ้าแค่ต้องแตะมันก็..."

เสียงของเบลสซิ่งเบลสซิ่งโรส หายไปทันที เซารอนมองไปรอบๆ และตระหนักว่าคาสิโนได้เปิดใช้งานเวทมนต์คริสตัลแล้ว ตอนนี้เขาและวอลรัสถูกส่งไปยังจุดหมายการประลอง

วอลรัสดูไร้กังวลมากก่อนจะเบ่งพุงตัวเองให้พองขึ้น พร้อมกับโบกกระบองในมือเพื่ออุ่นเครื่อง ร่องรอยของการประลองครั้งก่อนในสนามรบยังไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสมบูรณ์ ยังมีรอยลึกบนพื้น ที่สร้างโดยนักรบเวทย์มนต์เอลฟ์โดยใช้ทักษะการต่อสู้ของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เลือดขนาดใหญ่บนพื้นดินที่ถูกพ่นด้วย วาร์กหรือออร์ค

เซารอนมองดูท้องฟ้า เนื่องจากมีสิ่งกีดขวาง เขาจึงไม่สามารถมองเห็นโถงพนันได้

แต่เขาเดาว่าในขณะนี้ คาสิโนกำลังใช้ประโยชน์จากการประลองของพวกเขา

เซารอนประมาณระยะทางของวอลรัสประมาณห้าสิบ...หนึ่งร้อยเมตรเหรอ? หากเขาใช้หอกมังกร เขาอาจจะฆ่าอีกฝ่ายได้ทันทีในช่วงพริบตา แต่ในสถานที่สาธารณะเช่นนี้ มันคงโง่ไปหน่อยหากเปิดเผยตัวตนของนักรบแนวหน้าแห่งมนุษยชาติ จากนั้น ทุกคนจะรับรู้ว่าหอกมังกรของเขาเป็นอาวุธวิเศษ และแวมไพร์เหล่านี้ก็ร้ายกาจมากเช่นกัน แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่สำหรับเขาก็ได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะทำการรดน้ำมันราดตัวเองเพื่อรอ

แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาเช่นกัน แผนเดิมของ เซารอน คือการใช้ความรวดเร็วของเสือดาวและหมัดแห่งพลังเวทย์มนต์ นี่เป็นวิธีการที่ทำให้เขาเลือกเวลาตายที่เหมาะสมของอีกฝ่ายได้

ตอนนี้ เซารอนมองดูมือขวาของเขาที่ถูกปกคลุมด้วยคำสาปมนต์ดำและแดง เขาคาดว่าคำสาปนี้สามารถกำจัดได้ด้วยหอกมังกรหรือเขาอาจลองทำดูเองเลยก็ได้เหมือนกัน

เซารอนจึงยกมือขวาไปทางวอลรัสจากระยะไกล จินตนาการว่าพลังเวทย์มนต์ในร่างกายของเขาเป็นเหมือนน้ำ พุ่งไปที่แขนขวาของเขา ชะล้างคำสาปของเขาออกไปราวกับหมอกหนาที่ปกคลุมมือขวาของเขาได้...

จากนั้น คำสาปถูกเปิดใช้งาน

และมันก็แตกต่างจากจินตนาการของเซารอน เขาคิดว่ามันเป็นความรู้สึกของการปล่อยคลื่นแบบสุ่ม เช่นเดียวกับใน ดราก้อนXXX แบบบึ้มบั้ม! ก่อนจะสร้างความน่าตกตะลึงโดยผลจากไฟนรกของไนท์แมร์

แต่ผลที่แท้จริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น

ให้อธิบายเป็นคำพูดก็เรียกได้ว่าบรรยายยากพอดู แต่ฉากที่เซารอนมองเห็นก็ตอนเป็นช่วงเวลาที่พลังเวทย์มนต์อัดแน่นคล้ายหมอกบนแขนขวาของเขาถูกฉีดเข้าไป ในร่างกายของเขา จู่ๆ มันก็ขยายออกและระเบิดเหมือนฟองสบู่

หลังจากควันคำสาปผสมกับน้ำแห่งเวทย์มนต์ที่ไหลออกมาจากร่างของเขา เจลที่หนาราวกับจาระบีก็ก่อตัวขึ้น มันมีลักษณะคล้ายใยแมงมุม และรวงผึ้งเล็กน้อย โครงสร้างขยายและห่อหุ้มทั่วทั้งเวที เจลเวทย์มนต์ผสมเหล่านั้นเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิต ม้วนตัวและไหลเป็นเกลียว บางครั้งควบแน่นและบางครั้งก็แตกออก ก่อตัวเป็นรวงผึ้งในอากาศ ประกอบเป็นใยเวทมนต์รูปหลายเหลี่ยมที่ไม่สม่ำเสมอเช่นใยแมงมุม

แต่เมื่อใยเวทย์มนต์นี้เจาะทะลุดิน กำแพง และวงจรเครือข่ายเวทย์บนท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นเกราะป้องกันเวทย์มนต์ของพื้นที่นั้นก็เหมือนกับเส้นเลือดดำที่ระเบิดอยู่ใต้ผิวหนัง(อาการเส้นเลือดขอด) เจลสีดำ ขัดแย้งกับวงจรเครือข่ายเวทย์มนต์ที่เปล่งประกายสีทอง ที่เปล่งประกายแสงสีขาว ราวกับมลภาวะบน คาถา สิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ถูกลอกออกเหมือนกำแพงที่แตกร้าว และค่อยๆ เผยให้เห็นโถงพนัน ดูเหมือนว่าเวทมนต์ที่รักษาภาพลวงตาได้ถูกทำลายไปแล้ว

"..."

เซารอนมองดูแวมไพร์และมนุษย์ที่ไม่ตอบสนองในกลุ่มผู้ชม จากนั้นมองไปยังระยะห่างที่ปกคลุมไปด้วยตาข่ายเวทมนต์คล้ายรังแมลง เขายังคงสับสนและงงงวยกับฉากที่เกิดขึ้น ก่อนจะลองเอี้ยวคอไปมาเพื่อดูใยเวทย์มนต์ทั้งหมด แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของวอรัสในตอนนี้แล้วทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเห็นในสิ่งที่เขาเห็น

โอเค

ดูเหมือนมี

บางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้ง

เซารอนกลืนน้ำลายและมองไปที่แขนขวาของเขาซึ่งเป็นแกนกลางของเครือข่ายเวทมนต์แปลกๆ ทั้งหมด ในขณะนี้ คำสาปเหล่านั้นหนาพอๆ กับกิ่งก้าน เชื่อมต่อแขนขวาของเซารอนกับวงจรเครือข่ายเวทมนต์ทั้งหมดของคาสิโน

ใช่ ทั้งหมดของคาสิโน เพราะเซารอนรู้สึกได้ว่าหลังจากการหลอมรวมพลังเวทย์มนต์ของเขาและคำสาปที่เบลสซิ่งโรสร่าย พลังเวทย์มนต์กลายพันธุ์ได้ทะลุผ่านวงกลมป้องกันของอารีน่าและกัดกร่อนต่อวงจรพลังงานเวทย์มนต์ สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่มีเครือข่ายโยงไปถึง

“เฮ้ ไอ้หนู! เจ้าทำอะไร ยกมืออยู่นั่นแหล่ะ! เจ้าอยากจะยอมแพ้งั้นรึ!” ชายวอลรัสตะโกน

ให้ตายเถอะ เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากวางมือลงรึไงกัน?

ปากของเซารอนกระตุก เขาไม่กล้า นี่มันบ้าอะไรกัน! มันจะระเบิดไหม?

“ฮึ่ม เจ้ามากลัวเอาตอนนี้มันสายเกินไปแล้วโว้ย! แค่ปล่อยให้ข้าระบายความโกรธออกมา!” ชายวอลรัสยังคงโง่เขลา ไม่เกรงกลัว และก้าวข้ามไป เขาไม่รู้เลยว่าในขอบเขตการมองเห็นของเซารอน ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร มันก็ถูกโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ ถูกห่อหุ้มด้วยตาข่ายเวทย์มนต์หนา ไม่นาน ร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยเจลเวทย์มนต์ดำทำให้ไม่สามารถมองเห็นตัวตนได้ชัดเจน

ไม่มีเวลาให้ชายวอลรัสได้ตกตะลึงมากนัก

เซารอนกลืนน้ำลาย ถือหอกมังกรด้วยมือซ้าย และแตะตาข่ายเวทมนต์อย่างระมัดระวัง

เครือข่ายเวทย์มนต์ถูกตัดขาดและไม่มีการระเบิด ซึ่งถือเป็นข่าวดี

เซารอนจึงพยายามตัดการจ่ายพลังเวทย์มนต์โดยจินตนาการว่าก๊อกน้ำปิดอยู่ และในขณะที่เหงื่อออกอย่างเย็นชา เขาใช้หอกมังกรเพื่อไล่เจลที่เกาะกลุ่มกันจำนวนมากที่พันอยู่ในมือขวาของเขาออกไป

“ฮะ แกกำลังทำอะไรอยู่?” ชายวอลรัสหยุดและสังเกตอยู่ครู่หนึ่งด้วยท่าทางสับสนอย่างสิ้นเชิงว่า เหตุใด เซารอนจึงแหย่มือขึ้นไปในอากาศ

อย่างไรก็ตาม หลังจากรอสักพัก ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปล่อยเวทมนต์ใดๆ ออกมา แม้แต่ชายวอลรัสเองซึ่งแต่เดิมต้องการใช้ความสามารถทางเผ่าพันธุ์ของเขาเพื่อโจมตีด้วยเวทมนต์น้ำแข็ง กลับพบว่าเวทมนต์ที่อยู่รอบๆ ไม่สามารถ ถูกนำมาใช้ได้

อาจเป็นเพราะอากาศแห้งเกินไปและมีธาตุน้ำน้อยกว่าที่คิด

ชายวอลรัสมองดูสภาพแวดล้อมที่เป็นทรายโดยรอบและไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าเซารอนที่ดูราวกับเด็กน้อยกำลังเล่นเป็นเด็กตีปีกบินหนีไปด้วยด้ามไม้ ดังนั้น เขาจึงไม่สนใจและเดินต่อไปยังเด็กที่เหงื่อออกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งดูเหมือนจะหวาดกลัว เขายกแท่งเหล็กในมือขึ้นสูง

“จบแล้ว!” เซารอนแทงก้านตาข่ายเวทมนต์อันสุดท้ายด้วยหอก และในขณะเดียวกันก็กระโดดถอยหลังก้าวใหญ่ด้วยความช่วยเหลือจากด้ามหอก

จากนั้นเขาก็เห็นลูกบอลกาวรูปร่างประหลาดถูกตัดออกจากมือขวาของเขาราวกับสิ่งมีชีวิตหลีกเลี่ยงปลายหอกมังกรแนวหน้าและเด้งกลับ ทันใดนั้น หนวดจำนวนมากในส่วนลึกก็กอดคนที่กำลังเดินผ่านเหมือน นักเลงหน้า มนุษย์วอลรัส

ดังนั้นผู้กินแตง(ผู้เฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลิน)ที่เฝ้าดูในกลุ่มผู้ชมจึงเห็นชายวอลรัสกลอกตากลอกตาและล้มลงกับพื้นด้วยเสียงปังโดยไม่มีเสียงใดๆ

สถานการณ์เป็นอย่างไร? นี่คือการเคลื่อนไหวแบบไหน? เป็นไปได้ไหมที่เขายิงหอกเร็วมากจนมองไม่เห็นเงาหอกด้วยซ้ำ? แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีบาดแผลเลือดออก...

ผู้จัดการแวมไพร์รู้สึกงุนงง

“เฮ้! เฮ้ แค่นี้แหละ! ข้าชนะแล้วใช่ไหม ปล่อยข้าออกไป!”

เสียงของเซารอนสั่นเพราะเขาพบว่าเจลเวทมนต์ที่ควบคุมไม่ได้ดูเหมือนจะดูดชายวอลรัสจนแห้งแล้วและเขาก็แทบจะบ้า เขา ต้องต่อสู้กับเครือข่ายเวทย์มนต์ของคาสิโนแล้วออกไป หนวดที่เขาเพิ่งตัดออกเริ่มดิ้นเข้าหากันเหมือนไส้เดือนหลายร้อยตัว

ผู้จัดการคาสิโนไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่เมื่อมนุษย์วอลรัสได้รับการยืนยันแล้วว่าตายแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาจึงปลดเกราะป้องกันชั้นสุดท้ายออก และปล่อยเซารอนและเวทมนต์ที่ยุ่งเหยิงออกไป

“นายท่านโซลอน ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านจะโชคดี ข้าสงสัยว่าคู่ต่อสู้ของท่านนี้อ้วนเกินไปจนหัวใจวายระหว่างการต่อสู้” กับการประลองที่ไม่สามารถใช้กลโกงใดๆ ได้ ผู้จัดการคาสิโนก็ได้ตั้งทฤษฎีของตนขึ้นมาในทันที

“อา...ห้ะ เจ้าพูดออกมาอะไรนะ?” เซารอนมองดูสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้กลุ่มใหญ่ด้วยสายตาของเขา ดูสิ่งเหล่านี้เข้าไปในเครือข่ายเวทมนต์ต่างๆ ในคาสิโน และกลุ่มเล็กๆ บางกลุ่มก็ติดอยู่กับขุนนางคนอื่นๆ เครื่องประดับคริสตัลสีม่วงที่สวมใส่จะดูดซับพลังงานและขยายตัวในเวลาเดียวกัน

“ข้าหมายความว่าท่านสามารถอยู่เล่นได้นานขึ้นถ้าท่านต้องการ” ผู้จัดการกล่าว “แต่ดูเหมือนว่าอบิดิสจะมาที่ประตูหน้าเพื่อรับท่านแล้ว”

เซารอนจ้องมองเขาด้วยตาโตและตาเล็ก และ ก้อนเจลหลุดออกมา เขาเอื้อมมือไปที่ศีรษะของชายคนนี้แล้วเหยียดหนวดออกเพื่อบีบเข้าจากเบ้าตา ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงเลือดเวทมนต์ของแวมไพร์ในเส้นเลือดฝอย

ผู้จัดการสัมผัสใบหน้าของเขาอย่างลึกลับ แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรสกปรก เขาจึงยักไหล่และจากไป

“เซารอน เจ้าโอเคไหม? เอาล่ะ เจ้าช่วยหยุดบอกอบีดิสว่าข้าเล่นลูกหินได้ไหม เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรอยู่ข้างหลังข้าหรือเปล่า?” เบลสซิ่งโรสวิ่งเหยาะๆ และหันไปมองซูโอที่กำลังแทงข้างหลังเขาด้วยหอก ลุน

“งั้นเจ้าก็คงไม่เห็นหรอก โอเค ข้าเข้าใจ ไป ไป ไป ไป ไป” เซารอนเหยียบกุหลาบเบลสซิ่งโรสแล้วรีบวิ่งออกไปที่ประตู

แค่แกล้งทำเป็นว่าเจ้าเหมือนกันและไม่เห็นอะไรเลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด