บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 18 ค่ายกล
บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 18 ค่ายกล
“แม้แต่ราชวงศ์ยังยกเซียนหญิงให้บรรพบุรุษตระกูลหลี่ ได้ยินมาว่าเซียนหญิงผู้นั้นทั้งอ่อนเยาว์และงดงาม ยังเป็นถึงองค์หญิง บรรพบุรุษตระกูลหลี่ช่างมีวาสนา”
“ราชวงศ์แล้วอย่างไร บรรพบุรุษตระกูลหลี่เป็นถึงเซียน แม้แต่เซียนหลายคนยังต้องเอาใจ”
“ว่าแต่ หากบรรพบุรุษตระกูลหลี่เป็นฮ่องเต้ คงจะดีไม่น้อย น่าเสียดายที่บรรพบุรุษตระกูลหลี่เป็นถึงเซียน คงจะดูถูกบัลลังก์”
“ใช่แล้ว พวกเราในชีวิตนี้ แม้แต่ตำแหน่งนายอำเภอยังเป็นไม่ได้ แต่บรรพบุรุษตระกูลหลี่กลับไม่ต้องการเป็นแม้แต่ฮ่องเต้ นี่แหละเซียน”
“...”.
ในเมืองหลัว เรื่องที่หลี่ซูแต่งงานกับองค์หญิงแห่งราชวงศ์ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ในสายตาของปุถุชนในแคว้นหวู่ สถานะของราชวงศ์ยังคงสูงส่ง
ในราชวงศ์เองก็มี “เซียน”
ไม่คิดเลยว่า ตอนนี้ราชวงศ์ถึงขั้นส่ง “เซียนหญิง” มาแต่งงานกับบรรพบุรุษตระกูลหลี่
ได้ยินมาว่าหลังจากเข้าตระกูลหลี่แล้ว ยังคงเป็นเพียงอนุภรรยา
เรื่องนี้ยิ่งแสดงให้เห็นว่า “เซียน” อย่างบรรพบุรุษตระกูลหลี่นั้นทรงอำนาจเพียงใด
ในบรรดา “เซียน” ถือว่าเป็นคนที่ทรงอำนาจมาก ๆ
เซียนที่มีชีวิตอยู่และทรงอำนาจเช่นนี้ ยังปฏิบัติต่อผู้คนบริเวณรอบ ๆ เมืองหลัวเป็นอย่างดี เรื่องนี้จึงทำให้หลี่ซูได้รับคำชมจากทุกคน
บริเวณรอบ ๆ เมืองหลัว ภายใต้อิทธิพลของหลี่ซู ขุนนางหลายคนไม่กล้าทุจริต โจรก็ไม่กล้าทำชั่ว ถือได้ว่าเป็นยุคที่ผู้คนไม่เก็บของตกหล่น
.
ในห้องที่อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ แสงเทียนส่องสว่างทั่วทั้งห้อง
หญิงสาวในชุดสีแดงสดนั่งอยู่บนเตียง
นี่คือองค์หญิงของราชวงศ์
หลี่ซูเปิดผ้าคลุมหน้า
อีกฝ่ายยังเยาว์วัย เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะได้ไม่นาน
ถึงแม้จะมีรากวิญญาณ แต่อายุของนางยังน้อย ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ระดับหลอมปราณ
รูปโฉมนั้นงดงาม ดวงตางดงามดั่งดอกบัว คิ้วโก่งดั่งใบหลิว เป็นหญิงงามตามแบบฉบับ
นี่คือองค์หญิงน้อยของราชวงศ์ ในเมืองหลวงยังมีฉายาว่า “ไข่มุก”
ตอนแร่นางยังต่อต้านอยู่บ้าง แต่หลังจากได้พบเจอหลี่ซู ความต่อต้านนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะมีรากวิญญาณ แต่หากในชีวิตนี้สร้างฐานไม่สำเร็จ ก็สู้หาสามีที่ถูกใจ ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
หลี่ซูสามารถตอบสนองจินตนาการของผู้หญิงได้ทั้งหมด
ทั้งพลังแข็งแกร่ง รูปโฉมหล่อเหลา และยังปฏิบัติต่อภรรยาของตนเองเป็นอย่างดี
ทำให้นางรู้สึกเหมือนตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น
หลี่ซูปล่อยให้เทียนไขดับลง
.
“ท่านพี่ ทำไมถึงท้องอีกแล้ว”
เพียงแต่ ไม่นาน องค์หญิงน้อยของราชวงศ์ก็กลุ้มใจ
หลังจากแต่งงานกับหลี่ซูสามปี นางให้กำเนิดบุตรให้หลี่ซูสองคน แต่ไม่กี่เดือนต่อมา นางกลับตั้งครรภ์อีกครั้ง
หลี่ซูไม่ได้ไปไหนในช่วงหลายปีมานี้ คอยอยู่เคียงข้างพวกนาง
อีกครึ่งปีต่อมา องค์หญิงน้อยของราชวงศ์ให้กำเนิดลูกหลานที่มีรากวิญญาณให้หลี่ซู
“ในที่สุดก็เกินยี่สิบคนแล้ว”
หลังจากลูกหลานคนนี้ถือกำเนิด จำนวนลูกหลานที่มีรากวิญญาณของหลี่ซูก็เกิน 20 คน
ในจำนวนนี้ รากวิญญาณที่ดีที่สุดคือลูกหลานสองคนที่มีรากวิญญาณระดับแปด
เรื่องรากวิญญาณนี้ไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ
บางครั้งคู่สามีภรรยาที่เป็นปุถุชน ก็อาจจะให้กำเนิดลูกหลานที่มีรากวิญญาณระดับหกขึ้นไปได้
ในเขตปกครองของนิกายเซียนสามนิกาย รากวิญญาณระดับหกขึ้นไปนั้นหายากมาก
ทุกครั้งที่ปรากฏ จะถูกนิกายเซียนสามนิกายรับเป็นศิษย์แกนหลัก และได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด
ถึงแม้หลี่ซูจะมีบุญคุณกับประมุขสำนักเซียนเวหา แต่ทรัพยากรที่เขาได้รับก็เทียบกับศิษย์แกนหลักไม่ได้
.
ลูกหลานที่มีรากวิญญาณยี่สิบคน ทำให้หลี่ซูได้รับตบะหนึ่งร้อยปี และประสบการณ์การสร้างค่ายกลหนึ่งร้อยปี
“ในที่สุดก็ถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้ว!”
ครั้งนี้ ตบะของหลี่ซูในที่สุดก็มาถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐาน
ลูกหลานที่มีรากวิญญาณยี่สิบคน ทำให้รากวิญญาณของหลี่ซูมีระดับเพิ่มขึ้น รางวัลตบะปีนี้จึงยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ถึงแม้ว่าระยะห่างระหว่างระดับสร้างฐานขั้นเก้ากับขั้นสิบจะมาก แต่ตบะหนึ่งร้อยปีนี้ ก็ทำให้หลี่ซูไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐาน
ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากระดับแกนทองเพียงก้าวเดียว
เพียงแต่ก้าวนี้ไม่ง่ายเลย
หากเป็นการฝึกฝนตามปกติ หลังจากไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานแล้ว หากต้องการทะลวงไปถึงระดับแกนทอง สิ่งแรกที่ต้องทำคือสะสมพลัง หลอมพลังแก่นแท้อย่างต่อเนื่อง
กระบวนการนี้ต้องใช้เวลามาก สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ดี ต่อให้แช่อยู่ในกองหินวิญญาณ ก็อาจจะไม่เพียงพอ
เพราะการไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานก็ต้องใช้เวลามากแล้ว
ระยะห่างจากจุดสูงสุดระดับสร้างฐานไปถึงระดับแกนทองนั้น มากกว่าระยะห่างจากปุถุชนไปถึงจุดสูงสุดระดับสร้างฐานมาก
เมื่อทะลวงไปถึงระดับแกนทองแล้ว ก็จะมีความแตกต่างจากระดับสร้างฐานราวฟ้ากับดิน
ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานโดยทั่วไปจะมีอายุขัยเพียงสองร้อยกว่าปี
แต่ผู้บำเพ็ญระดับแกนทอง อายุขัยขั้นต่ำคือห้าร้อยกว่าปี เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
ผู้บำเพ็ญระดับแกนทองระยะปลายยิ่งมีอายุขัยประมาณหนึ่งพันปี
นี่เป็นอายุขัยโดยไม่ใช้โอสถยืดอายุใด ๆ
ในด้านพลังอิทธิฤทธิ์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน
.
เส้นทางของหลี่ซูแตกต่างจากคนอื่น
“อาศัยตบะที่ได้รับจากระบบ ไม่รู้ว่าสามารถทะลวงไปถึงระดับแกนทองได้หรือไม่”
หลี่ซูคิด
แค่ตบะ ด้วยระดับรากวิญญาณของเขาในตอนนี้ คงต้องสะสมตบะอีกเป็นพันปี หรืออาจนานกว่านั้น ถึงจะสามารถทะลวงไปถึงระดับแกนทองได้
นี่เป็นผลลัพธ์หลังจากรากวิญญาณของเขาพัฒนาขึ้นมาก
หากเป็นรากวิญญาณตอนแรก คงต้องใช้ตบะหมื่นปีก็ยังไม่พอ
“ไม่รีบร้อน”
หลี่ซูไม่ได้รีบ
เขายังมีเวลาอีกมาก
“ค่ายกล”
หลี่ซูดูดซับประสบการณ์การสร้างค่ายกลหนึ่งร้อยปี
ดูเหมือนว่าเมื่อจำนวนลูกหลานที่มีรากวิญญาณเพิ่มขึ้น นอกจากจะทำให้ตบะของหลี่ซูเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้หลี่ซูได้รับประสบการณ์ในด้านอื่น ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ประสบการณ์การสร้างค่ายกลนั้น ในระดับหนึ่งแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับรากวิญญาณ
แน่นอน หากไม่มีรากวิญญาณ ไม่อาจบำเพ็ญ ไม่มีพลังแก่นแท้และพลังวิญญาณ ก็ไม่อาจสร้างค่ายกลได้
การสร้างค่ายกล การหลอมอาวุธ ประสบการณ์นั้นสำคัญมาก
ส่วนพรสวรรค์นั้นเป็นเพียงตัวเสริม
ดังนั้น ประสบการณ์การหลอมอาวุธหนึ่งร้อยปีที่ได้รับก่อนหน้านี้ และประสบการณ์การสร้างค่ายกลหนึ่งร้อยปีปีในครั้งนี้ ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากรากวิญญาณของหลี่ซู
เรื่องนี้จึงทำให้ความสามารถในการหลอมอาวุธและสร้างค่ายกลของหลี่ซูค่อนข้างดี
ในประสบการณ์การสร้างค่ายกลหนึ่งร้อยปีนี้ มีวิธีการสร้างค่ายกลพื้นฐานมากมาย
เพียงแต่ส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์พื้นฐาน หากเป็นค่ายกลที่ซับซ้อน ยังต้องอาศัยหลี่ซูในการเรียนรู้
แน่นอน เมื่อมีประสบการณ์พื้นฐานแล้ว การเรียนรู้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
หลังจากได้รับประสบการณ์การสร้างค่ายกลแล้ว หลี่ซูก็เริ่มทดลองสร้างค่ายกลอยู่เรื่อย ๆ และสร้างค่ายกลบางส่วนรอบ ๆ คฤหาสน์ตระกูลหลี่
ต่างจากการหลอมอาวุธ การหลอมอาวุธนั้นต้องใช้วัสดุ การที่หลี่ซูจะรวบรวมวัสดุด้วยตนเองนั้นค่อนข้างยุ่งยาก
แต่ค่ายกลนั้นง่ายกว่า
หลี่ซูนำอาวุธเวทที่เขาเคยหลอมไว้มาหลอมละลาย แยกวัสดุบางส่วนออกมา ทำธวัชค่ายกล ก็สามารถสร้างค่ายกลได้
ถือว่าดี
มีค่ายกลแล้ว ความปลอดภัยของคฤหาสน์ตระกูลหลี่ก็ยิ่งสูงขึ้น
ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้ว ในเขตปกครองของนิกายเซียนสามนิกายจะสงบสุข ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น
ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องหลี่ซู
แต่มีวิธีป้องกันมากขึ้น ก็ย่อมปลอดภัยมากขึ้น ต้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
.
“ท่านพี่ คฤหาสน์บนภูเขาหายไปไหนแล้ว”
วันหนึ่ง หลี่ซูพาภรรยาของตนเองมาถึงนอกคฤหาสน์บนภูเขา จากนั้นก็เปิดใช้งานมหาค่ายกลพิทักษ์บรรพต
จากนั้น พวกนางก็เห็นว่าคฤหาสน์บนภูเขาหายไปจากสายตา
“ค่ายกลของท่านพี่ช่างทรงอำนาจ!”
ผู้บำเพ็ญหญิงเหล่านี้รู้ได้ทันทีว่านี่คือค่ายกล
หนิงเสี่ยวหยู่บินขึ้นไป ไม่ว่านางจะค้นหาอย่างไร ในบริเวณที่เดิมเคยเป็นคฤหาสน์บนภูเขา ก็ไม่พบ
“เสี่ยวหยู่ ข้ามอบแผ่นค่ายกลนี้ให้เจ้า ต่อไปหากข้าไม่อยู่ หากพบเจออันตราย ก็เปิดใช้งานค่ายกลได้”
หลี่ซูมอบแผ่นค่ายกลให้กับหนิงเสี่ยวหยู่ นี่เป็นผู้บำเพ็ญหญิงคนแรกที่เขาแต่งงานด้วย หลี่ซูจึงวางใจที่จะมอบหมายเรื่องต่าง ๆ ให้นาง