บทที่ 58 สั่งสอนหยางเล่อเล่อ
ทันทีที่ฟ้าสาง เสียงผัดอาหารก็ดังมาจากห้องครัว กลิ่นหอมลอยตามลมออกไปข้างนอก สุนัขฮาฮาเฝ้ารออยู่ตรงนั้น มันวิ่งวนไปวนมาในครัวไม่หยุด
นอกจากสุนัขฮาฮาที่น้ำลายไหลแล้ว หยางเล่อเล่อซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก็มองเนื้อในหม้อด้วยตาเป็นประกาย
เมื่อก่อนเขารู้สึกว่ากินวันละมื้อก็ดีแล้ว แต่ตั้งแต่ได้กินอาหารที่หวายเยี่ยทำ สามมื้อต่อวันก็ยังไม่พอ แค่มองดูหมูตุ๋นน้ำแดงในหม้อของหวายเยี่ย น้ำลายก็สอไม่หยุด
"หวายเยี่ย ข้าชื่นชมเจ้าจริงๆ ใบหน้าก็งาม ทำอาหารก็เก่ง"
"ฮิฮิ เรื่องเล็กน้อย ข้าเพิ่งได้วิชาทำอาหารจากท่านพ่อมาเจ็ดแปดส่วนเอง ถ้าได้สิบส่วนเต็ม ข้ารับประกันว่าเจ้าจะต้องน้ำลายไหลจนตายแน่"
"ข้าก็รู้ว่าเจ้าเก่ง งั้นขอข้าชิมสักชิ้นได้ไหม? ดูท้องข้าสิ แทบจะแบนเหลือแต่กระดูกแล้ว"
"ได้ แต่เจ้าต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง ถ้าเจ้ารับปาก ข้าจะให้เจ้าเพิ่มอีกหน่อย เป็นไง?"
"ข้าอุตส่าห์ชมเจ้า เสียเปล่าจริงๆ ... ว่ามาสิ เรื่องอะไร?"
"วันนี้เจ้าห้ามไปซื้อผลไม้แห่งชีวิตจากท่านเจ้าสำนัก"
"งั้นข้าไม่กินหมูตุ๋นแล้ว"
ล้อเล่นน่า!
กินผลไม้แห่งชีวิตวันละลูก เขาสามารถรู้สึกได้ว่าร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป และระหว่างฝึกฝนในสนามโน้มถ่วง เขาก็กัดมันไว้ในปากเป็นเวลาสามชั่วยามฝึกฝนไม่หยุด มันก็เหมือนกับการโด๊ปยา ไม่รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
ภายใต้แรงโน้มถ่วงที่เพิ่มขึ้น 9 เท่า ความก้าวหน้าในการฝึกฝนของเขาก้าวกระโดดอย่างมาก เพิ่งจะทะลวงไปถึงระดับฝึกกายาขั้นที่ 6 การฝึกฝนวิทยายุทธ์ของเขาก็มีการพัฒนาอย่างมีคุณภาพ วิทยายุทธ์จะบรรลุระดับต่ำได้ภายในอีกไม่กี่วันนี้แน่นอน
เมื่อวิทยายุทธ์ทะลวงผ่าน ระดับฝึกกายาขั้นที่ 7 ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
ระดับฝึกกายาขั้นที่ 7 ตอนอายุ 15 ปี ถ้าพูดออกไปคงจะมีหน้ามีตาในเมืองชางอู๋ คงไม่มีใครเก่งกว่าเขาแล้ว
"เชอะ ไม่ตกลงก็ช่าง ข้าจะรอดูว่าวันนี้เจ้าจะซื้อได้ยังไง เมื่อวานจ้าวชิงซื้อไม่ได้ วันนี้ต้องรีบแย่งแน่ๆ ทั้งท่านผู้อาวุโสหยุนและข้าก็ต้องการ ท่านเจ้าสำนักมีโควตาวันละสามผลก็หมดแล้ว"
"งั้นก็มาดูกันว่าใครมือไวกว่ากัน"
"ข้ากับจ้าวชิงตกลงกันแล้ว ตอนที่นางซื้อ ข้าจะดึงเจ้าไว้ ตอนที่ข้าซื้อ นางจะดึงเจ้าไว้ ฮิฮิ ดูสิว่าเจ้าจะซื้อได้ยังไง"
"ว้าว พวกเจ้าทำเกินไปแล้วนะ"
"เกินไปแล้วจะทำไม เจ้าก็สู้จ้าวชิงไม่ได้อยู่ดี"
"เจ้าช่าง… งั้นข้าจะไปดักหน้าเอง"
หยางเล่อเล่อพูดจบ ก็ไม่มีอารมณ์อยู่ในครัวอีกต่อไป เหลือบมองจ้าวชิงที่นั่งอยู่ข้างนอกห้องครัว ก็คิดแผนการขึ้นมาได้ เขาต้องไปดักรอเจ้าสำนักระหว่างทาง เมื่อกำลังจะออกไป หยางเล่เล่อก็เห็นเหวินผิงพอดี
"ท่านเจ้าสำนัก อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าขอรับ"
หยางเล่อเล่อโบกมือจากระยะไกล แววตาหิวกระหายราวกับหมาป่าเห็นลูกแกะ รีบสาวเท้าเข้าไปหา
ทันทีที่ก้าวเท้า จ้าวชิงก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา
"คุยกันหน่อยไหม"
รู้ตัวอีกที จ้าวชิงก็เอามือตระปบไปที่ไหล่ของเขาไว้แล้ว
หยางเล่อเล่อพูดว่า "เจ้าเอาจริงเหรอ?"
"แน่นอนว่าเอาจริง" จ้าวชิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
"งั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ"
พูดจบ หยางเล่อเล่อก็หันหลังกลับแล้วเหวี่ยงหมัดออกไป จ้าวชิงก็ยกมือขึ้นป้องกันโดยไม่รู้ตัว แต่หยางเล่อเล่อกลับไม่เหวี่ยงหมัดต่อ กลับหยุดกลางคันแล้ววิ่งหนีไป
"ข้าไม่สู้กับเจ้าหรอก สู้ไม่ได้อยู่แล้ว"
หยางเล่อเล่อยิ้มเยาะอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อจ้าวชิงรู้ตัวว่าถูกหยางเล่อเล่อหลอก ก็ไม่โกรธ เพียงแค่คว้าไม้กวาดที่อยู่ใกล้ๆ แล้วขว้างออกไป เล็งไปที่ท้ายทอยของหยางเล่อเล่อ
เพียะ!
หยางเล่อเล่อเกือบจะถึงตัวเหวินผิงอยู่แล้ว แต่ถูกตีเข้าอย่างจัง ทำให้เซจนเกือบล้ม
"อยากหนีเหรอ!"
จ้าวชิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ นางวิ่งเข้าไปหา แล้วกระโดดขึ้นเตะไปที่หยางเล่อเล่อ
หลังจากการต่อสู้กันหลายครั้ง หยางเล่อเล่อถูกจับมัดมือมัดเท้าเอาไว้โดยทำอะไรไม่ได้
แม้ว่าจ้าวชิงจะอยู่แค่ระดับฝึกกายาขั้นที่ 6 แต่ก็มีผิวหนังที่หนาและแข็งแรง มีพละกำลังมากตั้งแต่เกิด ความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับฝึกกายาขั้นที่ 8 แล้ว
หยางเล่อเล่อพ่ายแพ้ในทันที
"พวกเจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ! จ้าวชิง เจ้าซื้อผลแห่งชีวิต แต่ข้าเป็นจ่ายเงินให้"
"น้องหวายเยี่ยจ่ายให้ข้าแล้ว"
"ไม่นะ เจ้า... ท่านเจ้าสำนัก ช่วยเก็บผลแห่งชีวิตไว้ให้ข้าผลหนึ่ง ข้ายอมจ่ายเพิ่ม 500 ตำลึงทอง"
อย่างไรก็ตาม ไม่ถึง 30 ลมหายใจ เสียงของเหวินผิงก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
"วันนี้หมดแล้ว"
สีหน้าของหยางเล่อเล่อไม่พอใจทันที มองดูจ้าวชิงและหวายเยี่ยถือผลแห่งชีวิตคนละผลด้วยความเศร้าโศก
"ข้าไปทำอะไรให้ไม่พอใจกัน จ้าวชิง รอข้าฝึกวิชา ‘หัตถ์ทะลวงเมฆา' จนถึงความสำเร็จขั้นสูงเมื่อไหร่ ข้าจะต้องแก้แค้นให้ได้"
"เจ้าเพิ่งจะฝึกวิชา 'หัตถ์ทะลวงเมฆา' จนถึงความสำเร็จขั้นต่ำ คิดจะฝึกให้สำเร็จขั้นสูง ช่างคิดไปไกลจริงๆ"
จ้าวชิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ คิดในใจว่า ต่อให้หยางเล่อเล่อฝึกวิชา 'หัตถ์ทะลวงเมฆา' จนสำเร็จขั้นสูง ความแข็งแกร่งในตอนนั้นก็คงพอๆ กับนางในตอนนี้
ตอนนั้นนางคงไปถึงระดับฝึกกายาขั้นที่เจ็ดแล้ว ยังไงก็ยังสามารถเอาชนะหยางเล่อเล่อได้เหมือนเดิม
เหวินผิงมองหยางเล่อเล่อด้วยสายตาครุ่นคิด พึมพำกับตัวเองสองสามคำ แล้วพูดว่า
"หยางเล่อเล่อ นับจากวันนี้เป็นต้นไป เมื่อใดที่เจ้าสามารถต่อสู้กับจ้าวชิงได้อย่างสูสี ค่อยมาขอซื้อผลแห่งชีวิตจากข้า"
"หา!"
ไม่ใช่แค่หยางเล่อเล่อเท่านั้น แม้แต่จ้าวชิงที่ล้อเล่นอยู่ก็ยังตกตะลึง
หยางเล่อเล่อรีบพูดว่า "ท่านเจ้าสำนัก จ้าวชิงไม่ใช่คนธรรมดา เขาไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน ตอนที่เขาอยู่ระดับฝึกกายาขั้นที่ห้า เขาก็สามารถสู้กับสัตว์อสูรระดับฝึกกายาขั้นที่เจ็ดได้ ข้าจะสู้กับเขาได้อย่างสูสีได้ยังไง"
"เจ้าหมายความว่าเจ้าสู้เขาไม่ได้?"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หยางเล่อเล่อก็พูดไม่ออก
ลองถามดูว่าใครอยากจะยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น? แม้ว่าจะคิดแบบนั้นในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
น้ำเสียงเฉยเมยของเหวินผิงทำให้ทุกคนไม่สามารถหัวเราะออกมาได้อีก จ้าวชิงก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ นางแค่ตั้งใจจะไม่ให้หยางเล่อเล่อซื้อได้ในวันนี้ ไม่ได้คิดว่าจะไม่ให้เขาซื้อได้อีกในอนาคต
แต่เรื่องราวกลับกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
จ้าวชิงรีบพูดว่า "ท่านเจ้าสำนัก นี่ไม่ใช่ความผิดของเขาจริงๆ แต่มันเป็นเพราะสายเลือดของพวกเราต่างกัน"
"นั่นไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับความอ่อนแอ หยางเล่อเล่อ เจ้ายังจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าได้ไหม?"
หยางเล่อเล่อพยักหน้า "จำได้ขอรับ"
"ดีแล้ว ถ้าความแตกต่างของสายเลือดเป็นเหตุผลที่เจ้าเต็มใจที่จะอ่อนแอลง วันนี้เจ้าก็เก็บข้าวของออกไปจากสำนักอมตะได้เลย สำนักอมตะจะไม่รับคนขี้ขลาดที่คิดว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่น"
จริงๆ แล้ว เหวินผิงไม่ได้ต้องการให้มีคนมาซื้อผลแห่งชีวิตจากเขาน้อยลง แต่เขาไม่คิดว่าในขณะที่ขอบเขตของหยางเล่อเล่อก้าวหน้า ความแตกต่างในด้านความแข็งแกร่งจะมากขนาดนี้ แน่นอน เหวินผิงยอมรับว่าสัตว์อสูรแปลงกายนั้นแข็งแกร่งจริงๆ
แต่สิ่งที่ผลแห่งชีวิตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในระยะสั้น โอกาสที่หยางเล่อเล่อได้รับกลับช่วยเขาเปลี่ยนแปลงได้ และยังทำได้โดยที่ไม่เปลี่ยนระดับคุณสมบัติ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโอกาสที่เขาได้รับนั้นยิ่งใหญ่มากเพียงใด
การแพ้จ้าวชิงในขอบเขตเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าไม่สมเหตุสมผล
อาจกล่าวได้ว่า หยางเล่อเล่ออาจจะยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้โดยปริยาย คิดว่าการที่จ้าวชิงแข็งแกร่งกว่าเขาเป็นเรื่องธรรมดา จ้าวชิงคือคนที่ไม่มีใครเอาชนะได้
เหวินผิงไม่ใช่อาจารย์ แต่ในฐานะเจ้าสำนัก เขาต้องบอกหยางเล่อเล่อว่า ถ้าอ่อนแอแล้วยอมรับ ก็จะกลายเป็นคนธรรมดาในไม่ช้า
พูดจบ เหวินผิงก็หยิบกระดาษสีขาวออกมาหลายแผ่นจากอกเสื้อ มีบางอย่างเขียนอยู่บนนั้น แต่ถ้ามองผ่านๆ ก็มองไม่เห็น เขายื่นกระดาษเหล่านั้นให้หยางเล่อเล่อ แล้วพูดว่า
"ไปติดกระดาษพวกนี้ไว้ที่สนามโน้มถ่วงและเขตที่พัก"
หยางเล่อเล่อรับกระดาษเหล่านั้นจากมือของเหวินผิงอย่างเงียบๆ แล้วเหลือบมอง เห็นสิ่งที่เขียนอยู่บนนั้น
สนามโน้มถ่วง 10 ตำลึงทองต่อชั่วโมง จำกัดวันละ 3 ชั่วยาม
เขตที่พัก 50 ตำลึงทองต่อวัน
ผลแห่งชีวิต ผลแรก 50 ตำลึงทอง ผลที่สอง 100 ตำลึงทอง ผลที่สาม 500 ตำลึงทอง
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
สนามทดสอบสัตว์อสูร 50 ตำลึงทองต่อวัน, สนามรบ ครั้งละ 100 ตำลึงทอง ครั้งละหนึ่งชั่วยาม (2 ชั่วโมง)
(จบตอน)