ตอนที่แล้วบทที่ 36 สำนักเกาซานร้อนใจ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 38 คลื่นลมที่ภูเขาอวิ๋นหลาน

บทที่ 37 พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา!


说曹操, 曹操就到 (ซัวเฉาเชา เฉาเชาจิ้วเต้า) หมายถึง เมื่อเรากำลังพูดถึงใครสักคนหนึ่ง คนๆนั้นก็ มาถึงพอดี)

………

ตกต่ำถึงขนาดนี้แล้วยังหยิ่งอีก!

คิดว่าตัวเองยังเป็นคุณชายน้อยแห่งสำนักสองดาวอยู่หรือไง? ที่แบบนี้ ต่อให้เชิญมาอีกครั้ง นางก็ไม่มาแล้ว

ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงบันไดอย่างช้าๆ ก็เห็นจุดดำเล็กๆ จำนวนมากปรากฏขึ้นที่เชิงเขา พวกมันรวมกลุ่มกันเดินตามขั้นบันไดขึ้นมา เมื่อเข้ามาใกล้ ซือหัวก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

มองไปที่คนกลุ่มนั้นที่เชิงเขา สีหน้าของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นซับซ้อน หันกลับไปมองอย่างครุ่นคิด ราวกับลังเลอะไรบางอย่าง

ขณะที่ยังลังเลไม่แน่ใจ หลี่เยว่มี่ก็จับมือซือหัวแล้ววิ่งเข้าไปในป่าข้างทางโดยไม่หันกลับมามอง

"คิดอะไรอยู่ ถ้าผู้อาวุโสเห็นว่าเราแอบมาที่สำนักอมตะ พวกเราคงไม่เพียงโดนลงโทษเบาๆ แน่"

"ข้าไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้" ซือหัวที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าพึมพำออกมา

"เจ้าพูดว่าอะไรนะ?"

"เปล่า แค่รู้สึกว่าผู้อาวุโสหยางพาคนมาสำนักอมตะตอนนี้ คงต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ"

"งั้นก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วสิ!"

"อะไรนะ?"

"คิดดูสิ ผู้อาวุโสหยางเป็นคนของสำนักเกาซานโดยแท้จริงซึ่งเป็นศัตรูกับสำนักอมตะ วันนี้มาที่นี่ แถมยังพาคนมาตั้งเยอะ ไม่ได้มาหาเรื่อง จะมาดื่มน้ำชาคุยเล่นกันหรือไง?" หลี่เยว่มี่หัวเราะเยาะอย่างสะใจสองสามครั้ง ก่อนจะใช้ศอกสะกิดซือหัว

"เจ้าคงไม่ได้คิดจะไปบอกข่าวให้เหวินผิงรู้หรอกใช่ไหม?"

"อะ! เปล่า..."

ตอนพูดประโยคนั้น ซือหัวดูเหมือนแมวที่โดนเหยียบหาง

"ไม่มีก็ดีแล้ว คนแบบนั้นสมควรได้รับบทเรียน คิดว่าตัวเองแน่ คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง?"

พูดจบ หลี่เยว่มี่ก็เงียบเสียงไป จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านหน้าพวกนางไปไกลๆ จึงออกมาจากป่า เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็น จึงรีบวิ่งลงไปที่ตีนเขาอวิ๋นหลาน

ถึงแม้ว่าจะอยากเห็นภาพที่ผู้อาวุโสหยางขึ้นไปกดดันจนเหวินผิงไม่กล้าพูดเสียงดัง แต่ก็กลัวว่าจะถูกจับได้ จึงต้องรีบไปก่อน

แต่ไม่ว่าจะได้ดูหรือไม่ สุดท้ายก็มีแค่ผลลัพธ์เดียว

เมื่อยามเย็นมาเยือน

แสงสีแดงจากขอบฟ้าค่อยๆ เลื้อยขึ้นมาถึงยอดเขาจนปกคลุมภูเขาและสายน้ำเบื้องหน้าหอพักด้วยม่านสีแดงระเรื่อ

กลุ่มชายชดดำนำโดยหยางหัว อาวุโสแห่งสำนักเกาซาน ผู้มีผมหงอกขาวทั้งสองข้าง พร้อมกับลูกศิษย์อีกสิบสามคน พวกเขาเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาอวิ๋นหลานด้วยท่าทีน่าเกรงขาม เมื่อยืนอยู่หน้าห้องโถงหลักที่ว่างเปล่า หยางหัวยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไป

ไม่นานนัก ทุกคนก็กลับมาพร้อมกับชายชราคนหนึ่งที่ถูกจับตัวมาอยู่ใต้รูปปั้นเสือหินหน้าห้องโถงหลัก

หยางหัวมองชายชราตรงหน้าอย่างเย็นชา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ตาแก่ เจ้าสำนักอยู่ไหน?"

"เจ้าสำนักพวกเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร"

หวังป๋อส่งสายตาแปลกๆ ไปให้หยางหัว คิดในใจว่าคนผู้นี้ไม่เจอเจ้าสำนัก แล้วจะมาถามเขาซึ่งคนแก่ๆ คนหนึ่งทำไม

แต่เมื่อเห็นท่าทางดุร้ายของอีกฝ่าย เขาก็ไม่กล้าพูดความคิดในใจออกมา ได้แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ

ฮึ่ม!

เสียงฮึดฮัดเย็นชา

หยางหัวสลัดคราบผู้อาวุโสสำนักเกาซานออกไป เหมือนอันธพาลที่โกรธจนเส้นผมชี้ตั้ง คว้าด้ามดาบไว้แน่น

เสียงดาบถูกชักออกมาดังขึ้น แสงสีขาวพุ่งออกจากฝักดาบด้านหลัง ในชั่วพริบตาก็มาหยุดอยู่ที่ไหล่ของหวังป๋อ

หวังป๋อเป็นเพียงคนธรรมดา ที่อยู่ในสำนักอมตะมานานก็แค่กวาดพื้นเท่านั้น เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ดาบจ่อคอ เขาแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความกลัว ถูกคนของสำนักเกาซานจับตัวไว้ เขาเหลือบมองไปที่คมดาบบนไหล่ของเขาเป็นระยะ

อาจจะแค่ขยับเข้าไปอีกนิดเดียว เขาก็ต้องจบชีวิตลง

หยางหัวเห็นดังนั้นก็ไม่สะทกสะท้าน สีหน้ายังคงเย็นชา ในใจของเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นแค่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่เกี่ยวข้องกับสำนักอมตะ ดาบของเขาก็จะไม่ปราณี นอกจากนี้ วันนี้เขามาเพื่อทำภารกิจ หากไม่สั่งสอนคนของสำนักอมตะ พวกมันก็จะไม่รู้จักความกลัว

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมสำนักอมตะถึงได้รับความช่วยเหลือจากเจียงเยว่เยี่ยอย่างกะทันหัน แต่เขารู้ว่าไม่ว่าจะมีสมาคมร้อยสำนักหรือไม่ สำนักอมตะก็ยังเป็นของที่สำนักเกาซานจะต้องได้มา ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้

จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง "บอกมา เจ้าเด็กเหวินผิงอยู่ที่ไหน ถ้าไม่บอก ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยดาบนี้!"

คมดาบกดลงไปอีก จ่อเข้าที่คอของหวังป๋อ

แค่สัมผัสเบาๆ ก็ทำให้คอของหวังป๋อมีบาดแผลเล็กๆ เลือดไหลออกมาเปื้อนคมดาบ

"หยุดนะ!"

เหวินผิงที่เดินมาจากศาลาทิงอี่อย่างเชื่องช้า เขาปรากฏตัวขึ้นที่ริมป่าข้างห้องโถงหลัก เมื่อเห็นว่าหวังป๋อไม่ได้รับอันตราย ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าห้องโถงหลัก มองหยางหัวและคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย็นชา พลางพูดว่า

"สำนักเกาซานพวกเจ้าทำตัวต่ำช้าขนาดนี้เลยหรือ? แม้แต่คนแก่ธรรมดาๆ ก็ยังจะรังแก"

ถ้าเป็นไปได้ เหวินผิงอยากจะเดินเข้าไปแล้วเตะผ่าหมากมันสักทีจริงๆ

คนเราจะชั่วช้าได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

ลอบกัดข้างหลังก็ยังพอว่า เพราะมันเป็นเรื่องของกฎการอยู่รอด เหวินผิงยอมรับความจริงที่ว่าสำนักอมตะถูกพวกมันทำลายได้ และในอนาคต ถ้ามีโอกาสจัดการสำนักเกาซาน เขาก็จะทำแบบเดียวกัน

แต่ผู้ฝึกตนระดับ 13 กลับใช้ดาบขู่คนแก่เกือบร้อยปีที่ไม่มีทางสู้ นี่เป็นสิ่งที่เขารังเกียจ

หยางหัวไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมา พลางพูดว่า "ดูท่าจะไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ อดีตคุณชายน้อยแห่งสำนักอมตะโตขึ้นแล้วสินะ"

เหวินผิงไม่ได้มองเขา และไม่อยากสนใจว่าเขาจะพูดอะไร เขาพูดตรงๆ มองไปที่ดาบที่จ่ออยู่บนไหล่ของหวังป๋อ จากนั้นจึงพูดว่า

"ผู้อาวุโสหยาง ข้ามาแล้ว ท่านไม่ควรวางดาบลงหรือ?"

หยางหัวหัวเราะ ดาบยังคงไม่ขยับ เขาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า "ผิดหวังหรือเปล่า ที่คนจากจวนเจ้าเมืองไม่มาช่วยเจ้า?"

"ถ้าท่านต้องการข่มขู่ข้า ท่านก็ทำสำเร็จแล้ว"

"ถ้าอยากช่วยตาแก่นี่ งั้นเรามาทำข้อตกลงกันดีไหม?"

"ข้อตกลงอะไร?"

จริงๆ แล้วเขารู้ว่า ถึงเขาไม่ถาม หยางหัวก็ต้องพูดอยู่ดี

หยางหัวมองไปที่ชายชุดดำข้างๆ เขา ชายคนนั้นรีบหยิบตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อ มูลค่ามากถึง 5,000 ตำลึงทอง

"5,000 ตำลึงทอง ขายภูเขาเย่าและภูเขาเฟยเจี่ยให้ข้า"

"ถ้าข้าไม่ขายล่ะ?"

"งั้นข้าก็ฆ่าเขา แล้วสร้างปัญหาให้สำนักอมตะ เจ้าอาจจะคิดว่าจวนเจ้าเมืองจะช่วยเจ้าได้ แต่ถ้าสำนักอมตะหายไปจริงๆ เจ้าคิดว่าจวนเจ้าเมืองจะยอมเป็นศัตรูกับสำนักเกาซานเพื่อสำนักที่หายไปแล้วหรือ?"

พูดตามตรง เขาไม่กลัวว่าเหวินผิงจะไม่ขาย

ตอนนี้ในหัวของเขามีวิธีเป็นร้อยที่จะทำให้เหวินผิงยอมจำนน การใช้คนของสำนักอมตะมาข่มขู่เป็นเพียงวิธีหนึ่งเท่านั้น

ถ้าเหวินผิงยอมทิ้งตาแก่นี่ไปก็ไม่เป็นไร เขาเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับ 13 แค่ใช้นิ้วจิ้มเดียว เจ้าสำนักน้อยตรงหน้าก็จะหายไปจากโลกนี้ ทำแบบนี้ง่ายกว่า ไม่ต้องเสีย 5,000 ตำลึงทองด้วยซ้ำ!

พวกผู้อาวุโสในสภานั่นมันระวังตัวมากเกินไป คิดว่าสำนักอมตะจะมีแผนสำรองอะไร คิดว่าอูฐผอมก็ยังใหญ่กว่าม้า

เรื่องง่ายๆ แบบนี้ เขาเชื่อว่าเหวินผิงเองก็น่าจะเข้าใจ

(จบตอน)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด