บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 19 ประมุขเรียกพบ
บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 19 ประมุขเรียกพบ
การสร้างมหาค่ายกลพิทักษ์บรรพตของตระกูลหลี่ ทำให้หลี่ซูต้องใช้วัสดุจำนวนมาก
วันต่อมา หลี่ซูจึงออกเดินทาง
เขาจะไปสำนักเซียนเวหาอีกครั้ง
ช่วงหลายปีมานี้ หลี่ซูไปสำนักเซียนเวหาหลายครั้ง จุดประสงค์หลักคือส่งลูกหลานที่อายุครบสิบสองปีไปให้สำนักเซียนเวหาฝึกฝน
การฝึกฝนของลูกหลานเหล่านี้จะส่งผลดีต่อหลี่ซู
แน่นอน ตอนนี้ผลลัพธ์ยังไม่มาก
แต่ต่อไปเมื่อจำนวนมากขึ้น ก็จะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ทำให้ตบะของหลี่ซูเพิ่มขึ้น
.
ไม่นาน หลี่ซูก็มาถึงสำนักเซียนเวหา
“ศิษย์พี่หลี่”
ศิษย์ที่เฝ้าประตูสำนักเซียนเวหาเห็นหลี่ซู ก็ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น
“ศิษย์พี่หลี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ”
ครั้งนี้ศิษย์ระดับสร้างฐานที่เฝ้าประตูเป็นศิษย์ใหม่
ศิษย์เหล่านี้จะผลัดเปลี่ยนกันทุก ๆ สองสามปี
เพราะผู้บำเพ็ญเซียนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการบำเพ็ญ
หลังจากข่าวที่หลี่ซูมีตบะถึงระดับสร้างฐานระยะปลายแพร่สะพัดไป ทัศนคติของศิษย์สำนักเซียนเวหาที่มีต่อหลี่ซูก็เปลี่ยนไปมาก
ในยามว่าง ศิษย์หลายคนต่างพูดคุยถึงหลี่ซู
หลี่ซูสร้างฐานสำเร็จตอนอายุร้อยปี แต่หลังจากสร้างฐานสำเร็จแล้ว ตบะของเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้จึงทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนพูดคุยกัน
.
หลี่ซูเดินทางมาถึงโถงกิจการฝ่ายนอก
เขาจะมารับหินวิญญาณ
หลังจากไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้ว ทุกเดือนเขาจะได้รับหินวิญญาณเพิ่มขึ้นสองร้อยก้อน รวมเป็นหกร้อยก้อน
“หลี่ซู เจ้าไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้วหรือ”
ผู้อาวุโสประจำโถงกิจการฝ่ายนอกถามพลางกระพริบตา
หลี่ซูพยักหน้า “ขอรับ ผู้อาวุโสเสวี่ย”
ผู้อาวุโสผู้นี้ดูเหมือนจะง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา แต่ความจริงแล้วเป็นยอดฝีมือระดับแกนทองระยะต้น
แต่เขาไม่ได้เป็นเหมือนกับบุคคลลึกลับในนิยายกำลังภายใน ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสเสวี่ยเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้ บาดเจ็บถึงรากฐาน ชีวิตนี้คงยากที่จะพัฒนาตบะต่อไปได้
ผู้อาวุโสประจำโถงกิจการฝ่ายนอกมองหลี่ซูด้วยความประหลาดใจ
สิบปีก่อน หลี่ซูเพิ่งไปถึงระดับสร้างฐานขั้นเจ็ด
สิบปีผ่านไป หลี่ซูกลับไปถึงระดับสร้างฐานขั้นสิบแล้ว!
สิบปี เลื่อนขึ้นสามขั้น
หากหลี่ซูมีรากวิญญาณระดับหกขึ้นไป เขาคงไม่แปลกใจเช่นนี้
ไม่สิ ต่อให้เป็นรากวิญญาณระดับหกก็ยังยากที่จะทำได้ ต้องเป็นรากวิญญาณระดับห้าขึ้นไป
นี่คือการเลื่อนจากระดับสร้างฐานขั้นเจ็ดไปถึงขั้นสิบ
รากวิญญาณระดับหก เว้นแต่จะมีคนช่วยเหลือถ่ายทอดพลัง แต่แบบนี้ไม่ค่อยดีต่อการพัฒนาในภายหลัง
ด้วยรากวิญญาณของหลี่ซู เขาทำได้อย่างไร
โอกาสวาสนาของหลี่ซูทรงอำนาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ
หรือว่าเป็นถ้ำลับของยอดฝีมือคนใดคนหนึ่ง
“ผู้อาวุโสเสวี่ย บนหน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือขอรับ”
ถูกผู้อาวุโสเสวี่ยมองเช่นนี้ หลี่ซูรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
“ฮ่าฮ่า หลี่ซู เจ้าทำได้ดีมาก! นี่คือหินวิญญาณหนึ่งพันแปดร้อยก้อน ตอนนี้เจ้าไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้ว หากในอนาคตเจ้าต้องการทะลวงไปถึงระดับแกนทอง ก็สามารถมารับโอสถหลอมนภาได้หนึ่งเม็ด จะช่วยให้เจ้าทะลวงได้ง่ายขึ้น”
ผู้อาวุโสเสวี่ยกล่าว
“ขอรับ ผู้อาวุโส”
หลี่ซูกล่าว
“รอจนถึงตอนที่เจ้าเตรียมตัวจะทะลวงค่อยมารับ อย่าเพิ่งมารับเร็วเกินไป โอสถหลอมนภามีค่ามาก หากเจ้ามารับเร็วเกินไป อาจจะถูกคนอื่นหมายหัวได้”
ผู้อาวุโสเสวี่ยกล่าวอีกครั้ง
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เตือนขอรับ”
หลี่ซูกล่าว
หลี่ซูรู้จักสำนวน “มีของล้ำค่าก็เท่ากับมีภัย”
โลกบำเพ็ญเซียนไม่ได้สงบสุขตลอดเวลา ในโลกของผู้บำเพ็ญอิสระ เหตุการณ์ฆ่าคนชิงสมบัติเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ศิษย์นิกายเซียนสามนิกาย โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครกล้าหาเรื่อง ผู้บำเพ็ญอิสระทั่วไปก็ไม่กล้าหาเรื่อง
แต่ต้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ที่จริงแล้ว หลี่ซูไม่ค่อยเดินทางในโลกบำเพ็ญเซียน จึงไม่ค่อยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้
เช่น ศิษย์คนอื่น ๆ ของสำนักเซียนเวหา มักจะเดินทางไปยังสถานที่อันตรายเพื่อค้นหาสมบัติ จึงพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง
สำนักเซียนเวหามีศิษย์ที่ขาดการติดต่อไปอยู่เรื่อย ๆ
หลังจากรับหินวิญญาณแล้ว หลี่ซูก็ออกจากโถงกิจการฝ่ายนอก เขาจะไปที่ศาลาหลอมอาวุธ ดูว่าสามารถใช้หินวิญญาณแลกเปลี่ยนวัสดุได้หรือไม่
เขาไม่มีแต้มสะสมของสำนัก จึงทำได้เพียงใช้หินวิญญาณ
เพียงแต่หลี่ซูเพิ่งมาถึงศาลาหลอมอาวุธ ก็มีผู้บำเพ็ญหญิงคนหนึ่งมาแจ้งข่าว
หลี่ซูรู้จักผู้บำเพ็ญหญิงผู้นี้ นางเป็นผู้ติดตามของประมุข
“ศิษย์พี่หลี่ ประมุขอยากพบท่าน”
อีกฝ่ายกล่าว
ประมุขอยากพบเขาหรือ
หลี่ซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามผู้บำเพ็ญหญิงผู้นี้ ภายใต้การนำทางของอีกฝ่าย ในที่สุดก็มาถึงโถงใหญ่ของสำนักเซียนเวหา
หลังจากสร้างฐานสำเร็จตอนอายุร้อยปี หลี่ซูก็ไม่ได้พบนางมายี่สิบกว่าปีแล้ว
ยี่สิบกว่าปีผ่านไป นางดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปเลย
ไม่สิ นางให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นางจะทะลวงไปถึงระดับทารกก่อกำเนิด
เดิมทีนางกำลังอ่านหนังสืออยู่ พอเห็นหลี่ซู นางก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่สดใสกวาดมองใบหน้าของหลี่ซูสองสามครั้ง
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานได้เร็วเช่นนี้ รากวิญญาณของเจ้าแย่มาก จึงเป็นได้เพียงศิษย์ฝ่ายนอก หากให้เจ้าเป็นศิษย์แกนหลัก คนอื่นคงจะไม่ยอม”
ประมุขเอ่ยขึ้น
“ท่านประมุข ศิษย์เข้าใจ”
หลี่ซูกล่าว
“แต่ช่วงหลายปีมานี้ ตบะของเจ้าพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ข้าสามารถทำเรื่องพิเศษให้เจ้าได้ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์สายตรง เช่นนี้เจ้าก็จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับศิษย์แกนหลัก”
ประมุขเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ศิษย์สายตรงหรือ
นั่นหมายความว่า ประมุขต้องการรับหลี่ซูเป็นศิษย์สายตรง เพื่อหลีกเลี่ยงกฎบางอย่างของสำนักเซียนเวหา
เช่น เรื่องที่รากวิญญาณของเขาแย่มาก จึงเป็นศิษย์แกนหลักไม่ได้
ร้อยกว่าปีก่อน ประมุขสามารถบังคับให้เขาเป็นศิษย์แกนหลักได้ แต่แบบนั้นไม่ดีนัก
ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับศิษย์แกนหลัก แต่กลับสร้างฐานสำเร็จตอนอายุร้อยปี…เช่นนั้นหลี่ซูอาจจะถูกศิษย์สำนักเซียนเวหาทั้งหมดรังเกียจ กลายเป็นศัตรูของทุกคน ในสำนักเซียนเวหาก็คงอยู่ไม่ได้
การปฏิบัติที่ศิษย์แกนหลักได้รับนั้นดีมาก
แน่นอน ก็ต้องมีภาระหน้าที่มากขึ้น อิสระก็จะน้อยกว่าที่หลี่ซูเป็นอยู่ตอนนี้มาก
แต่ทว่า
สิ่งที่หลี่ซูคิดตอนนี้คือ…
หากถูกประมุขรับเป็นศิษย์แล้ว ก็เท่ากับว่าเขายอมรับนางเป็นอาจารย์ แล้วต่อไป…
นางยังสามารถให้กำเนิดบุตรแก่เขาได้หรือไม่